บทที่ 376 หาทางสร้างรายได้

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 376 หาทางสร้างรายได้

บทที่ 376 หาทางสร้างรายได้

แม้ปากจะบอกเช่นนั้น แต่อู๋ฝานก็อนุญาตให้ลั่วหยางไปยังเทศมณฑลอีกครั้งหนึ่ง เพื่อรับคนจำนวนห้าร้อยคนกลับมา ถึงไม่อาจช่วยเหลือทุกคนได้ แต่อย่างน้อยก็ช่วยเท่าที่พอจะทำได้

แต่การทำเช่นนี้ก็ทำให้เกิดความกดดันภายในหมู่บ้านเร้นลับสูงมากขึ้น อู๋ฝานต้องให้คนจากหน่วยรักษาการณ์ออกไปล่าและสังหารมอนสเตอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อหาทางทำเงินจากการขายวัตถุดิบ ทว่าข้อจำกัดคือการที่รอบนอกของป่ามีค่ากำหนดเลเวลที่ต่ำ รวมกับไม่มีใครเชี่ยวชาญการชำแหละ จำนวนของวัตถุดิบที่ได้รับจึงมีอย่างจำกัด ต่อให้หน่วยรักษาการณ์ออกล่าเต็มอัตรา จำนวนเงินที่ได้รับมาก็ไม่มากมายอยู่ดี

‘คงต้องคิดหาเงินทางอื่นกันแล้ว ไม่งั้นด้วยอัตราเติบโตปัจจุบันคงยากจะรับมือไหว’ อู๋ฝานพึมพำอยู่ในใจ

จริง ๆ การหาเงินก็ค่อนข้างมีหลายหนทาง ทรัพยากรของหมู่บ้านเร้นลับอุดมสมบูรณ์ หลายอย่างสามารถขายเป็นเงินได้ เพียงแต่อู๋ฝานไม่เคยคิดจะทำเช่นนั้นมาก่อน

ทั้งป่าด้านหน้าและด้านหลังของหมู่บ้านมีสมุนไพรคุณภาพดีจำนวนไม่น้อย พวกมันสามารถขายเป็นเงินได้ ทว่าอู๋ฝานไม่อยากขายสมุนไพรโดยตรง อย่างไรจำนวนของสมุนไพรก็มีอย่างจำกัด โดยเฉพาะสมุนไพรระดับสูง หากขายไปหนึ่ง เท่ากับหายจากป่าไปหนึ่ง และจำนวนเงินที่ขายสมุนไพรโดยตรงนั้นก็ไม่มากมายอะไร ยังไม่กล่าวว่าเขาเองก็ต้องการใช้สมุนไพร

นอกจากสมุนไพรแล้ว สัตว์เลี้ยงหายากในป่าด้านหลังภูเขาก็สามารถขายแลกเป็นเงินได้ ก่อนหน้านี้อู๋ฝานขอให้โจวกวงส่งพวกมันไปยังเมืองหลวง ครั้งนั้นเป็นแค่การลองเชิง เพื่อดูว่าจะได้รับความนิยมและมีราคาเท่าไหร่ แต่เพราะตอนนี้ยังไม่ได้รับคำตอบกลับมา ชายหนุ่มจึงยังไม่อาจคิดเรื่องการนำพวกมันออกขายได้ ชนชั้นสูงหรือผู้มั่งมีในละแวกเทศมณฑลก็มีจำนวนน้อยนิด หากต้องการขายสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นก็ต้องเป็นตามหัวเมืองใหญ่ โดยเฉพาะสถานที่เช่นเมืองหลวงจะยิ่งดีเป็นพิเศษ

นอกจากสัตว์เลี้ยงแล้ว ก็ยังมีกำแพงโลหะที่อยู่ด้านหลังภูเขา จำนวนแร่ด้านในนั้นมีไม่ใช่น้อย อีกทั้งคุณภาพยังสูงล้ำ เรียกได้ว่าเป็นเงินจำนวนมหาศาล มันเป็นคุณภาพขนาดที่ช่างตีเหล็กซุนเห็นแล้วยังถูกใจ แต่การจะนำพวกมันไปขายโดยตรงก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ทางเลือกที่ดี

