บทที่ 366 อยู่ด้วยกัน

ท่าทีของเยี่ยเฟยเฟยในสายตาของคนเป็นพ่อแม่ คืออาการเขินอาย เพิ่งมีคนรักเป็นครั้งแรกก็มักจะเขินอายเช่นนี้

เยี่ยเฟยเฟยอับจนคำพูด ทั้งยังไม่ทราบว่าควรอธิบายอย่างไร

จากนั้น พ่อและแม่ของเยี่ยเฟยเฟยจึงถามเรื่องอู๋ฝานจากเฉินปิงเหยา แน่นอนว่าคำตอบที่ได้ย่อมเป็นด้านดีของชายหนุ่ม รวมถึงท่าทีของเธอที่นอบน้อมต่อแขกกลุ่มนี้มากขึ้นด้วย

กระทั่งเฉินปิงเหยามีธุระอื่นต้องไปจัดการ พ่อและแม่ของเยี่ยเฟยเฟยจึงหยุดถาม

“ถ้ามองแค่จนถึงตอนนี้ เสี่ยวอู๋ถือว่าดีไม่น้อยเลยนะ” พ่อของเยี่ยเฟยเฟยพูดขึ้นมา

“ฉันเองก็คิดแบบนั้นค่ะ พวกเรากลับไปจะได้วางใจได้” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยตอบรับ

“พ่อกับแม่ถามแบบนี้จะได้ความจริงเหรอคะ? เฉินปิงเหยาเป็นผู้จัดการร้านให้อู๋ฝาน เธอก็ต้องพูดด้านดี ๆ ของเขาให้ฟังอย่างเดียว ต่อให้ถามถึงด้านแย่ ๆ โดยตรง มีเหรอคะที่จะได้รับคำตอบกลับมา?” เยี่ยเฟยเฟยแม้ไม่อยากพูดก็พูดออกมา

เมื่อเห็นพ่อและแม่ของตัวเองค่อนข้างสนใจสถานะของอู๋ฝาน เยี่ยเฟยเฟยก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรอีก ทำได้เพียงปล่อยให้พวกท่านเอ่ยถาม ส่วนเธอนั้นก็เพียงแค่ทานอาหารไป

“ที่ลูกพูดก็มีเหตุผล” พ่อของเยี่ยเฟยเฟยตอบรับ

“แต่ยังไงก็เถอะ ฉันมองว่าเสี่ยวอู๋ดีอย่างที่ได้ฟังมาจริง ๆ เฟยเฟยของเรามีสายตาที่ดีไม่น้อยเลย” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยตอบรับ

“ทำไมหนูถึงมีสายตาที่ดีอะไรนั่นกันล่ะคะ” เยี่ยเฟยเฟยกลอกตา “หนูบอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรกับเขาทั้งนั้น พ่อกับแม่ต้องเชื่อหนูสิคะ”

“เชื่อจ้า พวกเราเชื่อ” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยตอบรับ ขณะคนเป็นพ่อก็พยักหน้ารับเช่นกัน

แต่เยี่ยเฟยเฟยทราบดีว่าท่าทีของคนทั้งสองไม่ได้เชื่อเหมือนคำที่พูดเลยแม้แต่น้อย

“น่าทึ่งอยู่นะ รสชาติอาหารของที่นี่ดีขนาดนี้เลย เคยตระเวนทานที่เมืองหลวงมาก็หลายร้าน กลายเป็นว่าร้านพวกนั้นไม่มีร้านไหนเทียบกับที่นี่ได้เลย” พ่อของเยี่ยเฟยเฟยเอ่ยชม เพราะเขาเคยตระเวนไปตามร้านอาหารระดับสูงมากมายในเมืองหลวง แต่กลับยังต้องรู้สึกว่าร้านโลกในแหวน มีรสชาติอาหารดีเยี่ยมยิ่งกว่าทุกร้านที่เคยได้ทาน

“สมแล้วละค่ะ การที่กิจการของที่นี่ดีขนาดนี้ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องต้องแปลกใจแล้ว แค่ได้ยินผู้จัดการเฉินบอกว่าเสี่ยวอู๋กำลังรับผิดชอบงานเป็นเชฟใหญ่ของที่นี่ ทุกวันต้องคอยดูแลอาหารของลูกค้าทั้งหมด ไหนจะต้องสอนลูกศิษย์อีก เสี่ยวอู๋มีความสามารถไม่ธรรมดาเลยทีเดียว” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยเอ่ยคำชม

เพียงเวลาราวครึ่งวัน แม่ของเยี่ยเฟยเฟยก็เปลี่ยนท่าทีต่ออู๋ฝานจากระแวดระวังกลายเป็นพึงพอใจขึ้นมา กระทั่งเกิดเป็นคำชื่นชม

