เป็นอย่างที่หยานชิงเจ๋อคาดการณ์ไว้ ความพยายามครั้งที่สองของซูสือจิ่นล้มเหลวลงอีกครั้ง
เธอมองเหรียญที่เหลืออยู่หนึ่งเหรียญในมือ กำลังจะหยอดลงไป แต่ก็หดมือกลับมา
ซูสือจิ่นเงยหน้าขึ้น มองหยานชิงเจ๋อตาปริบๆ : “ชิงเจ๋อ คุณช่วยฉันหยอดเหรียญหน่อยได้ไหม?”
หยานชิงเจ๋อนึกถึงอดีตที่ผ่านมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม : “ถ้าฉันแพ้ล่ะ คุณจะไม่ไล่ต่อยฉันในห้างสรรพสินค้าเหมือนกับตอนก่อนที่ไล่ต่อยสีเกอใช่ไหม?”
ซูสือจิ่นยิ้มอย่างเขินอาย จากนั้นก็ส่ายหัวเหมือนป๋องแป๋ง : “ไม่หรอก อย่างมากสุดตอนกลางคืนกลับไปบ้านฉันก็จะลงโทษให้คุณนอนที่ห้องรับแขกเท่านั้น!”
เธอเพิ่งจะพูดจบ จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นได้ ชั่วขณะก็หยุดพูดแล้วรีบหันหน้ากลับไปทันที
หยานชิงเจ๋อได้ยินก็ตกตะลึง จากนั้นก็พยักหน้า : “โอเค ถ้าคุณเกรงว่าจะสึกหรอเกินไป อย่างนั้นจะให้คุณพักหนึ่งวันก็ได้……”
พระเจ้า นี่เขากำลังพูดอะไรอยู่?!
ซูสือจิ่นรู้สึกว่าตนเองเหงื่อออกไปทั้งตัว เธออดไม่ได้ที่จะกะพริบตาปริบๆ : “อย่างนั้นคุณก็ลองดู ไม่แน่ว่าคุณอาจจะทำสำเร็จก็ได้นะ?”
“ได้นอนเตียงสำเร็จนะเหรอ?” หยานชิงเจ๋อพูดตอบกลับอย่างหน้าตาเฉย
ซูสือจิ่นอ้าปากค้าง อยากจะขุดหลุมให้ตนเองกระโดดเข้าไปจริงๆเลย อีกอย่างประโยคนั้นที่เธอพูดไปเมื่อกี้นี้ เหมือนกับเธอคาดหวังว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะได้นอนเตียง……
เธอรีบสูดลมหายใจเข้าสองครั้ง จากนั้นก็โบกๆมือแล้วพูดว่า : “ไอ๋หยา ไม่มีรางวัลและการลงโทษหรอก! ที่จับขึ้นมานี้ก็คือดวง พิสูจน์ว่าเราโชคดี……”
เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหยานชิงเจ๋อจับแกะตัวน้อยขึ้นมาได้ และเขาก็หยิบแกะตัวน้อยขึ้นมาไว้ในมือ
เขาส่งมันให้เธอ : “เสี่ยวจิ่น ฉันจับได้แล้ว”
ซูสือจิ่นตกตะลึงอยู่สองสามวินาที จู่ๆก็รู้สึกว่านี่มันช่างโชคดีจริงๆเลย
เธอจับตุ๊กตามา 20 กว่าครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ประสบความสำเร็จ!
แทบจะไม่ต้องคิดอะไร ซูสือจิ่นก็ยื่นมือออกไป แล้วโผเข้าไปกอดหยานชิงเจ๋ออย่างตื่นเต้นดีใจ : “คุณเก่งจังเลย! นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันจับตุ๊กตาได้!”
