บทที่ 312 สัมผัสได้ถึงความในใจของเขา

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

หลังจากที่เลเวลขึ้นแล้ว ก็จะมีโอกาสเข้าร่วมที่สำนักงานใหญ่ Alliance Technology Headquarters ดังนั้นการแข่งขันครั้งต่อไปจะเสร็จสิ้นภายใน Alliance Technology ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะต้องไปที่สำนักงานใหญ่ Alliance Technology Headquarters ในสหรัฐอเมริกา

ดูเหมือนว่าสือมูเฉินจะรู้ก่อนหน้านี้แล้วว่าหลานเสี่ยวถางเลเวลต้องสูงขึ้น ดังนั้นเขาจึงได้เตรียมสิ่งต่าง ๆ สำหรับการเดินทางของเธอไว้ก่อนแล้ว จากนั้นก็จะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาในวันจันทร์พร้อมกับหยานชิงเจ๋อ

ทันทีที่เธอนั่งลง หลานเสี่ยวถางก็เห็นใครบางคนเดินเข้ามา เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าเป็นมั่วหลิงชวน

เมื่อเขาเห็นหลานเสี่ยวถาง เขากระพริบตามองเธอโดยไม่สนใจสือมูเฉินที่นั่งอยู่ข้าง ๆพร้อมกล่าวว่า: “คู่หูสุดที่รักของผม จะออกมาเข้าร่วมการแข่งขันไม่บอกผมสักคำล่ะ นี่ทิ้งผมแล้วหนีไปกับชายคนอื่นเนี่ยนะ?”

น้ำเสียงของเขาดังมาก จนทุกคนที่อยู่บริเวณรอบ ๆตัวมองมาทางพวกเขาทั้งหมด!

หลานเสี่ยวถางรู้สึกอายจนหน้าร้อน เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สือมูเฉินก็พูดขึ้นก่อนว่า: “มั่วหลิงชวน คุณเชื่อหรือไม่ว่าในการแข่งขันรอบต่อไปจะเปลี่ยนผู้แข่งเหลือเพียงคนเดียว?”

มั่วหลิงชวนแสยะยิ้ม จากนั้นเขาก็ปรบมือหลายครั้ง: “เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เขาเป็นผู้กำหนดกฎกติกา คำพูดนี้เต็มไปด้วยการเบ่งอำนาจ!”

เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินคำพูดของมั่วหลิงชวนเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นมั่วหลิงชวน หยิบผลไม้ขึ้นมาจากโต๊ะแล้วใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มผลไม้ขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วป้อนเข้าปากของสือมูเฉิน

สือมูเฉินอ้าปากกินองุ่น จากนั้นก็เอาไม้จิ้มฟันจิ้มผลไม้ป้อนให้กับหลานเสี่ยวถาง

เมื่อเห็นฉากดังกล่าว มั่วหลิงชวนซึ่งยังคงยิ้มอยู่ ไม่รู้ว่าทำไม จู่ ๆก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

จริงอยู่ว่าเขาเป็นคนโสด แต่เขาก็ไม่แคร์!

เขาพึมพำคำเหล่านี้กับตัวเองเงียบ ๆ ความรู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองนั้นเหมือนถูกอะไรมากระแทกเข้าอย่างรุนแรง

เขานั่งลงด้วยความหงุดหงิดที่ด้านหลังของหลานเสี่ยวถาง จากนั้นหยิบนิตยสารออกมาอ่าน

หลานเสี่ยวถางคิดว่ามันน่าขำมาก เธอเอนตัวเข้าไปใกล้สือมูเฉินและกระซิบข้างหูพร้อมพูดว่า “มั่วหลิงชวนอายุก็ไม่น้อยแล้ว ทำไมรู้สึกว่าบางครั้งเขาก็ดูไร้เดียงสาเหลือเกิน?”