“พ่อกับแม่ชมเกินจริงไปรึเปล่าคะ หนูว่าอาหารของที่นี่ก็ธรรมดา” เยี่ยเฟยเฟยบุ้ยปาก

เธอไม่ยอมรับว่าอาหารฝีมืออู๋ฝานอร่อย อาจเพราะความไม่ชอบใจส่วนตัว อีกฝ่ายฉวยโอกาสกับเธอ ตอนนี้ยังทำให้พ่อกับแม่ของเธอเข้าใจผิด ทุกเรื่องมีแต่ชวนให้หงุดหงิดใจ

“ลูกบอกว่ารสชาติธรรมดา แต่ก็ยังกินเข้าไปขนาดนั้น? เมื่อกี้ตอนพ่อกับแม่คุยกัน ลูกกินไปไม่น้อยเลยนะ” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยเหม่อมองลูกสาว

เยี่ยเฟยเฟยหน้าแดงก่ำขึ้นมา แน่นอนว่าเธอชอบรสชาติอาหารของที่นี่ แต่ที่พูดออกไปแบบนั้นก็เพราะมีเรื่องเมื่อเช้ากับอู๋ฝาน ความจริงเธอทานเข้าไปไม่ใช่น้อยเลย

ขณะสบถกับตัวเองว่าทำไมไม่รู้จักยับยั้งใจเอาไว้ เยี่ยเฟยเฟยก็รีบแก้ต่างเสียงแข็ง “เพราะหนูหิวค่ะ! หิวมาก หิวมากเลย ต่อให้ไม่ใช่อาหารของที่นี่ แค่เป็นซาลาเปาหนูก็กินได้เป็นสิบลูกแล้วค่ะ”

“พ่อก็นึกว่าที่ลูกสาวพ่อบอกว่าอาหารของที่นี่รสชาติธรรมดา ก็เพราะได้ทานอาหารที่อู๋ฝานทำให้บ่อย ๆ จนชินซะอีก” พ่อของเยี่ยเฟยเฟยวิเคราะห์สถานการณ์ด้วยสีหน้าท่าทีจริงจัง

“พอพูดแบบนี้ขึ้นมา ก็เป็นไปได้นะคะ” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยพยักหน้าตอบรับ

“หนู…” ต่อหน้าข้อสันนิษฐานอันชาญฉลาดของคนเป็นพ่อ เยี่ยเฟยเฟยชะงักไปอย่างไม่ทราบว่าควรจะตอบยังไงดี

นี่ใช่การคว้าหินขึ้นมาแล้วทำหล่นใส่เท้าตัวเองหรือไม่?

เยี่ยเฟยเฟยทำได้เพียงรู้สึกขื่นขมอยู่ในใจ

หลังพ้นช่วงยุ่งมาแล้ว อู๋ฝานจึงส่งต่องานในครัวให้หลิวอี้เตารับผิดชอบ เขาเดินไปพบครอบครัวของเยี่ยเฟยเฟย อย่างไรแล้วหญิงสาวก็ถือเป็นเพื่อนร่วมบ้านเช่า เมื่อครอบครัวของเธอมาที่นี่ เขาก็ต้องไม่แล้งน้ำใจ โดยเฉพาะหลังเรื่องเข้าใจผิดเมื่อเช้า แม้จะไม่ได้ตั้งใจ แต่เรื่องก็เกิดขึ้นไปแล้ว ชายหนุ่มจึงยิ่งต้องสุภาพกับครอบครัวของเยี่ยเฟยเฟย อย่างน้อยก็ให้การดูแลอย่างถี่ถ้วน

เยี่ยเฟยเฟยบอกล่วงหน้าว่าจะพาพ่อกับแม่มาทานอาหารที่นี่ เพราะเหตุนั้นอู๋ฝานจึงจองห้องส่วนตัวเอาไว้ให้ พร้อมสั่งอาหารเตรียมรออยู่ก่อน ทั้งหมดก็เพื่อแสดงท่าทีขออภัยด้วยส่วนหนึ่ง

“ผู้จัดการเฉิน แขกที่ผมบอกไว้ก่อนหน้านี้อยู่ห้องส่วนตัวหมายเลขอะไรครับ” อู๋ฝานเจอเฉินปิงเหยาจึงเอ่ยถาม

“พวกเขาไม่ต้องการห้องส่วนตัวค่ะ ดังนั้นจึงทานอยู่ที่โถงชั้นหนึ่ง” เฉินปิงเหยาตอบกลับ

