ตอนที่ 549 ศิลาดำลึกลับ (6) ตอนที่ 550 ศิลาดำลึกลับ (7)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 549 ศิลาดำลึกลับ (6) / ตอนที่ 550 ศิลาดำลึกลับ (7)
ตอนที่ 549 ศิลาดำลึกลับ (6)

ผ่านไปครู่หนึ่ง เหอฉางเล่อก็กลับมา แต่คนที่ตามเขากลับมาทำให้เฉียวฉู่และคนอื่นๆ เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

บุรุษคนนั้นสูงและแข็งแรง มีผ้าพันแผลทั่วร่างกาย แม้ว่าเสื้อผ้าของเขาจะปกปิดไว้ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน เขายังไม่ทันเข้าใกล้ กลิ่นคาวเลือดก็กระจายไปออกมา ทั้งตัวของเขามีเพียงตา หู จมูกและปากเท่านั้นที่เปิดเผยออกมา เพราะแม้แต่ศีรษะของเขาก็ถูกพันด้วยผ้าพันแผลหลายๆ ชั้น ผ้าพันแผลที่เดิมทีเป็นสีขาวก็เปื้อนไปด้วยเลือดจนกลายเป็นผ้าสีแดง

เขาเดินเข้ามาช้าๆ ร่างที่สูงใหญ่ของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันอย่างมาก แต่เมื่อเขาเดินมาถึงหน้าจวินอู๋เสีย เขาก็ประสานมือแล้วก้มตัวลง

“ข้าชื่อมู่เชียนฟาน! ข้าขอบคุณเจ้ามาก” เสียงที่มีพลังของมู่เชียนฟานทำให้ผู้คนลืมบาดแผลบนร่างกายของเขา

สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ มู่เชียนฟานพูดไม่ออกจริงๆ หากเขารวบรวมเงินสามแสนตำลึงไม่ได้ เขาไม่มีหน้าไปพบพี่น้องของเขาอย่างแน่นอน และสถานการณ์ในการประมูลวันนี้ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่ในขณะที่เขาสิ้นหวัง จวินอู๋เสียกลับให้ความหวังกับเขาอีกครั้ง

เพราะสามแสนตำลึงนี้สำคัญกับเขามาก

“ไม่จำเป็น” จวินอู๋เสียกล่าวออกมาเบาๆ กลิ่นคาวเลือดบนตัวของชายคนนั้นทำให้นางขมวดคิ้วเล็กน้อย นางหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “เจ้าเคยไปที่ผาสุดขอบฟ้าหรือ”

มู่เชียนฟานคิดว่าจวินอู๋เสียไม่เชื่อว่าศิลาดำก้อนนี้มาจากผาสุดขอบฟ้า เขาจึงรีบกล่าวทันทีว่า “ใช่ ข้าเคยไปมาและศิลาดำก้อนนี้ก็ถูกข้ากับพี่น้องข้าค้นพบที่ผาสุดขอบฟ้า”

“เล่าเรื่องผาสุดขอบฟ้าให้ข้าฟังถือว่าเป็นคำขอบคุณจากเจ้า” จวินอู๋เสียกล่าว

มู่เชียนฟานหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่ากลุ่มของจวินอู๋เสียเป็นชายหนุ่มทั้งหมดจึงคิดว่าพวกเขาอายุยังน้อยจึงอยากรู้อยากเห็นเรื่องผาสุดขอบฟ้าตามประสาเด็กๆ เขาจึงตอบตกลงทันที

เหอฉางเล่อสอบถามเกี่ยวกับโรงเตี๊ยมที่กลุ่มจวินอู๋เสียพักอยู่แล้วสั่งให้คนนำหยกดำไปส่งไว้ที่โรงเตี๊ยมก่อน แล้วเตรียมห้องส่วนตัวไว้ให้จวินอู๋เสียพวกเขาหนึ่งห้อง ให้พวกเขานั่งคุยกันแล้วสั่งให้คนของโรงประมูลชานหลินนำน้ำชาและของว่างไปให้พวกเขา

เมื่อทุกคนนั่งลง มู่เชียนฟานก็รู้สึกเขินอายอย่างเห็นได้ชัด เขาเป็นบุรุษที่อายุเกินสามสิบปีแล้ว ปกติก็เคยชินกับการดื่มและทานอาหารกับพี่น้องที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันเท่านั้น แล้วอยู่ๆ ให้เขามานั่งพูดคุยกับเด็กที่อายุน้อยกว่าเขาครึ่งหนึ่งมันทำให้เขารู้สึกเขินอายเล็กน้อย

