บทที่ 305 พิสูจน์สายเลือด

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

ตอนที่305 พิสูจน์สายเลือด

เจียงหยุนเอ๋อส่ายหัว “ไม่ใช่ค่ะ”

“ฉันลองทดสอบแล้ว ถึงแม้เขาสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับร่องรอยและปัญหาได้ก็จริงอยู่ แต่รายละเอียดลึกๆแล้วเขาไม่รู้เรื่องเอาเลย คล้ายกับว่าตอบคำถามตามรูปแบบที่กำหนดไว้ ท่องออกมา ดูเหมือนเป็นแบบเครื่องจักรเกินไป”

หยุดพูดสักครู่ เจียงหยุนเอ๋อดูเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วพูดต่อไปว่า

“ฉันมักจะมีความรู้สึกอีกอย่างว่า เรื่องนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิด คุณว่าพ่อของถวนจื่อหายสาบสูญไปนานอย่างนี้ แล้วตอนนี้ก็ห่างกันเป็นกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว จู่ๆก็ถูกขุดขึ้นมา ฉันกลัวว่าต้องมีใครสักคนคิดไม่ซื่อ วางแผนกับดักอยู่เบื้องหลังไว้ รอให้เราโดดเข้าไปไงล่ะ”

เจียงหยุ่นเอ๋อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ที่ได้ทำการเดาสุ่มๆแล้ว ได้ผลสรุปออกมา

ตอนแรกเธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพียงแค่ได้เห็นท่าทางที่ยืนหยัดของโมเฉินยี่ เธอก็รู้สึกคล้ายๆว่าต้องมีอะไรที่ชอบมาพากล

อีกอย่างคือ สัมผัสที่หกของผู้หญิงบอกเธอว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายอย่างที่คิด การปรากฏตัวของ โมเฉินยี่ มันต้องมีลางสังหรณ์อะไรสักอย่าง แปดหรือเก้าในสิบต้องมีคนบงการแน่นอน จึงออกมาแสดงตัวเพื่อรับรองเด็กคนนี้

หลังจากได้ฟังการวิเคราะห์ของเจียงหยุนเอ๋อแล้ว แววตาของลี่จุนถิงเกิดประกายความเยือกเย็นอย่างไม่รู้ตัว เหมือนน้ำแข็งที่เริ่มละลายในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทำให้เกิดความรู้สึกเย็นเยือกแก่ผู้พบเห็น

ถ้าหากไม่ใช่เรื่องจริงละก็ จุดประสงค์ของคนที่บงการอยู่เบื้องหลังนั้น ก็คงจะต้องคิดทบทวนเรื่องทั้งหมดกันใหม่ นึกถึงสถานการณ์ของเจียงหยุนเอ๋อแล้ว ลี่จุนถิงก็ยิ่งไม่สบายใจมากขึ้น

“เพียงแต่ฉันยังไม่เข้าใจ เป็นใครกันแน่ที่อยากได้ถวนจื่อ ถึงแม้ว่าฉันเคยมีศัตรูไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับถวนจื่อเลย” เจียงหยุนเอ๋อครุ่นคิดหาคำตอบ

มองเห็นท่าทางมึนงงของเจียงหยุนเอ๋อแล้ว ลี่จุนถิงใช้มือไปเชยคางของเจียงหยุนเอ๋ออย่างเห็นใจแล้วยิ้มให้

“อย่าคิดมากไปเลยครับ ในเมื่อไม่ใช่แล้วก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างนี้ความรักของเราก็ไม่มีวันจางหายไปตลอดกาล ไปเถอะครับ เรากลับไปบ้านกัน ถวนจื่อยังรอเราอยู่ที่บ้านนะ”

ลี่จุนซินปล่อยมือลง แล้วเปิดประตูรถด้านผู้โดยสาร ทำท่าทางเชิญขึ้นรถ

หันไปมองภัตตาคารหลังใหญ่นั่น หว่างคิ้วของเจียงหยุนเอ๋อปกคลุมด้วยรอยยิ้มเพิ่มขึ้นมา พยักหน้าแล้วเดินขึ้นรถ

“ไปเถอะค่ะ กลับบ้านกัน”

อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องอาหาร

ยังไม่ทันที่รอให้เจียงหยุนเอ๋อจากไปไกล ปรากฏสาววัยกลางคนแต่งตัวเหมือนผู้ดีสูงศักดิ์นางหนึ่งออกมาจากมุมใดมุมหนึ่งเดินตรงเข้ามา มองหน้า โมเฉินยี่ ไม่พูดจาอะไร แล้วเลือกที่นั่งลง ยกขาไขว่ห้างขึ้น

“เรื่องมันถูกจับพิรุธได้”

โมเฉินยี่ ไม่ได้เหลือกตาขึ้นมอง เพียงแต่แอบถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหมดปัญญาแก้ปัญหาหรือรู้สึกเสียดายกันแน่

คำตอบของ โมเฉินยี่ นั้น ฟู้ชูเหม่ยดูเหมือนจะคาดเดาไว้ก่อนแล้ว จึงไม่มีกิริยาโต้ตอบใดใด พยักหน้าเล็กน้อย แล้วนั่งเล่นนิ้วมือตัวเอง

“นี่จะโทษคุณก็ไม่ได้หรอก ผู้หญิงคนนี้เตรียมใจพร้อมระวังภัยอย่างดี ต่อให้มีแค่รอยพิรุธเพียงเล็กน้อยเธอก็ยังจะขยายจนสามารถมองเห็นได้ ยังไงเสียเธอก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่ผ่านชีวิตโชกโชนมามากมาย หากเรื่องสำเร็จได้ง่ายดายเช่นนี้ คิดว่าฉันก็คงจะหลอกเธอได้สำเร็จนานแล้ว”

แม้ว่าฟู้ชูเหม่ยจะพูดปลอบใจเช่นนี้ แต่ว่าโมเฉินยี่ ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเหมือนมีก้อนหินที่ยังไม่ได้วางลง

“อีกอย่างเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ในตอนนั้น พวกเราก็ไม่มีทางรู้ มีเพียงเจียงหยุ่นเอ๋อเท่านั้นที่จะรู้ดี ฉะนั้นถูกจับพิรุธได้ก็เป็นเรื่องปกติ” ฟู้ชูเหม่ยวางกระเป๋าลง พูดอย่างไม่ช้าไม่เร็วนัก

ถึงแม้ว่าเธอสามารถใช้กลอุบายนับหมื่นนับพันที่สืบรู้ได้ว่า ร่องรอยเหตุการณ์ของเจียงหยุนเอ๋อในช่วงเวลานั้น รวมทั้งในคืนนั้นเธอเข้าห้องพักห้องอะไร มีโรงแรมอะไรบ้าง

แต่ว่าในคืนวันนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ พวกเขาก็ไม่มีโอกาสรับรู้ถึงรายละเอียดของเหตุการณ์นั้นได้ มีเพียงเจียงหยุนเอ๋อเท่านั้นที่รู้ว่า คืนนั้นเกิดอะไรขึ้น

ดังนั้น ความล้มเหลวจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล หากว่าเจียงหยุนเอ๋อเชื่อในเรื่องที่พวกเขากรุขึ้นมาตั้งแต่แรก เกรงว่าเวลานี้เธอเองคงเกิดความสงสัยขึ้นแน่

เมื่อเห็นหน้าตาท่าทางที่สิ้นหวังของ โมเฉินยี่แล้ว ฟู้ชูเหม่ยจึงตบไหล่เขาเบาๆ เพื่อปลอบใจไม่ให้เขาหมดกำลังใจเช่นนี้

“แม้จะพูดว่าตอนนี้พวกเรายังไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่เพียงพอสำหรับอธิบายให้ชัดเจน แต่ว่าเรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ฉันคิดว่าเจียงหยุนเอ๋อก็ไม่รู้ว่าพ่อให้กำเนิดของเจียงซิ่งหวีเป็นใครกันแน่ อีกทั้งเจียงหยุนเอ๋อก็พูดชัดเจนอย่างนั้น ฉันคิดว่านะ ตอนนั้นเธอคงสะลึมสะลือแทบจะจำหน้าตาแท้จริงของอีกฝ่ายเป็นอย่างไรไม่ได้ ขอเพียงแต่คุณต้องยืนยันอย่างมั่งคงว่าเป็นความผิดพลาดของตัวเองก็พอแล้ว” ฟู้ชูเหม่ยพูดปลอบใจอีกครั้ง

“แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ตาม ถึงจะพูดยังไงก็แล้วแต่ ตอนนี้เธอก็ไม่เชื่อใจผมอีกแล้ว เกรงว่าหากจะพบหน้ากันอีกก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากแล้ว”

