บทที่ 377 เริ่มการผลิต

บทที่ 377 เริ่มการผลิต

“ไว้ลองก็รู้เองครับ ผมรับประกันเลยว่าไม่ทำให้ผิดหวังแน่” อู๋ฝานตอบด้วยความมั่นใจ

ยาทาลบรอยแผลเป็นได้ผลอย่างไร อู๋ฝานเห็นกับตาตัวเองมาแล้ว ดังนั้นจึงมีความเชื่อมั่นเปี่ยมล้น

“ใช้ยังไงคะ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยถาม

“แค่ทาลงบนแผลเป็นที่ต้องการครับ” อู๋ฝานตอบกลับ

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่เชื่อจึงม้วนแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย ตั้งแต่มีแผลเป็นเกิดขึ้น เธอก็ไม่กล้าใส่เสื้อแขนสั้นอีกดังที่ถังอวี่เฟยเคยกล่าวเอาไว้

ผิวกายของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังคงดีเหมือนเช่นที่เคยเป็น แขนอวบอิ่มด้วยน้ำใต้ผิวและทอประกายความงาม เป็นผิวขาวกระจ่าง เพียงแต่บนแขนที่น่าชมนี้กลับปรากฏรอยแผลเป็นขึ้น

หญิงสาวหยดยาลบรอยแผลเป็นจากในขวดลงบนรอยแผล พร้อมกับรู้สึกเย็นวาบจากบริเวณที่เกิดแผลเป็น

“ทาเกลี่ยให้เท่ากันด้วยครับ” อู๋ฝานบอก

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พยักหน้ารับและทำตามที่บอก

จากนั้นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ถึงกับต้องประหลาดใจที่พบว่าแผลเป็นซึ่งเด่นชัดเมื่อครู่ ไม่นานหลังทายาลบรอยแผล มันกลับลดเลือนลงอย่างเห็นได้ชัด แม้จะไม่ได้ลบให้หายไปอย่างหมดจด แต่การจางลงก็ชัดเจนจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า

“ได้ผลขนาดนี้เลยเหรอคะ?” กระทั่งหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่มักสงบนิ่ง ยังอดที่จะอุทานด้วยความประหลาดใจออกมาไม่ได้ เพราะสรรพคุณนี้เธอทั้งได้เห็นและเจอด้วยตนเอง

“เป็นยังไงครับ? ผมไม่ได้คุยโม้ใช่ไหม นี่แค่การใช้ครั้งแรก ขอเพียงใช้ต่อเนื่องวันละครั้ง สักสามวันแผลเป็นบนแขนก็น่าจะหายไปจนไม่เหลือแม้แต่ริ้วรอยให้เห็นเลยครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ

“ค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าตอบ เธอที่เมื่อครู่มีความสงสัยต่อยาทาลบรอยแผลเป็นของอู๋ฝาน ขณะนี้ไร้ซึ่งข้อกังขาแล้ว

“อู๋ฝาน ขอบคุณค่ะ” แม้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์จะแสดงท่าทีเย็นชามาตลอด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่ใส่ใจต่อรูปลักษณ์ หญิงสาวเองก็รักสวยรักงามเหมือนคนอื่น ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ภายนอก อีกทั้งรอยแผลเป็นบนแขนก็เด่นชัดจนเกินไป เมื่ออู๋ฝานเอ่ยปากช่วยเหลือ เธอจึงหวังว่าจะสามารถกำจัดรอยแผลเป็นให้หายไปได้อย่างหมดจด ดังนั้นตอนนี้ที่เห็นผลลัพธ์แล้ว เธอจึงกล่าวคำขอบคุณออกมาจากใจจริง

“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ แค่เรื่องเล็กน้อย” อู๋ฝานตอบกลับ

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ใช่คนที่แสดงออกได้เก่งเท่าไหร่นัก ดังนั้นหลังเอ่ยขอบคุณ เธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่ในใจนั้น หญิงสาวจดจำสิ่งที่อู๋ฝานมอบให้ในครั้งนี้เอาไว้แล้ว

หลังออกกำลังกายช่วงเช้า อู๋ฝานจึงไปรับโรงบ่มมาครอบครองอย่างเป็นทางการ ด้วยความช่วยเหลือจากหวังจื่อหมิง เรื่องราวจึงราบรื่นและใช้เวลาเพียงไม่นาน นับจากนี้ไป โรงบ่มได้ตกเป็นของเขาเรียบร้อยแล้ว

