บทที่ 378 ขอความช่วยเหลือ

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 378 ขอความช่วยเหลือ

บทที่ 378 ขอความช่วยเหลือ

หลังออกมาจากพื้นที่ส่วนตัว อู๋ฝานก็มองหาคนงานที่ดูมีความสามารถสองถึงสามคน และขอให้พวกเขาตามตนเองเข้าไปด้านใน เพราะเป็นคำสั่งของเถ้าแก่ คนเหล่านี้จึงไม่อาจปฏิเสธได้

อาจารย์หลี่เองก็มองด้วยความสงสัยเช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้พูดอะไร

ครึ่งวันนี้อู๋ฝานไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับกระบวนการทำงาน แต่เขากำลังเคลื่อนย้ายอุปกรณ์การบ่มจากโลกแห่งเกมมายังโรงงานแห่งนี้ กล่าวคือ ไวน์ที่ผลิตมาจากแหล่งอื่นจะถูกตีตราเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากที่นี่ และการผลิตจากพื้นที่ส่วนตัว จะทำให้มันกลายเป็นผลงานทำมือโดยสมบูรณ์ ชายหนุ่มรับผิดชอบในส่วนของแกนหลัก ส่วนที่เหลือจะหาคนงานจากโรงงานมาจัดการต่อ

หลังจากจัดการงานไม่หยุดพักอยู่สองชั่วโมงกว่า อู๋ฝานไม่ออกไปทานอาหารกลางวัน ทว่าเขากลับเข้าไปสอนงานคนหนุ่มเหล่านั้น มีแต่ทำเช่นที่ว่าชายหนุ่มจึงจะสามารถวางใจฝากโรงงานแห่งนี้เอาไว้ได้ เมื่อจัดการเรื่องราวได้เรียบร้อยดี ตนก็ไม่จำเป็นต้องอยู่เฝ้าตลอดเวลาแต่อย่างใดอีก

เมื่อกลับจากโรงงาน อู๋ฝานก็โทรหาหวังจื่อหมิง

“พี่หวัง ขอโทษด้วยนะครับ ผมมีเรื่องต้องรบกวนอีกแล้ว” อู๋ฝานพูดผ่านโทรศัพท์

เรื่องการบ่มไวน์ขั้นต้นนั้นราบรื่นเรียบร้อยดี แต่อู๋ฝานก็ยังมีเรื่องยาทาลบรอยแผลเป็น ครีมผิวกระจ่าง และชาตื่นรู้ให้จัดการ ทั้งหมดคือสิ่งที่ต้องผลิตขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการโรงงาน ทว่ามันยังต้องมีการจดสิทธิบัตรและอนุมัติการผลิต ดังนั้นเขาจึงต้องติดต่อหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แม้ชายหนุ่มจะพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ถึงอย่างไรก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีเส้นสาย ดังนั้นหวังจื่อหมิงจึงเป็นตัวเลือกที่ดี เพียงแต่ออกจะเป็นการรบกวนอีกฝ่ายอยู่บ้าง

เรื่องดีคือ การที่ขอเพียงเอ่ยปากกับหวังจื่อหมิง เรื่องราวก็ไม่ได้ยากเย็นถึงเพียงนั้นแล้ว ไม่เช่นนั้นอู๋ฝานคงรู้สึกผิดที่สร้างความยากลำบากให้อีกฝ่าย

อู๋ฝานตระหนักก็ตอนนี้ว่า แม้ตนเองเป็นเจ้าของร้านโลกในแหวน ทว่าก็ยังไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้ กระทั่งตรงกันข้ามด้วยซ้ำ เขามีแต่จะยุ่งมากขึ้นและมากขึ้น

“เริ่มทำธุรกิจก็ต้องยุ่งอยู่แล้วสิ ใครใช้ให้มีอะไรทำหลายอย่างกันล่ะ” อู๋ฝานหัวเราะกับตัวเอง

หากอู๋ฝานมุ่งเน้นกิจการเพียงด้านเดียว ก็คงไม่เหนื่อยเช่นตอนนี้ แต่ในเมื่อเจอสิ่งที่สามารถนำมาสร้างกำไรจากในโลกแห่งเกม คงน่าเสียดายแย่ หากไม่นำมาใช้งานให้ดี

ดังนั้นอู๋ฝานจึงพร้อมทุ่มเทกำลังของตัวเอง เพื่อจัดแจงเรื่องราวเหล่านี้ และในช่วงเริ่มต้นก็ต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ เขาเชื่อว่าเมื่ออุตสาหกรรมเหล่านี้เข้ารูปเข้ารอย เมื่อนั้นตนจะมีเวลาได้พักผ่อนหย่อนใจ