หยานชิงเจ๋อหัวเราะ เอื้อมมือไปตบๆหลังของซูสือจิ่น ก้มหน้าลงแล้วพูดว่า : “ชอบก็ดีแล้ว”
จากระยะไกล เจียงซีหยู่คาดไม่ถึงว่าจะเห็นคนทั้งสองกอดกันอยู่ในห้างสรรพสินค้า มือของเธอที่จับมือถืออยู่ก็อดไม่ได้ที่จะออกแรงมากขึ้น ตัวสั่นไปทั้งตัว น้ำตาไหลออกมาจากเบ้าตาอย่างควบคุมไม่ได้
เดิมทีหยานชิงเจ๋อยืนหันหน้าเข้าหาเจียงซีหยู่ ฉะนั้นหลังจากที่เขาพูดกับซูสือจิ่นเสร็จ เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าเจียงซีหยู่กำลังมองเขาอยู่ตรงนั้น
ไฟในห้างสรรพสินค้าค่อนข้างสว่าง เขาจึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่
หัวใจของหยานชิงเจ๋อเหมือนหยุดชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็ละสายตาออกทันที ยังคงเล่นกับแกะตัวน้อย แล้วพูดกับซูสือจิ่นที่กำลังดีใจมากๆว่า : “เสี่ยวจิ่น หนังน่าจะเริ่มตรวจตั๋วแล้ว เราขึ้นไปกันเถอะ!”
“อืม ฉันเกือบลืมไปเลย!” ซูสือจิ่นพยักหน้า หยิบแกะตัวน้อยของเธอขึ้นมา พอดีกับว่านึกอะไรขึ้นได้ จึงส่งมือถือไปให้หยานชิงเจ๋อ : “ชิงเจ๋อ คุณช่วยถ่ายรูปให้ฉันหน่อยสิ!”
“โอเค” หยานชิงเจ๋อรับมือถือมา แล้วเลื่อนไปที่กล้องถ่ายรูป ถ่ายซูสือจิ่นกับแกะตัวน้อย และเครื่องคีบตุ๊กตาหนึ่งรูป
ซูสือจิ่นมองดูรูปแล้วก็เบ้ปาก : “ว้า เมื่อกี้น่าจะเปิดโหมดบิวตี้ด้วย!”
หยานชิงเจ๋อชำเลืองไปมองที่หน้าจอ แล้วพูดว่า : “ไม่เปิดก็สวย”
“จริงเหรอ?” ซูสือจิ่นไม่เคยได้ยินหยานชิงเจ๋อเอ่ยชมตนเองมานานมากแล้ว อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขา : “คุณรู้สึกว่าฉันสวยจริงๆเหรอ?”
หยานชิงเจ๋อเห็นการแสดงออกของซูสือจิ่นเหมือนกับเด็กที่ถามหาคะแนนเต็มจากผู้ใหญ่อย่างตนเอง จึงอดคิดที่จะพูดหยอกล้อไม่ได้ : “ฉันจะกล้าพูดว่าขี้เหร่เหรอ?”
ซูสือจิ่นตกตะลึง จากนั้นก็ถลึงตาใส่ทันที ขมวดคิ้วขึ้นมา : “คุณหมายความว่าขี้เหร่จริงๆใช่ไหม?!”
“ไม่ขี้เหร่ๆ” หยานชิงเจ๋อยักไหล่
ครั้งนี้ซูสือจิ่นไม่พอใจ : “น้ำเสียงของคุณดูพูดแบบขอไปที แน่นอนว่าคุณคิดว่าฉันขี้เหร่!”
พูดจบเธอก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปตัวเอง : “จมูกยังไม่โด่งพอใช่ไหม? ตากลมโตไม่พอเหรอ? ปากก็……”
หยานชิงเจ๋อเห็นว่าซูสือจิ่นคิดจริงจัง ก็ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
เขาแย่งมือถือจากในมือเธอมา มองดูเวลาเห็นว่าจะตรวจตั๋วแล้วจริงๆ ด้วยเหตุนี้จึงจูงมือเธอแล้วเดินไปที่ลิฟต์ เดินไปด้วยพูดไปด้วย : “จะขี้เหร่ไม่ขี้เหร่มันเกี่ยวอะไรกัน? ยังไงคุณก็แต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ?!”