สือมูเฉินโน้มตัวเข้าไปและกระซิบข้างหูของเธอ: “คาดว่าเขาไม่มีน้ำยา”

เขาไม่ได้จงใจลดเสียงลง ดังนั้นมั่วหลิงชวนที่นั่งอยู่ด้านหลังเขาซึ่งแกล้งทำเป็นถือนิตยสารจึงได้ยินในสิ่งที่เขาพูด

มั่วหลิงชวนปะติปะต่อเรื่องราว แล้วก็รู้ได้ทันทีว่าสือมูเฉินกำลังพูดถึงเขาอยู่!

นี่กล้าพูดว่าเขาไม่มีน้ำยาอย่างนั้นเหรอ? !

เขาไม่มีน้ำยาตรงไหน? !

จู่ ๆ มั่วหลิงชวนก็ลุกขึ้นจากที่นั่งและพูดกับสือมูเฉินว่า: “ถ้ากล้าพอก็ไปเทียบกันที่ห้องน้ำดูไหมล่ะ!”

สือมูเฉินกินผลไม้อย่างเฉยเมย และเงยหน้าขึ้นมองมั่วหลิงชวน: “ภรรยาของผมท้องแล้ว ถ้าเช่นนั้นภรรยาของคุณล่ะ?”

หลานเสี่ยวถางอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ

เหมือนเคยได้ยินมาว่ามั่วหลิงชวนยังไม่มีแฟนเลย! คำพูดของสือมูเฉินประโยคนี้ ทำให้เขารู้สึกเจ็บไปถึงทรวงทันที!

“สือมูเฉิน อย่าหยิ่งผยอง ฝากไว้ก่อนเถอะ!” มั่วหลิงชวนพูดอย่างดุเดือด แล้วนั่งลงแต่ในใจยังคงรู้สึกไม่พอใจ

พูดว่าเขาหาภรรยาไม่ได้ใช่ไหม? ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้สือมูเฉินกดขี่บังคับเขามาโดยตลอด ถ้าหากครั้งหน้าเขาหาภรรยาไม่ได้ เขาจะไม่แซ่มั่วอย่างแน่นอน!

ระหว่างทางพวกเขาเดินทางโดยสวัสดิภาพ สือมูเฉินและหยานชิงเจ๋อกำลังรอกระเป๋าอยู่ที่ช่องรับสัมภาระ ขณะที่หลานเสี่ยวยืนดูโทรศัพท์อยู่ด้านข้าง

เดิมทีมั่วหลิงชวนก็ไม่มีสัมภาระอะไร แต่เขาก็จงใจยืนอยู่ที่นั่นเพื่อคุยกับหลานเสี่ยวถาง

หลานเสี่ยวถางไม่ได้สนใจเขา เธอดูข่าวไปด้วยและฟังเพลงไปด้วย

และในขณะนี้ มีเด็กหลายคนวิ่งมาจากระยะไกล หนึ่งในนั้นดูเหมือนมีอายุเพียง 6-7 ขวบ และกำลังถูกเด็กสองคนในวัยเดียวกันไล่ตาม วิ่งไปด้วยกรีดร้องไปด้วย

หลานเสี่ยวถางลืมตาขึ้น และเมื่อเห็นว่าเด็กที่อยู่ข้างหน้ากำลังจะล้มลง เธอจึงรีบเข้าไปพยุง

“สวัสดี มอบมันให้กับเรา!” เด็กทั้งสองคนข้างหลังไล่ตามขึ้นมาและพูดกับหลานเสี่ยวถางด้วยน้ำเสียงข่มขู่

หลานเสี่ยวถางปกป้องเด็กที่อยู่ข้างหลังเธอและถามว่า “ทำไมต้องไล่ตามเขา?”

“เพราะเขาทำของเล่นของผมพัง!” เด็กชายหนึ่งในนั้นพูด: “เราจะจับเขาเพื่อลงโทษเขา!”

“ของเล่นอะไร” หลานเสี่ยวถางถาม

เด็กชายหยิบ Transformer ขึ้นมาในมือ: “ดูสิ เขาทำขามันหัก!”

