บทที่ 280 เด็กนี่ควรโดนจัดการ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 280 เด็กนี่ควรโดนจัดการ

บทที่ 280 เด็กนี่ควรโดนจัดการ

“ซิงกั๋ว ไอ้เด็กนี่ควรโดนจัดการนะ!”

คนข้าง ๆ เขาตื่นเต้นมากจนอยากเห็นเพื่อนทุ่มอีกฝ่ายลงพื้น

ต้วนซิงกั๋วเริ่มสนใจขึ้นมาแล้ว ชายร่างเล็กคนนี้น่าสนใจนัก เขาคิดว่าเด็กคนนี้จะต้องร้องไห้ แต่ใครจะรู้เล่าว่าเขาเป็นพวกยากที่จะจัดการ

“ไป ไปสู้กันที่สนาม ไม่ต้องมาพูดพร่ำตรงนี้ อย่าร้องไห้แล้วกันถ้าโดนต่อย!”

เสี่ยวปาบุ้ยปาก แค่ตัวสูงกว่าเอง ดูอย่างไรก็เหมือนคนไร้ค่า ไม่ต้องไปกลัวหรอก

“ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำนะ ใครร้องไห้เป็นหมา” เสี่ยวปาว่า ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ

เฝิงเสียงอวี่ตะลึง และคิดว่าตนเองได้ยินผิด

ทำไมเสี่ยวเถียนไม่ไปสู้ล่ะ?

ซูเสี่ยวปาหรือ?

จะสู้ไหวไหม?

แต่หลังจากสงสัยได้ไม่นาน ก็ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้ทันที

เสี่ยวเถียนมีทักษะอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงพวกพี่ชายเลย พวกเขาจะต้องเก่งกว่าอย่างแน่นอน!

ผู้คนมากหน้าหลายเดินไปสนามด้วยความยิ่งใหญ่

เฝิงเสียงอวี่รีบวิ่งไปหาซูเสี่ยวเถียน

“มาทำอะไรเนี่ย?” ซูเสี่ยวเถียนถามอย่างเกียจคร้าน

“เธอไม่กังวลเลยหรือ?” พอเห็นท่าทางของเสี่ยวเถียน เฝิงเสียงอวี่ก็มั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเสี่ยวปามีทักษะ

“มีอะไรต้องกังวลด้วยหรือ?” เสี่ยวเถียนยังคงมีท่าทางเฉื่อยชา และไม่ได้ละสายตาจากหนังสือเลย

“เธออ่านอะไรน่ะ? มันน่าอ่านขนาดนั้นเลยหรือ?”

เฝิงเสียงอวี่สงสัยจริง ๆ ว่า ซูเสี่ยวเถียนกำลังอ่านหนังสือต้องห้ามหรือเปล่า

“ซูเสี่ยวเถียน ฉันได้ยินว่าช่วงนี้นิยายศิลปะการต่อสู้กำลังได้รับความนิยมมากเลย เธอต้องแอบอ่านนิยายพวกนี้ใช่ไหม?” เฝิงเสียงอวี่ถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

เสียวเถียนผงะ จากนั้นก็จำได้ว่า ในเวลานี้นิยายศิลปะการต่อสู้มีขึ้นมาแล้ว แต่ยังจัดอยู่ในประเภทหนังสือต้องห้าม

ที่เมืองใหญ่โดยเฉพาะเมืองชายฝั่งทะเลน่าจะมี แต่เมืองเล็ก ๆ ไม่น่ามีใช่ไหม?

“ฉันกำลังอ่านหนังสือภาษา” เสี่ยวเถียนยกหนังสือให้อีกฝ่ายดู

“เธอไม่ได้อ่านนิยายศิลปะการต่อสู้จริง ๆ หรือ? ฉันได้ยินว่านิยายแบบนั้นดีจนวางไม่ลงเลย!” ดวงตาของเฝิงเสียงอวี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความปรารถนา

“มันน่าอ่านจริง ๆ นะ” เสี่ยวเถียนพยักหน้า

น้ำเสียงของเฝิงเสียงอวี่ตื่นเต้นมาก “เสี่ยวเถียน เธอก็รู้หรือ? เธอเคยอ่านไหม? ให้ฉันยืมได้ไหม?”