ซูสือจิ่นพูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร
ในอีกด้านหนึ่ง เธอได้ยินว่าหยานชิงเจ๋อเริ่มยอมรับความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาระหว่างพวกเขาแล้ว ก็ทำให้เธอรู้สึกดีใจอย่างมาก
แต่อีกด้านหนึ่ง เขายังคงบอกว่าเธอขี้เหร่……
เธอมองภาพด้านข้างที่งดงามของหยานชิงเจ๋อ หัวใจก็แปรปรวนขึ้นมา กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้ว่าเขาจะแก่กว่าเธอสองสามปี แต่บางทีผู้หญิงก็แก่เร็วกว่า ในอนาคตอาจจะ……
เดิมทีหยานชิงเจ๋อไม่ได้คิดว่าซูสือจิ่นจะคิดมากขนาดนี้ เขาพาเธอเดินไปสองสามก้าว ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเหลือบมองไปยังทิศทางที่เจียงซีหยู่ยืนอยู่เมื่อกี้นี้
ดูเหมือนว่าเธอไม่อยากเห็นอีกต่อไป ขณะนี้เจียงซีหยู่ก็หันหลังกลับ แล้ววิ่งจากไป
หัวใจของหยานชิงเจ๋อหม่นหมองลงเล็กน้อย จากนั้นก็ปล่อยวางลงทันที
เขาและเธอถูกลิขิตให้เป็นคนแปลกหน้ากัน ไม่ว่าเธอจะแตะต้องมือถือของเขาในวันนั้นหรือไม่ ตอนจบมันก็เหมือนเดิม
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อมาเขาได้ตรวจสอบคนอื่นๆแล้ว คนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยก็มีพยานหลักฐานกันหมด จะมีก็เพียงเจียงซีหยู่เท่านั้น……
ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เจียงซีหยู่เป็นคนทำทั้งหมด
เขาเป็นคนใจเย็นมีเหตุผลมาโดยตลอด ดังนั้น ช่วงเวลานั้นที่ตรวจสอบความจริงออกมาได้ หัวใจของเขาที่เคยมีความรู้สึกต่อเธอ คาดไม่ถึงว่าจะไม่เหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย
วันนี้ เขาเห็นว่าเธอเหมือนจะร้องไห้ออกมา แต่กลับไม่มีคลื่นใดๆปรากฏขึ้นมาในหัวใจเลย ราวกับว่าเธอได้กลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขาไปแล้วจริงๆ
เดินมาถึงหน้าลิฟต์ หยานชิงเจ๋อรู้สึกใจหวิวเล็กน้อย
เพราะเขาและซูสือจิ่นยืนอยู่ด้วยกัน ดังนั้น พอซูสือจิ่นเดินไปข้างหน้าเล็กน้อย หยานชิงเจ๋อตามเข้าไปในลิฟต์
เมื่อเขาเข้าไป สายตาก็มองไปข้างหน้าด้วยความบังเอิญ จึงเห็นเจียงซีหยู่ที่กำลังลงบันไดเลื่อนอีกด้านหนึ่ง
พวกเขามีทิศทางที่ต่างกัน เหมือนกับกำลังอธิบายอย่างชัดเจนว่า นับแต่นี้ต่อไปวงโคจรชีวิตของคนทั้งสองจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
“เสี่ยวจิ่น คุณคิดว่าฉันเป็นคนแบบไหน?” จู่ๆหยานชิงเจ๋อก็กล่าวถามซูสือจิ่นที่อยู่ข้างๆ
เขาคิดว่า เธอรู้จักเขามานานที่สุด แน่นอนว่าต้องมีสิทธิ์ในการพูดมากที่สุด
ซูสือจิ่นคาดไม่ถึงว่าเขาจะถามแบบนี้ เธอครุ่นคิดเล็กน้อย ชำเลืองมองเขาแล้วกล่าวว่า: “ฉันคิดว่าคุณมีความละเอียดรอบคอบในการดำรงชีวิตมาก ตั้งใจทำงานมาก รับผิดชอบงานดีมาก เป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง!”