หลังพูดคุยกับหวังจื่อหมิงจบ อู๋ฝานก็คิดจะพักสักเล็กน้อย ทว่าเขากลับได้รับสายโทรจากเจ้าหย้าหนาน

“อู๋ฝาน ไอ้เลวแซ่หลิวนั่นกำลังใส่ร้ายพวกเราค่ะ!” เสียงเจ้าหย้าหนานดังผ่านโทรศัพท์ออกมา

“เรื่องอะไรกันครับ?” อู๋ฝานถามกลับ

“มันบอกว่าพวกเราอยู่เบื้องหลังการวางเพลิงโรงไม้ของมันค่ะ” เจ้าหย้าหนานตอบกลับมา

“มีหลักฐานเหรอครับ? เรื่องแบบนี้แค่พูดก็คงไม่ได้หรอกใช่ไหมครับ?” อู๋ฝานถามกลับขณะเปลือกตากระตุก

เจ้าหย้าหนานมองว่าผิดปกติ แต่อู๋ฝานรู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของตน แต่เขาไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ ดังนั้นจึงยากที่จะเชื่อว่าเถ้าแก่หลิวเจอเบาะแสอะไรเข้า

“ไม่มีหลักฐานอะไรทั้งนั้นค่ะ มันแค่หาทางถ่มน้ำลายใส่เรา ปั่นหัวพวกเรา!” เจ้าหย้าหนานตอบกลับ

คำพูดของเจ้าหย้าหนานทำให้อู๋ฝานลอบถอนหายใจ “ในเมื่อพูดจาไร้หลักฐาน ก็เมินคนแบบนั้นไปดีกว่าครับ”

“ฉันกลัวว่ามันจะหาทางสร้างหลักฐานปลอมมาใส่ร้ายพวกเราน่ะสิคะ ก่อนหน้านี้มันกับไอ้เลวสองคนนั่นที่คิดเผาโรงงานของพวกเรายังรอดไปได้ เป็นไปได้ว่าจะมีเส้นสายอะไรสักอย่าง เพราะแบบนั้นฉันเลยโทรมาบอกให้คุณระวังตัว แล้วก็อยากจะถามว่า คุณพอจะมีคนรู้จักที่ช่วยพวกเราจัดการกับคนเลวแซ่หลิวนั่นได้ไหมคะ อย่างน้อยมันก็ใส่ร้ายคนอื่น ดังนั้นพวกเราก็ต้องป้องกันตัวด้วย” เจ้าหย้าหนานตอบกลับมา

เจ้าหย้าหนานไม่รู้เรื่องฝั่งอู๋ฝาน แต่การที่อีกฝ่ายที่ทั้งยังหนุ่มและดูร่ำรวย สามารถหาไม้ล้ำค่าจำนวนมากมาได้อย่างง่ายดายนั้น หมายความว่าเขาจะต้องมีเส้นสายพอสมควร ทำให้เธอคิดอยากขอใช้เส้นสายของชายหนุ่ม เพื่อจัดการกับเถ้าแก่หลิวที่กำลังจะก่อเรื่องชั่วขึ้นอีกครั้ง เพราะไม่มีอะไรรับรองว่าอีกฝ่ายจะไม่สร้างหลักฐานปลอมขึ้นมาใส่ร้ายพวกเธอ

อู๋ฝานเลิกคิ้วขึ้น เขามองว่าคำพูดของเจ้าหย้าหนานสมเหตุสมผล เถ้าแก่หลิวที่เป็นคนแบบนั้น เมื่อโรงไม้ถูกไฟไหม้สูญเสียครั้งใหญ่ย่อมไม่มีทางอยู่เฉย ตอนนี้อีกฝ่ายคงกำลังหาทางกล่าวโทษเจ้าหย้าหนาน คิดเรียกร้องค่าเสียหาย เรื่องเช่นนี้ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นการติดต่อคนมีอำนาจไว้ก่อนเรื่องราวบานปลายจึงเป็นเรื่องควรทำ

“ครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้เอง” อู๋ฝานตอบรับ

“ขอบคุณค่ะ” เจ้าหย้าหนานตอบกลับมา แม้พ่อของเธอจะทำกิจการ แต่ก็ไม่ได้รู้จักคนมากมาย ตัวเธอเองก็เพิ่งเข้ามาทำธุรกิจได้ไม่นาน ดังนั้นจึงไม่ค่อยรู้จักใครสักเท่าไหร่ ทำให้เรื่องนี้ต้องฝากฝังไว้กับอู๋ฝาน

หลังอู๋ฝานวางสายจากเจ้าหย้าหนาน เขาจึงครุ่นคิดเล็กน้อยขณะกดต่อสายโทรศัพท์

“สวัสดีครับนายน้อยหลิว ผมอู๋ฝานเองนะครับ”

“อู๋ฝาน?” เสียงสงสัยจากปลายสายดังตอบกลับมา จากนั้นจึงเอ่ยถาม “นายน้อยอู๋มีอะไรถึงโทรหาผมอย่างนั้นเหรอครับ?”

“เรื่องเป็นแบบนี้ครับ พอดีผมพบเจอปัญหาเล็กน้อย ไม่รู้ว่านายน้อยหลิวพอจะช่วยได้รึเปล่า?” อู๋ฝานเอ่ยออกไปตามตรง

“เรื่องอะไรครับ?” อีกฝ่ายถามกลับมา

“เรื่องมีอยู่ว่า…” อู๋ฝานเริ่มร่ายยาวถึงเหตุการณ์ที่เถ้าแก่หลิวเป็นผู้กระทำ

“เป็นแบบนี้นี่เอง เรื่องนี้ผมจัดการให้ได้ครับ รับประกันว่าไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน” หลังฟังเรื่องราวจากอู๋ฝาน อีกฝ่ายก็ไม่ลังเลที่จะมอบความช่วยเหลือให้

“ขอบคุณนายน้อยหลิวครับ” อู๋ฝานตอบรับ

“นายน้อยอู๋สุภาพเกินไปแล้วครับ ก็แค่เรื่องเล็กน้อย หวังว่านายน้อยอู๋จะรบกวนผมกว่านี้ด้วยซ้ำ” ปลายสายหัวเราะตอบกลับมา

“วันหลังถ้ามีเวลา ผมขออนุญาตเป็นฝ่ายเลี้ยงนะครับ ไว้พวกเรามาดื่มด้วยกัน” อู๋ฝานตอบกลับ

“แน่นอนครับ นายน้อยอู๋เลี้ยงทั้งที ก็ต้องเป็นของดีแน่” อีกฝ่ายเพราะเห็นแก่อู๋ฝานจึงตอบรับด้วยความสุภาพ

หลังวางสาย เขาก็โทรหาเจ้าหย้าหนาน บอกว่าจัดการเรียบร้อยแล้วไม่ต้องกังวล แม้หญิงสาวจะสงสัยว่าอู๋ฝานจัดการอย่างไรถึงได้รวดเร็วขนาดนี้ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่บอก เธอจึงไม่อยากเอ่ยถาม

อีกฟากฝั่งหนึ่ง หลิวอวี่กวงที่วางสายจากอู๋ฝานกำลังมีท่าทีตื่นเต้นอยู่พอสมควร

คนที่อู๋ฝานต่อสายหานั้นคือหลิวอวี่กวง คนที่ก่อนหน้านี้บังเอิญได้เจอกันที่ห้างสรรพสินค้า

เจียงโจวมีห้าตระกูลใหญ่ควบคุมอุตสาหกรรมทั้งหลาย พวกเขาครอบครองธุรกิจที่แตกต่างกัน และมีเส้นสายที่ต่างกันออกไป ครั้งนี้อู๋ฝานมองว่าตระกูลหลิวน่าจะช่วยเหลือได้มากกว่า แต่เพราะรู้จักคนจากตระกูลหลิวเพียงคนเดียว ดังนั้นเขาจึงต้องโทรหาหลิวอวี่กวง

ดังนั้นขณะอู๋ฝานโทรหาหลิวอวี่กวง เขาก็คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะปฏิเสธ หรือหากรับปากว่าจะช่วย ก็คงต้องใช้เวลาคิดอยู่บ้าง ที่ไม่คาดคือการที่หลิวอวี่กวงตอบรับโดยไม่ลังเล เรื่องนี้ทำให้ชายหนุ่มประหลาดใจอยู่พอสมควร ขณะเดียวกันความประทับใจที่ตนมอบให้อีกฝ่ายก็ยกระดับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

อันที่จริงเรื่องที่อู๋ฝานขอให้ช่วยนั้น สำหรับหลิวอวี่กวงแทบจะเป็นเรื่องเล็กเสียด้วยซ้ำ เพียงแค่โทรศัพท์ก็สามารถคลี่คลายปัญหาได้แล้ว เหตุผลที่เขารับปากอีกฝ่ายทันทีก็เพราะต้องการสร้างความประทับใจที่ดี และต้องการจะใช้เรื่องนี้สานสัมพันธ์กับชายหนุ่มต่อไป