หลานเสี่ยวถางรับมาและพบว่ามันไม่ได้หักจริง ๆ ดังนั้นเธอจึงช่วยซ่อมมันและพูดว่า :”ดูสิ มันกลับมาเป็นปกติแล้ว”

เด็กทั้งสองคนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นกลายเป็นความปิติยินดี: “ขอบคุณครับพี่สาว!”

หลานเสี่ยวถางค่อย ๆ นำเด็กชายออกมาจากด้านหลังแล้วพูดว่า: “แล้วพวกเธอยังตำหนิเขาอยู่อีกไหม?”

ทั้งสองมองหน้ากันและส่ายหัว :“ไม่”

“เด็ก ๆก็ควรเล่นด้วยกันและอย่ารังแกกัน” หลานเสี่ยวถางกล่าวว่า: “แม้ว่ามันจะพังจริง ๆ แต่สามารถหาคนซ่อมมันหรือซื้อใหม่ได้ แต่ไม่สามารถรังแกเด็กคนอื่นได้ เข้าใจไหม?”

“โอเค พี่สาว!” ในขณะที่เด็กทั้งสองคนพูดอยู่นั้น ก็ได้จับมือเด็กผู้ชายอีกคน แล้วทั้งสามก็วิ่งไปพร้อมกัน

หลานเสี่ยวถางยืนตัวตรง และเมื่อเธอหันไปมองที่ด้านข้างของสือมูเฉิน เธอก็เห็นมั่วหลิงชวนมองเธอด้วยท่าทางแปลก ๆ

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดอย่างสับสน: “นี่ แกเป็นบ้าอะไรอีกแล้ว ……”

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เธอพูดคำว่า “บ้า” ออกมาอยู่นั้น จู่ ๆมั่วหลิงชวนก็เดินเข้ามา เอื้อมมือออกไปและกอดเธอ!

หลานเสี่ยวถางตกใจมาก แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้ก็มีบอดี้การ์ดในชุดสูทปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเธอ

มั่วหลิงชวนคุณกอดผิดคนแล้ว ……

เมื่อตระหนักว่าตัวเองกอดผิดคน มั่วหลิงชวนรีบปล่อยมือทันทีและมองดูบอดี้การ์ดของเย่เหลียนอีด้วยความเกลียดชัง

ที่ด้านข้าง หลานเสี่ยวถางหัวเราะจนตาหยีเลย

ดวงตาของมั่วหลิงชวนเศร้าเล็กน้อย และมีอารมณ์ที่ซับซ้อนในดวงตาของเขา

เป็นครั้งแรกที่เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้โต้เถียงกับหลานเสี่ยวถาง เพียงแค่มองเธออยู่อย่างนั้น

หลานเสี่ยวถางถูกจ้องจนรู้สึกขนลุก และเธอก็ไม่สามารถหัวเราะได้อีกต่อไป เมื่อเห็นว่าสือมูเฉินและหยานชิงเจ๋อเอาสัมภาระได้แล้ว จึงรีบเดินเข้าไปหาพวกเขา คล้องแขนของสือมูเฉินและเดินจากไปพร้อมกับเขา

จนกระทั่งร่างของหลานเสี่ยวถางหายไป มั่วหลิงชวนยังคงยืนอยู่ที่เดิม

มีภาพหนึ่งพุดขึ้นมาในความทรงจำของเขา ……

เมื่อตอนที่เขายังเด็ก บุคลิกของเขาก็เย่อหยิ่งเล็กน้อย และเขาไม่เล่นกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ดังนั้นในโลกของเขาจึงมีเพียงตัวเองเท่านั้น

จำได้ว่าเมื่อสมัยตอนที่เขาอายุได้ 6 ขวบ คุณยายของเขาได้มอบเครื่องบินบังคับให้แก่เขา

ในเวลานั้น เครื่องบินบังคับเป็นสินค้าระดับไฮเอนด์ เขาชอบมันมาก และเขาเอามันลงไปเล่นใต้ตึกทุกวัน