“เถ้าแก่ ต้องการเปลี่ยนชื่อโรงบ่มแห่งนี้ไหมครับ” อาจารย์หลี่ที่ยืนข้าง ๆ ถามขึ้นมา

หลังอู๋ฝานครอบครองโรงงานอย่างเป็นทางการ เขาจึงมุ่งหน้าไปยังสถานที่เป้าหมาย เพื่อเตรียมมีส่วนร่วมกับการบ่มไวน์ล็อตแรกของการเปิดโรงงาน

“ไม่เป็นไรครับ” อู๋ฝานส่ายหน้า ขณะมองคำสามคำที่อยู่ตรงหน้าประตูโรงงาน

สุดเหนือเมฆ!

มันเป็นชื่อที่เถ้าแก่คนเดิมของโรงงานแห่งนี้ตั้งขึ้น ดังนั้นชื่อของไวน์ซึ่งผ่านการบ่มของที่นี่จึงเป็นสุดเหนือเมฆด้วยเช่นเดียวกัน อู๋ฝานมองว่าชื่อนี้ไม่เลวร้าย จึงไม่คิดเปลี่ยนแต่อย่างใด

อาจารย์หลี่พยักหน้าตอบรับและไม่พูดอะไรอีก จริง ๆ แล้วในใจของเขาก็ค่อนข้างผูกพันกับชื่อนี้ ทว่าอย่างไรมันก็เป็นชื่อที่ไม่เคยสร้างชื่อเสียงมาก่อน มองอีกแง่ก็เป็นลางร้าย เถ้าแก่คนใหม่ที่แสวงหาความก้าวหน้า ก็สมควรเปลี่ยนชื่อเพื่อเป็นการเริ่มต้นที่ดี

แต่ในเมื่ออู๋ฝานตอบว่าไม่อยากเปลี่ยน เขาก็ไม่คิดพูดอะไรอื่นให้มากความอีก

“ทุกอย่างในโรงงานเตรียมพร้อมแล้วใช่ไหมครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถามขณะเดินเข้าไป

“ทุกอย่างพร้อมทำงานครับ แม้ไม่ได้ทำงานมาหลายเดือน แต่ตอนนี้กลับมาคึกคักเต็มที่แล้ว” อาจารย์หลี่ตอบรับ

“ดีแล้วครับ” อู๋ฝานพยักหน้าตอบ

เมื่อเข้าสู่พื้นที่โรงงาน อู๋ฝานจึงตระหนักว่ามีคนจำนวนมากขึ้นกว่าเมื่อวาน ดังนั้นจึงเอ่ยถาม “เหมือนจะมีคนเพิ่มขึ้นนะครับ”

“พวกเขาเป็นคนงานเก่าของที่นี่น่ะครับ ก่อนหน้านี้ถูกเถ้าแก่คนเดิมเลิกจ้างไป เมื่อวานเถ้าแก่ขอให้เรียกพวกเขากลับมาทำงานใช่ไหมล่ะครับ? วันนี้ก็เลยมีบางส่วนที่พร้อมกลับมาทำงาน” อาจารย์หลี่ตอบกลับ

“ฝ่ายบุคคลทำงานรวดเร็วดีนะครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบ

เขาไม่คิดว่าเด็กสาวอายุยี่สิบต้น ๆ ที่เพิ่งเรียนจบจะทำหน้าที่ได้ดีขนาดนี้ เมื่อวานฝากคำขอเอาไว้ วันนี้ก็เรียบร้อยซะแล้ว

กลุ่มคนงานที่เพิ่งมาทำงานวันนี้ หลังได้พบอู๋ฝาน ใจของพวกเขาต่างก็มีความกังวลเล็กน้อย สาเหตุที่พวกเขากลับมารับตำแหน่งเร็วขนาดนี้ นอกจากการทำงานอย่างรวดเร็วของฝ่ายบุคคลแล้ว สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือการที่แม้ผ่านมาหลายเดือนพวกเขาก็ยังหางานที่เหมาะสมทำไม่ได้ ทำให้ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการหางานใหม่

อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มมึนเมาค่อนข้างซบเซาต่อเนื่องมายาวนาน เป็นเรื่องปกติที่โรงกลั่นหรือโรงบ่มทั้งหลายจะคัดคนงานออก ดังนั้นการหางานในตำแหน่งเดิมจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

พวกเขาหลายคนอยู่ในแวดวงนี้มานาน ทำให้ไม่ได้พัฒนาฝีมือทางด้านอื่น หากต้องให้ไปเรียนรู้ตั้งแต่ต้นด้วยอายุเท่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ค่าแรงที่ได้รับก็มีแต่จะต่ำลง อย่างที่ไม่มีทางพอจุนเจือครอบครัวได้

ดังนั้นหลังได้รับสายจากฝ่ายบุคคล พวกเขาก็กลับมาโดยไม่ลังเล ยังไม่กล่าวถึงเรื่องที่อู๋ฝานเสนอเพิ่มเงินเดือนให้พวกเขาถึงหนึ่งในสิบ ต่อให้เป็นการลดเงินเดือนหนึ่งในสิบ พวกเขาก็ยังยินดีตอบรับด้วยซ้ำ อย่างไรมันก็เป็นงานเดิมในสถานที่เดิมซึ่งคุ้นเคย

“ในเมื่อพร้อมกันแล้ว ก็เริ่มได้เลยครับ” อู๋ฝานบอกกับอาจารย์หลี่

“ครับ” อาจารย์หลี่รีบตอบรับ พร้อมมองทางกลุ่มคนงานพลางตะโกน “เริ่มได้”

จากนั้น เครื่องจักรภายในโรงงานที่เตรียมความพร้อมรออยู่แล้วจึงเริ่มกระบวนการทำงาน

คนงานเหล่านี้ต่างก็คุ้นเคยกับไลน์ผลิตของที่นี่เป็นอย่างดี แม้สูตรการผลิตไวน์จะเปลี่ยนแปลงไป แต่กระบวนการผลิตไม่ได้แตกต่างไปจากในอดีต อาจารย์หลี่เพียงบอกไม่กี่คำ พวกเขาก็เข้าใจหน้าที่กันเรียบร้อย

เครื่องจักรทั้งโรงงานกำลังทำงานอย่างราบรื่น คนงานมากฝีมือต่างก็เข้ามาดูแล อู๋ฝานที่แค่มาดูจึงสามารถวางใจได้

“ส่วนที่ฝากจัดการแยกเมื่อวานเป็นยังไงบ้างครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

“เรียบร้อยแล้วครับ ทางด้านนั้นเลยครับ” อาจารย์หลี่ตอบรับ

อู๋ฝานเดินตามอาจารย์หลี่เข้าไปด้านในของโรงงาน เพราะได้รับการทำความสะอาดเรียบร้อย บริเวณนี้จึงสะอาด เดินโล่งโปร่งสะดวก

และตอนนี้เองที่มีรถตู้เข้ามายังบริเวณทางเข้าโรงงาน ของที่อู๋ฝานสั่งเอาไว้ก่อนหน้านี้มาส่งแล้ว

ชายหนุ่มขอให้บริษัทขนส่งนำของมาส่งที่โรงงานแห่งนี้ หลังยกเข้ามา เขาจึงขอให้อาจารย์หลี่และคนส่งของกลับไป ชายหนุ่มจะจัดการงานที่นี่เพียงลำพัง

แม้อาจารย์หลี่จะสงสัย เพราะไม่ทราบว่าอู๋ฝานคิดจะทำอะไร แต่อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นเจ้าของที่นี่ ต่อให้อยากทำอะไร ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเข้าไปเจ้ากี้เจ้าการได้ ดังนั้นจึงทำได้แค่สงสัย ก่อนจะกลับไปดูแลโรงงานต่อ วันนี้นับเป็นวันแรกที่เริ่มไลน์ผลิตสินค้า ยังไม่ใช่วันที่สามารถส่งมอบสินค้าได้ ดังนั้นในฐานะคนดูแลภาพรวม เขาจึงจำเป็นต้องจับตามองทุกอย่างให้เรียบร้อย

หลังยุ่งอยู่จนถึงช่วงกลางวัน อู๋ฝานก็ออกมาจากด้านในพื้นที่ที่แบ่งไว้ส่วนตัว