เสี่ยวเถียนเพิ่งรู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป

“ฉันไม่เคยอ่านหรอก แค่เคยได้ยินมา”

เธอไม่อยากให้เฝิงเสียงอวี่มายุ่งวุ่นวายจึงรีบปิดหนังสือแล้วลุกขึ้น “พวกเขาไปไกลแล้ว พวกเราไปดูกัน!”

เดิมทีเฝิงเสียงอวี่อยากถามต่อ แต่เสี่ยวเถียนไปไกลแล้ว เขาจึงรีบตามไป

พอครูใหญ่กัวรู้ว่าเด็กบ้านซูกำลังจะไปสู้กับเด็กคนอื่นที่สนาม เขารู้สึกว่าหน้าผากกำลังจะล้าน

เขาลูบหน้าผากที่ผมบางขึ้นเรื่อย ๆ สบถด่าอยู่หลายประโยค ก่อนจะตามไปที่สนามอย่างหมดหนทาง

เด็กบ้านซูต่อสู้เก่ง แล้วก็เรียนเก่งด้วย

แต่เด็กที่เรียนเก่งแต่ต่อสู้ไม่เก่งคงจะดีกว่า

แน่นอนว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก

บ้านซูมีแต่คนรุนแรงทั้งนั้น

ทำไมนะ?

ไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงที่อ่อนโยนสู้กับคนอื่นอย่างโหดเหี้ยมแบบนั้นเลย?

ที่สนามกีฬา ต้วนซิงกั๋วมองเสี่ยวปาเด็กเตี้ยที่อยู่ข้างหน้าด้วยความดูถูก

“ไอ้หนู ได้ยินว่าแกยังมีพี่ชายอยู่ด้วย อยากไปเชิญพวกเขามาหน่อยไหม?”

ต้วนซิงกั๋วเป็นคนเจ้าเล่ห์

เขาเข้าใจหลักการของฮีโร่สามก๊วน*[1] นะ ถึงพี่น้องบ้านซูจะรวมตัวกัน ต่อให้เก่งกล้าแค่ไหนก็เอาชนะไม่ได้

เสี่ยวปาส่ายหัว “เรื่องของตัวเองต้องจัดการเอง ไม่ต้องเรียกร้องหาความช่วยเหลือจากคนอื่นหรอก”

ก่อนหน้านี้ต้วนซิงกั๋วพูดไว้ว่ากังวลที่จะเอาชนะเด็กบ้านซูไม่ได้ แต่พอเห็นเสี่ยวปากับเสี่ยวจิ่วก็รู้สึกโล่งใจมาก

ตัวเตี้ยแบบนี้ มาแปดคนสิบคนก็ไม่มีปัญหา

อีกฝ่ายเลือกมาตัวคนเดียวด้วย

เฝิงเสียงอวี่ดูการต่อสู้ข้างสนาม และเขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก

หลังจากพ่ายแพ้ให้กับเสี่ยวเถียนในปีก่อน เขาหวังมากว่าจะมีใครมาแทนที่เขา และกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่พ่ายแพ้ให้กับซูเสี่ยวเถียนด้วย

แต่อีกฝ่ายมีชื่อเสียงด้านนี้มาก และผลการต่อสู้ครั้งนั้นยังฝังรากลึกอยู่ในใจของผู้คน

เป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วที่ไม่มีใครท้าทายเธอเลย

และมันยังเป็นผลให้เขายังคงอยู่อันดับหนึ่งของผลนี้

แต่ก็ดี การปรากฏตัวของไอ้พวกคนงี่เง่านี่จะทำให้ผู้คนลืมการมีอยู่ของเขา

“เสี่ยวเถียน พี่ชายเธอจะเอาชนะเจ้าคนตัวใหญ่พวกนี้ได้ไหม?” เฝิงเสียงอวี่ยืนอยู่ข้าง ๆ กระซิบถาม