เขาคาดไม่ถึงว่าเธอจะประเมินเขาสูงแบบนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะถามอีกว่า: “คุณไม่คิดว่า ปกติฉันดูมีเหตุผลเกินไป หรือบางครั้งก็ค่อนข้างเย็นชาโหดเหี้ยมเหรอ?”
ซูสือจิ่นกะพริบตาปริบๆ
ใช่ เช้าวันนั้น เขาพูดแบบนั้นกับเธอ หลังจากวันนั้น เขาก็พูดถากถางเธอ
ตอนนั้น เธอรู้สึกว่าเขาช่างโหดเหี้ยมไร้ความปรานี แต่ก็เข้าใจว่า เพราะเขาเป็นคนที่มีหลักการแน่วแน่มาโดยตลอด เธอทำลายหลักการของเขา เขาโหดร้ายต่อเธอก็ถือได้ว่าเป็นปฏิกิริยาปกติ
เพียงแต่ตอนนี้เขาก็ดีกับเธอมาก ถึงแม้จะเกิดเรื่องแบบนั้น เขาก็ค่อยๆซ่อมแซมความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา แล้วนี่จะบอกว่าไร้ความปรานีได้อย่างไร?
ซูสือจิ่นส่ายหน้า: “ไม่คิด”
เธอยิ้มๆ: “ฉันคิดว่าคุณมีน้ำใจมาก หลายปีมานี้ ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันกับพี่เฉิน ดูแลฉันเป็นอย่างดี ดังนั้นฉันจึงคิดว่าคุณดีมากจริงๆ!”
“งั้นเหรอ?” หยานชิงเจ๋อกล่าวถามเบาๆ เห็นเงาของเจียงซีหยู่ที่แทบจะหายไปจากสายตาแล้ว จู่ๆก็มีประโยคหนึ่งแวบเข้ามาในใจ
ในตอนนั้น คำพูดที่เจียงซีหยู่พูดกับเขา
เธอบอกว่า เขารักเธอไม่มากพอ เธอยังบอกอีกว่า เขาใส่ใจเพียงแค่ซูสือจิ่น
หยานชิงเจ๋อคิดถึงตรงนี้แล้ว ก็หยุดชะงักฝีเท้าลงทันที
ใช่ เขารักเจียงซีหยู่ไม่มากพอ บางทีในตอนนั้นเขาอาจจะหวั่นไหวจริงๆ หรือบางทีก็อาจจะเพียงแต่อารมณ์ชั่ววูบในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
ดังนั้น เขาจึงถอนตัวและลืมความรักความผูกพันนี้ไปได้อย่างรวดเร็ว กระทั่งหลังจากพวกเขาแยกย้ายจากกันที่โรงพยาบาลครั้งนั้นแล้ว เขาก็แทบจะไม่เคยนึกถึงเธอเลย
แต่ซูสือจิ่นล่ะ?
หลังจากเขากับเธอเกิดเรื่องเหล่านั้นกันแล้ว เขาก็คิดว่าชั่วชีวิตนี้เขาจะไม่มีทางที่จะให้อภัยเธออีก แต่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆเพียงไม่ถึงเดือน คาดไม่ถึงว่าจะบีบบังคับให้ตนเองปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างได้ และถึงขั้นเริ่มวางแผนอนาคตกับเธอ……
จำได้ว่า ในตอนนั้นที่งานแต่งงานของสือมูเฉิน เขายังเคยคิดว่าจะใช้การแต่งงานที่ไร้ความรักนี้เพื่อแก้แค้นเธอไปชั่วชีวิต…..
ซูสือจิ่นเห็นว่าจู่ๆหยานชิงเจ๋อก็ไม่เดิน จึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้าไปดึงเขา: “ชิงเจ๋อ รีบเดินเถอะ ภาพยนตร์จะเริ่มแล้ว!”