อย่างไรก็ตาม มีอยู่วันหนึ่งคุณยายที่รักเขามากที่สุดเสียชีวิตกะทันหัน ในวันนั้น ครอบครัวของเขาไปโรงพยาบาลและสุสาน แต่เขากลับถูกทิ้งไว้ให้อยู่ที่บ้านคนเดียว

เขาเข้าใจดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเขาจึงวิ่งออกจากบ้านโดยถือเครื่องบินบังคับไปด้วย และเล่นมันทั้งวัน

ในตอนเย็น เขากำลังจะกลับบ้าน และควบคุมเครื่องบินให้ลงจอด แต่เมื่อเครื่องบินลงจอด มันก็ไปชนกับของเล่นเด็ก ๆในละแวกนั้นเข้า

ของเล่นเหล่านั้นถูกชนจนพัง ดังนั้นเด็กกลุ่มนั้นจึงล้อมเขาไว้ จากนั้นก็ต่อยเตะเขาไม่ยั้ง

เครื่องบินบังคับของเขาถูกพวกเขาทำจนพัง และบนตัวเขาก็มีรอยฟกช้ำไปทั้งตัว

ในวันนั้น เขาสูญเสียคุณยายและเครื่องบินบังคับที่คุณยายมอบให้แก่เขา

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาก็ยิ่งเก็บตัวมากยิ่งขึ้น

คุณพ่อไม่รัก คุณแม่ก็บ่นว่าคุณพ่อไม่เอาไหนให้เขาฟังทุกวัน หลังจากไปโรงเรียนก็มีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนร่วมชั้นจนเกือบจะโดนไล่ออกจากโรงเรียน

ต่อมาเขาค่อย ๆ ตกหลุมรักซอฟต์แวร์ ตกหลุมรักการที่ตัวเองได้ต่อสู้ฆ่ารันฟันแทงในโลกที่เสมือนจริง

อารมณ์ของเขาเริ่มแปลกขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าเขาจะดูเหมือนเป็นคนร่าเริง แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าในโลกของเขา มีเพียงตัวเขาเองเท่านั้น

แต่วันนี้ ……

มั่วหลิงชวนนึกถึงฉากที่หลานเสี่ยวถางกำลังปกป้องเด็กคนนั้นอยู่เมื่อสักครู่นี้ และทันใดนั้นก็คิดว่า ถ้าในเวลานั้นตัวเองก็มีคนออกมาปกป้องแบบนี้ พอโตขึ้นมามันอาจจะเปลี่ยนเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างออกไปจากเดิมหรือไม่?

เขาไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน เด็ก ๆ เหล่านั้นพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งผู้ใหญ่เลิกงานก็กลับบ้านไปพร้อมกัน มั่วหลิงชวนก็ถือกระเป๋าคอมพิวเตอร์เดินออกจากห้องโถงในสนามบิน

เนื่องจากเวลาแตกต่างกัน ดังนั้นสือมูเฉินจึงพาหลานเสี่ยวถางเดินทางมาถึงก่อนล่วงหน้าสองวัน

ในวันที่สาม รอบที่สี่ของการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศได้จัดขึ้นที่ห้องประชุมของ Alliance Technology

สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ Alliance Technology ได้แบ่งห้องประชุมเดิมที่มีผู้เข้าร่วมได้ถึง 1,000 คน แบ่งออกเป็นห้องประชุมขนาดเล็กมากกว่า 40 ห้อง และผู้เข้าแข่งขันแต่ละคู่จะได้รับการจัดสรรหนึ่งในนั้น เชื่อมต่อกับเครือข่ายท้องถิ่นและแข่งขันกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ

สงครามนั้นโหดร้ายและตรงไปตรงมา ในท้ายที่สุดผู้เล่น 86 คนถูกคัดออกเหลือเพียง 8 คน และเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเดี่ยว