โมเฉินยี่ พูดด้วยความกังวล

ตอนที่เจียงหยุนเอ๋อเดินจากไปนั้น สีหน้าท่าทางที่แสดงออกมา ต่อให้มองแค่แวบเดียวก็รู้ได้ว่าเธอหมดความเชื่อถือในตัวเขาแล้ว หากได้เจอกับเธออีก ก็นับว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีมหาศาลแล้ว

ฟู้ชูเหม่ยไม่ได้ต่อปากต่อคำ ได้แต่แสยะยิ้ม เชิดหางคิ้วขึ้นเล็กน้อย สักครู่ใหญ่จึงพูดออกมา “คุณวางใจเถอะ ฉันมีวิธีที่จะทำให้เธอเชื่อใจในตัวคุณอีกครั้ง แต่ว่าหลังจากนั้นต้องทำอย่างไรต่อ ก็ต้องอาศัยความสามารถส่วนตัวของคุณแล้วล่ะ ถ้าคุณยังไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง แล้วจะเผชิญหน้าเจรจากับเธอได้อย่างไรกัน”

จ้องมองไปที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำคนนี้แล้ว ฟู้ซูเหมยอดที่จะถอดใจไม่ได้

เป็นเพราะว่าไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าโมเฉินยี่ จะพ่ายแพ้ได้เร็วถึงเพียงนี้ แต่โชคดีที่ว่า เธอยังไม่ได้โง่เขลาจนเอาความหวังทั้งหมดทุ่มเทให้กับตัวเขาคนเดียว อย่างน้อยก็ยังเหลือทางเดินให้กับตัวเองบ้าง ไม่เช่นนั้นล่ะก็ ตอนนี้ก็คงถูกย้อนรอยคืนแล้วแน่นอน

“วิธีอะไรที่สามารถเรียกคืนความเชื่อใจจากเธอได้ล่ะ” โมเฉินยี่ ถามด้วยความไม่เข้าใจอย่างยิ่ง

“หมากเกมสุดท้าย DNA นี่ก็เป็นวิธีสุดท้ายของคุณด้วย จะต้องไม่พลาดโอกาสดีดีอย่างนี้เด็ดขาด” ฟู้ชูเหม่ยพูดออกมาอย่างช้าๆ

“ถึงเวลานั้นฉันจะให้หมอช่วยลงมือจัดการอยู่เบื้องหลัง เปลี่ยนแปลงแก้ไขรายงานผลตรวจล่วงหน้าก่อน คุณแค่พาเธอเข้าไปโรงพยาบาลให้ได้ จากนั้นหลอกเอา DNA ของเจียงซิ่งหวีก็ได้แล้ว”

“ถึงเวลานั้น ผลตรวจ DNA ออกมาแล้ว ผลตรวจที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยขนาดนี้ ต่อให้เจียงหยุนเอ๋อไม่เชื่อขนาดไหน ฉันคิดว่า สำหรับหลักฐานชิ้นนี้ เธอก็คงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะปฏิเสธได้ ไม่เชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ” ฟู้ชูเหม่ยแสยะยิ้ม

ขอเพียงแต่ให้ปลอมแปลงรายงานผลตรวจได้สำเร็จ เจียงหยุนเอ๋อนั่นก็ไม่มีเหตุผลอะไรมาคัดค้านแล้ว อย่าว่าแต่ไม่ยอมรับเลย หากไม่ยอมรับก็ไม่มีประโยน์อะไร

นึกถึงตรงนี้แล้ว ฟู้ชูเหม่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“เพียงแต่ว่ารายงานผลตรวจDNA นี้ จะปรากฏข้อพิรุธอะไรที่ไม่เหมาะสมออกมาบ้าง” โมเฉินยี่ ถามด้วยความกังวลใจ

เรื่องอย่างนี้หากกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา ถึงเวลานั้นถ้าลี่จุนถิงรู้เรื่องเข้า เกรงว่าจะไม่รู้ว่าจะหาคำตอบมาอธิบายอย่างไร

“คุณวางใจเถอะ ในเมื่อฉันพูดออกมาแล้ว ก็รับรองได้ว่ามีความมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่มีทางพลาดเด็ดขาด”

ฟู้ชูเหม่ยเชิดหน้าขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