หยานชิงเจ๋อยังคงไม่ก้าวไปข้างหน้า แต่ค่อยๆชำเลืองสายตามามองอย่างช้าๆ
ซูสือจิ่นมองเขาด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง หยุดชะงักไปเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า: “ชิงเจ๋อ ทำไมเหรอ?”
หยานชิงเจ๋อมองคนคนนี้ที่อยู่เคียงข้างตัวเองมาตั้งแต่เด็กจนโต หรี่ตามองแล้วถามเธอว่า: “ทำไมถึงไม่เรียกว่าพี่ชายหรือพี่ชิงเจ๋อ?”
ซูสือจิ่นใจสั่นเล็กน้อย รู้สึกว่าลมหายใจเปลี่ยนเป็นกังวลขึ้นมา ความคิดมากมายหมุนเวียนไปมาในสมอง
สุดท้าย เธอก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ คล้ายกับตัดสินใจ แล้วกล่าวกับเขาว่า: “เพราะพวกเราแต่งงานกันแล้ว เรียกพี่ชายฉันเกรงว่าคุณจะคิดถึงความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้……”
เธอมองคู่รักที่ผ่านไปมาโดยรอบ รู้สึกว่าตนเองใจเต้นแรงคล้ายกับตีกลอง ความคิดที่คลุ้มคลั่งก็ปรากฏขึ้นมา แล้วถูกดันขึ้นมาตามกระแสการเต้นของหัวใจ
ลมหายใจของเธอเปลี่ยนเป็นกังวลยิ่งขึ้น มืออีกข้างหนึ่งที่ว่างอยู่ก็สั่นเล็กน้อย
เธอสบตาของหยานชิงเจ๋อ ขยับริมฝีปาก อยากจะบอกกับเขาว่า อันที่จริง แต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นพี่ชายอยู่แล้ว
“อันที่จริง——” ซูสือจิ่นออกแรงกำมือ เตรียมตัวให้พร้อมที่จะเอ่ยปาก
ตามเสียงพูดของเธอ หยานชิงเจ๋อก็ก้มหน้าลง แล้วมองมือของพวกเขาที่จับอยู่ด้วยกัน
หัวใจเขาก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อย
เหมือนกับว่าเขาจะจูงมือเธอมาตั้งแต่ชั้นล่าง จากนั้นก็มาถึงหน้าประตูโรงภาพยนตร์ คาดไม่ถึงว่าจะไม่ปล่อยเลย
แต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นมาโดยตลอด คล้ายกับการจูงมือแบบนี้เป็นเหมือนเรื่องธรรมชาติ
หยานชิงเจ๋อชำเลืองมอง เห็นแก้มของซูสือจิ่นแดงเล็กน้อย ในดวงตาก็เป็นประกาย อีกทั้งในฝ่ามือที่ถูกเขาจับไว้ยังเต็มไปด้วยเหงื่ออีกด้วย
เหมือนกับท่าทีนั้นของเธอตอนเด็กๆที่จะขึ้นแสดงบนเวที ค่อนข้างกังวล ประหม่า ดูแล้วน่ารัก
เขาไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไร จู่ๆระหว่างนั้น ความคิดก็ว่างเปล่าไป เขาก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง จับเอวของซูสือจิ่น จากนั้น ก็ก้มหน้าลงไปจูบ
“อันที่จริงฉันไม่เคยคิดว่าคุณเป็นพี่ชาย เพราะว่าฉันชอบคุณ…..” คำพูดของซูสือจิ่นยังไม่ทันพูดออกมาจนจบ ก็ถูกหยานชิงเจ๋อปิดปาก ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นทันที นิ่งอึ้งไปกับความรู้สึกที่กดเข้ามาบนริมฝีปาก และใบหน้าที่งดงามราวกับภาพวาดของหยานชิงเจ๋อที่เข้ามาใกล้