“นายคิดว่าไง?” เด็กหญิงหรี่ตามอง

เฝิงเสียงอวี่ที่เคยสู้มาก่อนยังทนไม่ไหว นับประสาอะไรกับไอ้พวกวางท่า

เอาเถอะ เหมือนเขาจะพูดไร้สาระเลย ไม่มีประโยชน์จริง ๆ

ซูเสี่ยวเถียนมองเฝิงเสียงอวี่ “ลองขึ้นไปลองไหม? ฉันว่าถ้านายไปก็ทุ่มพวกเขาลงกับพื้นได้เหมือนกัน”

ต้องบอกเลยว่า หลังจากที่เสียท่าให้เสี่ยวเถียนเขาก็หวาดกลัวไปเลย

“ช่างเถอะ ฉันดูก็พอแล้ว!”

ล้อกันเล่นแล้ว เขาเคยแพ้มาแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าแพ้อีกจะยังเรียนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้อีกหรือ?

“กลัวหรือ? ไม่เป็นไรหรอก ดูเอาก็พอแล้วขี้อาย” เสี่ยวเถียนไม่ได้สนใจเลย

ตอนนั้นเฝิงเสียงอวี่เหมือนเห็นเสี่ยวเถียนเอาชนะเขาในตอนนั้น

พี่น้องบ้านซูโหดเหลือเกิน

เรียนก็โหด ไม่คิดจะอ่อนข้อให้คนอื่นบ้างเลย ต่อสู้ก็โหดด้วย ทำคนโหยหวนไปหมด

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน คนในสนามก็เริ่มต่อสู่กันแล้ว

ทีแรกทุกคนคิดว่าเสี่ยวปาน่าจะโดนรุม

บางคนถึงกับมองไปที่เสี่ยวเถียนด้วย

เพราะเสี่ยวเถียนที่จัดการอย่างเฉียบคมในตอนแรกฝังเข้าไปในใจคนแล้ว

พวกเขาคิดว่าถ้าเสี่ยวปาสู้ไม่ได้ เสี่ยวเถียนน่าจะลงมือเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง

และผลคือพวกเขาเห็นเสี่ยวปาเอื้อมมือออกไปอย่างคล่องแคล้ว แล้วทุ่มต้วนซิงกั๋วที่ตัวสูงและแข็งแกร่งลงพื้นอย่างรวดเร็ว

ถึงจะไม่รุนแรงเท่ากับที่เสี่ยวเถียนเตะคนกระเด็น แต่แค่มองก็รู้สึกเจ็บปวดไปหมด

เฝิงเสียงอวี่อดถูแขนไม่ได้ ท่าทางของเขาเหมือนกับเห็นตัวเองเป็นคนโดนทุ่ม

ตอนที่ต้วนซิงกั๋วนอนอยู่บนพื้น เขายังไม่ทันได้ตอบสนองว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงล้มกับพื้นในรอบเดียวล่ะ?

เขาคิดว่าไอ้เตี้ยนี่มันต้องใช้กลโกงแน่

“แกโกง!” ต้วนซิงกั๋วพูดอย่างชั่วร้าย

เฝิงเสียงอวี่มองคนคนนั้นอย่างตื่นเต้น คนบ้านซูโดยแท้ คล่องแคล้วเหมือนกันเลย และต้วนซิงกั๋วก็พูดเหมือนเขาในตอนนั้นเลย

ขี้ขลาดนัก ขี้ขลาดจริง ๆ!

ต้วนซิงกั๋วไม่รู้ว่าเฝิงเสียงอวี่กำลังคิดอะไรอยู่ เขาหยัดตัวขึ้นและเตรียมสู้ต่อ

ยอมเสียเปรียบไม่ใช่นิสัยของเขา

แต่เขาจะลุกขึ้นได้อย่างไร เพราะเท้าของเสี่ยวปาเหยียบอยู่เต็มแรง

*[1] หากสู้คนเดียวจะลำบาก แต่ถ้ารวมพลังกันหลายคนจะชนะได้