นอกเหนือจากนั้น อู๋ฝานก็ยังมีวิชาบ่มไวน์ติดตัว ไม่เพียงบ่มไวน์ในโลกความเป็นจริง แต่รวมถึงที่นี่ เขาเชื่อว่าโลกทางฝั่งนี้ก็คงไม่ขาดนักดื่ม

‘ถ้าเป็นแบบนั้น ก็คงเหลือแค่การบ่มเหล้าองุ่นกับสุราที่เหมาะสมแล้วแหละนะ การบ่มจำเป็นต้องใช้เวลากว่าจะได้ของที่เหมาะสม โชคดีที่ก่อนหน้านี้ทำภารกิจพิเศษสำเร็จ เลยได้รางวัลเป็นเหรียญทองมาเยอะพอสมควร ไม่งั้นคงขยับตัวยากแน่’ อู๋ฝานครุ่นคิดกับตัวเอง

หลังตัดสินใจ อู๋ฝานก็เรียกคนมาทำความสะอาดบ้าน จากนั้นจึงเริ่มสร้างสิ่งจำเป็นในการบ่มด้วยตัวเอง ของเหล่านี้สามารถซื้อจากร้านของชำในหมู่บ้านได้ ทว่าเขาไม่อยากถูกพ่อค้าแซ่หลิวขูดรีดอีก

อู๋ฝานค่อนข้างประหลาดใจกับสถานะผู้เล่นของตนเองอีกครั้งหนึ่ง เพราะเวลาเพียงครึ่งวันก็สามารถสร้างโรงบ่มได้สำเร็จ ตอนนี้พร้อมเริ่มทำการบ่มแล้ว จากช่วงเวลาที่เริ่มบ่มจนถึงช่วงพร้อมดื่มนั้น คาดว่าจำเป็นต้องรอสักสามวัน ดังนั้นเวลาอีกครึ่งวันที่เหลือจึงบ่มไวน์ได้ทั้งหมดห้าร้อยถัง มันนับเป็นความเร็วการบ่มอันน่าทึ่ง

“สถานะผู้เล่นนี่ไม่ธรรมดาเลย!” อู๋ฝานเองก็ยังต้องประหลาดใจ

คนอื่นจำเป็นต้องบ่มทีละขั้นตอน กระทั่งคนในหมู่บ้านเช่นหัวหน้าหมู่บ้านที่เป็นปรมาจารย์แห่งการบ่มเหล้าองุ่น หากต้องการบ่มก็จำเป็นต้องใช้เวลา ทำทุกขั้นตอน ไม่อาจข้ามหรือลัดขั้นตอนใดได้ รวมแล้วจึงต้องใช้เวลานานกว่าจะบ่มได้ที่จนพร้อมดื่ม

แต่อู๋ฝานไม่ใช่ เขาเพียงแค่ยืนตรงหน้าถังและใช้วิชาที่ครอบครอง ถังไวน์ก็เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการบ่มเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งหลังเริ่มบ่มยังใช้เวลารอเพียงแค่สามวัน เรียกได้ว่าเร็วจนน่าทึ่ง

เพราะเหตุผลดังกล่าว อู๋ฝานจึงพบว่าตนเองแทบไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการเงินในโลกฝั่งนี้ด้วยซ้ำ

“ถ้ารู้แต่แรก คงไม่ซื้อโรงบ่มในโลกความเป็นจริงหรอก” อู๋ฝานบ่น

โรงบ่มในโลกความเป็นจริงของอู๋ฝานไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกใดทั้งสิ้น ทุกขั้นตอนต้องทำอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง อย่างไรในโลกความเป็นจริงเขาก็ไม่ได้มีสถานะผู้เล่น และค่าใช้จ่ายในการบ่มไวน์ก็ไม่ใช่เล็กน้อย อีกทั้งความเร็วยังเชื่องช้า หากเปรียบกับการบ่มที่นี่ ความเร็วนั้นมากกว่าอย่างไม่อาจเทียบ

ทว่าอู๋ฝานก็ทำได้เพียงแค่บ่น ต่อให้ทราบแต่แรกว่าการบ่มในเกมทำได้รวดเร็วกว่า อย่างไรเขาก็ต้องซื้อโรงบ่มอยู่ดี หากไร้โรงงานที่ทำ ตนก็ไร้คำอธิบายว่าไวน์มาจากที่ไหน อีกทั้ง หากเตรียมแผนการเข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องดื่มมึนเมา มันก็เท่ากับชายหนุ่มได้ขยายเส้นทางการเงินในภายหน้าให้กว้างออกไป และเครื่องดื่มมึนเมายังเป็นสิ่งที่ต้องขายทุกวัน ต่อให้บ่มที่นี่ด้วยตนเองรวดเร็วเพียงใด อย่างไรมันก็ยังต้องใช้เวลา ไม่เช่นนั้นเขาก็คงต้องประจำการอยู่ที่นี่ ทำงานทั้งวัน อย่างงั้นแล้วจะเหลือเวลาให้ไปทำอะไรอื่นได้อีก?