แม้ว่าจวินอู๋เสียและคนอื่นๆ จะสวมใส่เสื้อผ้าที่เรียบง่าย แต่เนื้อผ้านั้นที่สวมใส่เป็นผ้าชั้นดี และใบหน้าของพวกเขาทุกคนก็ดีไม่เหมือนชายหนุ่มธรรมดาทั่วไปก็ยิ่งทำให้มู่เชียนฟานประหม่าขึ้นไปอีก

“พี่มู่ พี่ดื่มชาก่อนเถิดแล้วค่อยเล่าให้พวกข้าฟัง” เฟยเยียนเห็นความประหม่าของมู่เชียนฟานจึงยกแก้วชาขึ้นแล้วยื่นให้มู่เชียนฟานด้วยรอยยิ้ม

เมื่อมู่เชียนฟานเห็น ‘หญิงสาว’ ยิ้มแล้วพูดกับเขาอย่างอ่อนโยน มือที่ถือถ้วยชาก็สั่นเล็กน้อย

เขารีบดื่มมันแล้วเขาจึงจะสงบลง เขามองไปที่จวินอู๋เสียและคนอื่นๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าไปผาสุดขอบฟ้าเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว ที่ไปพร้อมกับข้ายังมีพี่น้องของข้าด้วย พูดตามตรง ข้ากับพี่น้องของข้าหารายได้จากการรับมอบหมายจากผู้อื่นให้ล่าและฆ่าสัตว์วิญญาณ ผาสุดขอบฟ้าเป็นสถานที่ที่อันตรายและลึกลับมาก แม้ว่าใน โลกนี้จะมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับผาสุดขอบฟ้า แต่คนที่รู้จริงๆ ว่ามันอยู่ที่ไหนนั้นมีไม่กี่คน เดิมทีพวกข้าก็ไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับผาสุดขอบฟ้า แต่พวกข้าได้รับมอบหมายให้ไปผาสุดขอบฟ้าโดยบังเอิญ”

ตอนที่ 550 ศิลาดำลึกลับ (7)

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนที่จะออกเดินทาง มู่เชียนฟานก็รู้สึกเจ็บปวดใจมาก พี่น้องที่คุ้นเคยเหล่านั้นได้จากเขาไปแล้วตลอดกาล

มู่เชียนฟานและพี่น้องของเขาใช้ชีวิตโดยการรับมอบหมายจากผู้อื่นเสมอ ปกติพวกเขามักจะออกไปล่าและฆ่าสัตว์วิญญาณ เพื่อเอาหินวิญญาณ บางครั้งก็รับงานคุ้มกันขบวนสินค้าให้พ่อค้า ที่รู้จักกับเหอฉางเล่อก็เพราะพวกเขาเคยคุ้มกันขบวนสินค้าของโรงประมูลชานหลินอยู่ครั้งหนึ่ง

จนวันหนึ่งมีบุรุษคนหนึ่งมาหาพวกเขาและขอให้พวกเขาไปที่ผาสุดขอบฟ้าเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ด้านหลังหน้าผา และให้สัญญาว่า หากพวกเขาสามารถสำรวจพื้นที่ด้านล่างหน้าผาแล้ววาดแผนที่ที่สมบูรณ์ออกมา พวกเขาจะได้รับค่าตอบแทนเป็นจำนวนมาก

ค่าตอบแทนที่สูงนั้นมากพอที่จะทำให้พวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบายไปตลอดชีวิต

แม้ว่าข่าวลือที่ว่าผาสุดขอบฟ้าเป็นสถานที่ที่อันตรายจะมีมาช้านาน แต่คนที่เคยไปจริงๆ นั้นมีน้อยมาก หลายคนไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วผาสุดขอบฟ้าอยู่ที่ไหน แต่ถึงแม้ว่ารู้ว่าผาสุดขอบฟ้านั้นอันตรายมาก แต่เพื่อค่าตอบแทนที่สูงนั้น ที่สามารถทำให้ครอบครัวสุขสบาย มู่เชียนฟานและพี่น้องของเขาจึงตัดสินใจรับงานนั้น