“ครับ เข้าใจแล้ว” อู๋ฝานตอบรับ อีกฝ่ายไม่ยินดีไปห้องส่วนตัว? เยี่ยเฟยเฟยมีอะไรรึเปล่า? ยังโกรธเขาอยู่งั้นเหรอ? แต่คล้ายว่าหลังได้พบเจอพ่อแม่ เธอก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว

อู๋ฝานเตรียมไปพบเยี่ยเฟยเฟยและครอบครัว ขณะที่เฉินปิงเหยาที่เดินไปอีกทางนั้น เผยยิ้มพลางมองชายหนุ่ม “เถ้าแก่ แฟนของคุณงานดีไม่น้อยเลยนะคะ น่ารักและงดงามมากค่ะ”

จบคำ เฉินปิงเหยาจึงเดินจากไป

“แฟน? นี่เราไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่?” อู๋ฝานยืนงงอยู่กับที่เพราะคำพูดของเฉินปิงเหยา พลางนึกสงสัยว่าเพราะอะไรอีกฝ่ายถึงพูดออกมาแบบนั้น มันอาจเป็นความเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงไม่คิดสนใจมากเกินควร

“คุณลุง คุณป้า อาหารเป็นยังไงบ้างครับ? รสชาติอาหารถูกปากไหมครับ?” อู๋ฝานเอ่ยทันทีที่มาถึงโต๊ะที่ครอบครัวเยี่ยเฟยเฟยนั่งอยู่

“เสี่ยวอู๋? ไม่ช่วยงานในครัวแล้วเหรอ?” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยที่เห็นอู๋ฝานจึงเอ่ยถาม “อาหารของร้านเธอ รสชาติถือว่าชั้นหนึ่ง ป้าคนนี้ไม่เคยทานอะไรอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย!”

‘ชมเกินจริงไปแล้วค่ะ’ เยี่ยเฟยเฟยบ่นพึมพำแม่ตัวเองอยู่ในใจ สายตาของเธอจ้องแม่ตัวเองที่กระตือรือร้นพูดคุยกับอู๋ฝาน มีหรือเธอจะไม่รู้ว่าแม่ของเธอมองอีกฝ่ายเป็นลูกชายอีกคนแล้ว

“ช่วงนี้ในครัวไม่ค่อยยุ่งแล้วครับ ส่วนที่เหลือปล่อยให้คนอื่นรับช่วงต่อได้ คุณลุงกับคุณป้ามาทานอาหารที่ร้านของผม ถ้าผมไม่ออกมาคุยด้วย ก็ถือเป็นการเสียมารยาทแล้วครับ” อู๋ฝานตอบกลับ

‘หยอดคำหวานเก่ง’ เยี่ยเฟยเฟยบ่นพึมพำในใจอีกครั้งหนึ่ง

“กิจการของเธอดีไม่น้อยเลย ที่ครัวต้องยุ่งแน่ ต่อให้ไม่มาทักทาย ลุงกับป้าก็เข้าใจได้จ้ะ” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยตอบรับ

“ไม่เลวเลย ทั้งร้านทั้งกิจการ” พ่อของเยี่ยเฟยเฟยร่วมวงสนทนา

“เฟยเฟย ดูความสุภาพของเสี่ยวอู๋เอาไว้ ในอนาคตลูกกับเสี่ยวอู๋ควรเรียนรู้จากกันและกัน ยังไงก็อยู่ด้วยกันให้ดี เข้าใจไหม?” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยเอ่ยถึงประเด็นนี้ขึ้นมา

“แม่… หนูเป็นลูกสาวแม่นะคะ พ่อกับแม่มาหาหนูเพราะคิดถึง ทำไมตอนนี้ถึงช่วยพูดแทนคนอื่นกันล่ะคะ” เยี่ยเฟยเฟยตอบรับอย่างจนใจ

“คุณลุงกับคุณป้าครับ เฟยเฟยเข้าใจดีครับ พวกเราก็อยู่กันด้วยดีไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ” อู๋ฝานรีบตอบรับ เขากำลังพูดเพื่อช่วยเยี่ยเฟยเฟย ทว่าหญิงสาวที่ได้ยินกลับกลอกตามองตอบ เพราะตอนนี้พูดคำชวนให้เข้าใจผิดออกมา มันก็มีแต่จะทำให้ครอบครัวของเธอยิ่งเข้าใจผิดมากยิ่งขึ้น

และก็เป็นดังที่คาด พ่อและแม่ของเยี่ยเฟยเฟยที่ได้ยินคำพูดของอู๋ฝาน ถึงกับเผยดวงตาสว่างเป็นประกาย