เห็นได้ชัดว่าอย่างไรโรงบ่มในโลกความเป็นจริงก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อแนวทางการพัฒนาที่ดีในอนาคต โรงบ่มอาจต้องขยับขยายเสียด้วยซ้ำ ไวน์ที่เขาบ่มขึ้นที่นี่ ก็เพื่อเป็นแนวหน้าในการพยุงค่าใช้จ่ายของโลกฝั่งนี้ หากอยากจะก้าวหน้าที่โลกฝั่งนี้ เขาก็จำเป็นต้องมีเงินด้วยเช่นกัน และไวน์ที่ทำจากที่นี่ก็สามารถนำไปใช้เสริมในโลกความเป็นจริงได้อีกด้วย

หลังบ่มไวน์เรียบร้อย ก็เกือบจะถึงเวลาที่อู๋ฝานต้องเทเลพอร์ตกลับไป แต่ก่อนจะกลับ ชายหนุ่มขอให้คนคอยทำความสะอาดห้องบ่มเป็นช่วงเวลา เพื่อคุณภาพที่ดีก็จำเป็นต้องรักษาสภาพแวดล้อมการบ่ม หลักการนี้ใช้ได้ไม่ว่าจะกับโลกความเป็นจริงหรือโลกแห่งนี้ หากทำได้ด้วยดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะเป็นไวน์ดี

เมื่อจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางแล้ว อู๋ฝานจึงเทเลพอร์ตกลับโลกความเป็นจริง

หลังรุ่งสาง อู๋ฝานก็ไปสนามกีฬามหาวิทยาลัยเจียงโจวเช่นที่เคยเป็นทุกวัน และในทุกเช้า เขามักจะได้พบหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่นี่

“ผมมีอะไรจะให้ครับ” เมื่ออู๋ฝานเจอหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายออกปากพูดคุยก่อน

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนหน้าจะแดงระเรื่อขึ้นมา เพราะคิดว่าอู๋ฝานกำลังจะมอบของขวัญให้ …ให้ของกะทันหันแบบนี้ เขาให้อะไรนะ? หรือว่าจะเป็น…

ขณะหลิ่วเหยียนเอ๋อร์คิดไปไกล อู๋ฝานก็หยิบขวดใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าส่งให้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์

“สิ่งนี้คือ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์รับมาด้วยความสับสน ตอนนี้เธอตระหนักว่าคิดผิดไป มันไม่ใช่ของที่ตนคาดคิด

“ยาทาลบรอยแผลเป็นครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบ “ก่อนหน้านี้ผมรับปากเอาไว้ว่าจะปรุงยาที่ช่วยลบรอยแผลเป็นให้ และก็ออกมาเป็นเจ้านี่ครับ”

อู๋ฝานไม่ได้พูดโกหก แม้สูตรนั้นจะมาจากอาจารย์ปรุงยาหลี่ แต่ยาทาลบรอยแผลเป็นที่ส่งให้นี้ เขาเป็นคนปรุงด้วยตนเองกับมือ

“ทำให้รอยแผลเป็นหายไปหมดจดเลยเหรอคะ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ถามกลับด้วยความสงสัย

เธอหวังว่ายาวิเศษของอู๋ฝานจะช่วยกำจัดรอยแผลเป็นบนแขนได้อย่างหมดจด แต่เพราะถังอวี่เฟยเคยพูดเอาไว้ว่าในตลาดมียาประเภทนี้จำนวนมาก แต่ไม่มีแม้สักยี่ห้อที่สามารถกำจัดอย่างหมดจดไม่หลงเหลือ กระทั่งนักปรุงยาในแวดวงผู้ฝึกตนก็ไม่สามารถ ดังนั้นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงตั้งคำถามกับประสิทธิภาพของยาดังกล่าว