บุรุษผู้นั้นก็ใจกว้างเช่นกัน ตั้งแต่แรกเขาก็ให้เงินมัดจำแก่พวกเขาสองแสนตำลึง หลังจากรับเงินมาแล้ว มู่เชียนฟานและคนอื่นๆ ก็มีแรงจูงใจมากขึ้น พวกเขาก็เตรียมตัวออกเดินทางสู่ผาสุดขอบฟ้า คนนั้นให้แผนที่มาให้พวกเขาหนึ่งใบ ในแผนที่นั้นแสดงตำแหน่งผาสุดขอบฟ้าไว้อย่างชัดเจนว่าอยู่ที่ไหน

ตามแผนที่นั้น พวกเขาใช้เวลาเดินทางครึ่งเดือนกว่าจะถึงผาสุดขอบฟ้า

ผาสุดขอบฟ้าตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่ขุนเขา หน้าผาสูงชัน หากต้องการเข้าใกล้หน้าผาก็ต้องผ่านป่าทึบเข้าไป ในป่ามีสัตว์วิญญาณมากมาย มู่เชียนฟานและคนอื่นๆ อาศัยประสบการณ์ของตัวเองผ่านป่าที่มีอันตรายรอบด้านนั้นมาได้ และเมื่อพวกเขามาถึงผาสุดขอบฟ้า พวกเขาจึงจะเข้าใจว่าเพราะเหตุใดผาสุดขอบฟ้าจึงถูกเรียกว่าผาสุดขอบฟ้า

ผาสุดขอบฟ้าเหมือนถูกตัดออกด้วยมีดคม บริเวณหน้าผาถูกปกคลุมไปด้วยหมอกและเมฆ เมื่อมองแวบแรก มันเหมือนกับทะเลหมอกที่ถูกตัดขาดจากอากาศ มองไม่เห็นขอบ

ในตอนแรก มู่เชียนฟานและคนอื่นๆ ก็ตกใจกับสิ่งที่พวกเขาเห็นมาก แต่ไม่นาน พวกเขาก็คิดถึงภารกิจที่มาที่นี่ของพวกเขา พวกเขาได้เตรียมเชือกโลหะยาวหลายร้อยเมตร แล้วยังเตรียมเชือกที่สามารถเพิ่มความยาวได้มาด้วย พวกเขาเตรียมทุกอย่างมาอย่างดี

พวกเขาใช้เวลาหลายวันกว่าจะลงจากหน้าผานั้นมาได้ ในระหว่างนั้นพวกเขาก็พักผ่อนและทานอาหารบนเชือก

เมื่อพวกเขาลงไปถึงด้านล่างหน้าผา พวกเขาแต่ละคนก็ต่างหมดแรง พวกเขาจึงนอนพักอยู่ที่พื้นด้านล่างหน้าผาอยู่นาน

“แท้จริงแล้วด้านล่างผาสุดขอบฟ้านั้นเป็นอย่างไร” เฉียวฉู่ยิ่งฟังก็ยิ่งตื่นเต้น

ดวงตาของมู่เชียนฟานจับจ้องไปที่มือของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะ เลือดค่อยๆ ซึมออกมา เลือดนั้นทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเป็นพิเศษ

“ข้าไม่รู้…”

“อะไรนะ” เฉียวฉู่หยุดชะงักไปเล็กน้อย

แต่น้ำเสียงของมู่เชียนฟานกลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความกลัว “ใต้หน้าผานั้นเต็มไปด้วยหมอก พวกข้ามองไม่เห็นอะไรเลย บริเวณรอบๆ ที่เกินสองเมตจะมองไม่เห็นอะไรเลย ในสถานการณ์แบบนั้น พวกข้าไม่สามารถวาดแผนที่ด้านล่างหน้าผาออกมาได้อย่างแน่นอน และตอนที่พวกข้าก้าวไปข้างหน้า พวกข้าพบว่ามีหนองน้ำลึกอยู่ใต้เท้าพวกข้า…”

หนองน้ำลึกที่ซ่อนอยู่ในหมอกมักถูกผู้คนมองข้ามได้ง่าย และเมื่อพวกเขาเหยียบมันลงไป พวกเขาจึงจะตระหนักว่าอันตรายได้มาถึงแล้ว