หลานเสี่ยวถางตั้งท้องมาเกือบสามเดือนแล้ว ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเธอมีอาการแพ้ท้อง และอาเจียนเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตาม ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม หลังจากเดินทางมาถึงสหรัฐอเมริกาได้สองวัน เธอรู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียนขึ้นมาทันที

เธอไม่อยากให้สือมูเฉินต้องเป็นกังวล เธอเดินเข้าไปที่ห้องประชุมกับมั่วหลิงชวนโดยไม่พูดอะไร

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอนั่งลงและเปิดคอมพิวเตอร์เธอก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

ข้าง ๆเธอ ดูเหมือนมั่วหลิงชวนจะพูดน้อยลงกว่าเดิมเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความยากที่เพิ่มระดับขึ้นของรอบชิงชนะเลิศนี้ทำให้เขาเริ่มซีเรียสมากขึ้นหรือเปล่า

ในขณะที่เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่นั้น เขาก็พูดว่า: “คราวนี้เราต้องระวังชาวอิตาลีที่ชื่อ ‘ pretender ‘ เขาชื่อนีโอคนที่ผมเคยเล่าให้คุณฟังก่อนหน้านี้ คู่หูของเขาก็ไม่เลว เป็นคู่แข่งตัวยงในครั้งนี้ของเราด้วย! ”

หลานเสี่ยวถางพยายามทนต่ออาการคลื่นไส้และพยักหน้า: “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”

“หลังจากที่ผมเข้าไปแล้วผมตั้งใจจะฆ่าเขาโดยตรง” มั่วหลิงชวนกล่าว: “อย่างไรก็ตาม ถ้ามันยากเกินไปที่จะฆ่าคู่ต่อสู้ เราสามารถเลือกที่จะรวมตัวกับพวกเขาก่อน และสุดท้ายค่อยมาต่อสู้กันเอง”

หลานเสี่ยวถางพยักหน้า: “แต่ถ้าเรารวมตัวกับพวกเขาก่อน พวกเขาก็อาจจะลอบฆ่าเราระหว่างทางก็เป็นได้ไม่ใช่เหรอ?”

มั่วหลิงชวนคิดอยู่ครู่หนึ่งและอดไม่ได้ที่จะยิ้ม: “คุณพูดถูก ถ้างั้นก็กำจัดพวกมันโดยตรง และกำจัดศัตรูที่ใหญ่ที่สุดก่อน!”

“ดี” หลานเสี่ยวถางเชื่อมต่อเข้าไปในเครือข่าย

คราวนี้หัวข้อจะปรากฏขึ้นหลังจากลงชื่อเข้าใช้เครือข่าย หลังจากหลานเสี่ยวถางและมั่วหลิงชวนเข้าสู่ LAN การนับถอยหลังด้านบนจอจะเริ่มต้นขึ้น และเวลา 9:30 น. ในตอนเช้า ID ทั้งหมดก็จะแสดงขึ้น

“เริ่มเกมแล้ว!” มั่วหลิงชวนหรี่ตา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

หลานเสี่ยวถางพยักหน้าและบังคับให้ตัวเองระงับความรู้สึกที่อึดอัด และเข้าสู่สภาวะการเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้

สิ่งที่ทั้งสองไม่คาดคิดก็คือ พวกเขายังไม่พบคู่ต่อสู้เลย แต่คู่ต่อสู้กลับเริ่มโจมตีเข้ามาก่อนแล้ว

นิ้วยังคงแตะบนแป้นพิมพ์ และในขณะที่สัญลักษณ์คำสั่งถูกแสดงออกมาอย่างต่อเนื่อง ความซับซ้อนของโปรแกรมก็เริ่มเพิ่มระดับความยากขึ้นทีละขั้น

มั่วหลิงชวนพิมพ์ชุดอักขระอย่างรวดเร็ว แล้วคลิก Enter เขาหันศีรษะและพูดอย่างตื่นเต้นกับหลานเสี่ยวถางว่า: “โอกาสมาถึงแล้ว!”

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาพูดจบ เขาเห็นหลานเสี่ยวถางปิดปากของเธอด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว