ตอนที่ 557 ผาสุดขอบฟ้า (4) ตอนที่ 558 ผาสุดขอบฟ้า (5)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 557 ผาสุดขอบฟ้า (4) / ตอนที่ 558 ผาสุดขอบฟ้า (5)
ตอนที่ 557 ผาสุดขอบฟ้า (4)

พวกเขาวางแผนว่าจะหาเวลาไปผาสุดขอบฟ้าหลังจากที่หลอมแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณเสร็จ

แต่อย่างแรกคือต้องรักษาร่างกายของมู่เชียนฟานให้หายก่อน

หน้าที่อันใหญ่หลวงนี้จึงตกเป็นของจวินอู๋เสียอีกครั้ง

ต้องใช้เวลานานมากในการหลอมหยกดำชิ้นใหญ่นั้นให้เป็นเงินดำ ฟ่านจัวและหรงรั่วต่อรองราคากับช่างตีเหล็กเสร็จก็วางของไว้ที่นั่นแล้วเดินจากไปทันที

เพราะคนธรรมดาไม่รู้จักสิ่งนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกขโมย

หลังจากกลับมาที่โรงเตี๊ยม พวกเขาแต่ละคนก็ต่างยุ่งในเรื่องของตัวเองจึงไม่มีใครพูดถึงผาสุดขอบฟ้า

จวินอู๋เสียออกมาอีกครั้งในเวลากลางคืนเพื่อหาสิ่งที่เหมาะกับการหลอมโอสถ แต่น่าเสียดายที่สำนักศึกษาเฟิงหัวไม่มีผู้ใดหลอมโอสถ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมในตำบลชานหลิน คนขายจึงมีไม่มาก

ในที่สุด จวินอู๋เสียก็พบเตาหลอมโอสถขนาดเล็กที่ไม่ค่อยดีในร้านค้าร้ายหนึ่ง เตาหลอมโอสถนั้นมีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น ทำมาจากทองแดง งานไม่ประณีต ใช้ได้แค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น

หลังจากไปร้านขายสมุนไพรเพื่อเตรียมสมุนไพรบางอย่าง จวินอู๋เสียก็กลับมาที่โรงเตี๊ยมแล้วเริ่มทดลองพิษที่อยู่ในชิ้นเนื้อของมู่เชียนฟาน

นางไม่ได้หยุดพักทั้งคืน ตอนที่ฮวาเหยามาเปิดประตูห้องนางในตอนเช้า นางก็เห็นจวินอู๋เสียยืนถือขวดโอสถวิเศษสองสามขวดไว้ในมืออยู่ที่หน้าประตู เหลือบมองเขาแล้วเข้าไปยุ่งต่อ

“เจ้าโง่เฉียวให้ข้ามาถามว่าจะไปโรงประมูลเมื่อไหร่” ดูเหมือนว่าฮวาเหยาจะสนใจเรื่องที่จวินอู๋เสียกำลังทำอยู่มาก เขาแทบไม่เคยเห็นจวินอู๋เสียหลอมโอสถเลย สำหรับเด็กสาวที่อายุยังน้อยที่เก่งกาจในวิชาแพทย์แล้วยังเก่งกาจในศาสตร์ด้านการหลอมโอสถคนนี้ ทำให้เขาเต็มไปด้วยความสนใจจริงๆ

“วันนี้” จวินอู๋เสียกล่าว

พูดจบ นางก็วางทุกสิ่งในมือนางลงทันทีแล้วหยิบโอสถวิเศษบางส่วนกับหินวิญญาณออกจากถุงเอกภพแล้ววางลงบนโต๊ะ ชี้ไปที่โอสถวิเศษเหล่านั้นแล้วอธิบายสรรพคุณสั้นๆ ให้ฮวาเหยา เก็บรวมกันแล้วยัดใส่มือเขา

“ขายทั้งหมด” จวินอู๋เสียกล่าว

หากขายแค่หินวิญญาณอาจไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายของนาง จวินอู๋เสียตั้งใจไว้ว่าหลังจากกลับไปที่สำนักศึกษาเฟิงหัวนางจะต้องหาชุดหลอมโอสถหนึ่งชุด เพราะไม่มีขายในตำบลชานหลินจึงต้องสั่งทำขึ้นมา ราคานี้ก็เป็นเงินอีกจำนวนหนึ่ง

ยังมีสมุนไพรอีก ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลย

ฮวาเหยามองโอสถวิเศษที่จวินอู๋เสียยัดมาให้ด้วยความมึนงง หลังจากได้ยินคำแนะนำของนางแล้ว เขาก็หยุดชะงักเป็นเวลานาน แต่เขาก็ไม่สามารถเดินจากไปได้

“เจ้า…ต้องการขายทั้งหมดนี้จริงๆ หรือ” ในสายตาของเขา โอสถเหล่านี้ล้วนแต่ดีมาก แม้ว่าจะไม่ได้ดีเท่ากับโอสถวิเศษที่จวินอู๋เสียขายที่ทางเข้าของสำนักศึกษาเฟิงหัวในวันนั้น แต่ก็เป็นของดีที่หายากมากเช่นกัน

โอสถวิเศษจำนวนมากขนาดนี้ นางกลับจะขายทั้งหมดโดยไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย

“อืม ตอนนี้มีแค่นี้” จวินอู๋เสียพยักหน้า โอสถวิเศษในมือนางนั้นมีไม่มาก โอสถวิเศษที่ดีนางก็ไม่ขายให้คนอื่น เก็บไว้ให้คนของตัวเองจะดีกว่า

ในสำนักศึกษาเฟิงหัวก็มีค่าใช้จ่ายเยอะ นางจึงวางแผนที่จะใช้เวลาในสำนักศึกษาเฟิงหัวหลอมโอสถแล้วนำมาขายในโรงประมูลชานหลิน และครั้งนี้ก็เป็นการทดลองขายครั้งแรก

ถ้าผลออกมาดี นางก็สามารถทำต่อไปได้

จวินอู๋เสียไม่เข้าใจความสำคัญของเงินในโลกนี้ นางจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก

จวินอู๋เสียไม่ใส่ใจ แต่ฮวาเหยาไม่ใส่ใจไม่ได้ ถ้าเขาไม่รู้ว่าโอสถวิเศษทั้งหมดที่จวินอู๋เสียนำออกมาคือโอสถวิเศษที่นางหลอมเองทั้งหมด เขาก็อยากจะเก็บมันไว้ทั้งหมด

ตอนที่ 558 ผาสุดขอบฟ้า (5)

“ไปคนเดียวอย่าลืมปลอมตัว” จวินอู๋เสียไม่ลืมเตือนเขา

เมื่อวานในโรงประมูลชานหลินเหอฉางเล่อรู้จักพวกเขาแล้ว หากพวกเขายังใช้ใบหน้าที่แท้จริงเข้าไปข่าวลือเกี่ยวกับพวกเขาก็จะแพร่กระจายไปในไม่ช้า

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา จวินอู๋เสียจึงต้องเตือนเขา

“ได้” ฮวาเหยาสัมผัสใบหน้าของตัวเองแล้วคิดในใจว่าครั้งนี้เขาจะปลอมตัวแบบไหนดี

หลังจากเตรียมพร้อมแล้ว ฮวาเหยาก็ปลอมตัวเป็นบุรุษวัยกลางคนแล้วเดินทางไปที่โรงประมูลชานหลินแล้วมอบทุกสิ่งให้กับเหอฉางเล่อ

เมื่อเขากลับมาถึงก็เป็นเวลาอาหารกลางวันพอดี ทุกคนก็รวมตัวกันในห้องของจวินอู๋เสียอย่างไม่ได้นัดหมายและรอทานอาหารพร้อมกัน

“พี่ฮวา เรียบร้อยแล้วหรือ” ทันทีที่เฉียวฉู่เห็นฮวาเหยา เขาก็เดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม

ฟ่านจัวตกตะลึงครู่หนึ่งเมื่อเห็นลุงวัยกลางคนที่แปลกหน้ายืนอยู่ข้างหน้าเขา แต่ ‘พี่ฮวา’ ที่เฉียวฉู่เรียกก็ดังข้างหูเขา

ฮวาเหยาไม่ได้ปกปิดฟ่านจัว เขายกมือขึ้นปิดใบหน้าตัวเอง กระดูกบนใบหน้าของเขาก็เคลื่อนไหวทันที ในชั่วพริบตาเดียวก็กลับมาเป็นชายหนุ่มที่มีหน้าตางดงามอีกครั้ง

ตาของฟ่านจัวเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากของเขาขยับ และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อเขามองไปที่ฮวาหยา

“เสี่ยวจัว ใจเย็นๆ พี่ฮวาเก่งกาจในเรื่องการเปลี่ยนใบหน้าอยู่แล้ว” เฟยเยียนตบไหล่ฟ่านจัวพร้อมทำสีหน้า ‘นี่เป็นเรื่องปกติ’

“เผ่าเคลื่อนกระดูก…” จู่ๆ สี่คำนี้ก็ออกมาจากปากของฟ่านจัว

ทันใดนั้น สีหน้าของทุกคนในห้องยกเว้นจวินอู๋เสียก็เปลี่ยนในทันที

เผ่าเคลื่อนกระดูกเป็นเผ่าพันธุ์ใหญ่ในสามโลกชั้นกลาง พวกเขาสามารถควบคุมกระดูกของตัวเองได้และสี่คำนี้มีเพียงผู้ที่อยู่ในสามโลกชั้นกลางเท่านั้นที่รู้

ฟ่านจัวรู้เรื่องหยกดำและเงินดำ พวกเขาสามารถคิดว่าเขาได้ยินจากคนของสิบสองตำหนักที่มาติดต่อกับท่านพ่อของเขา แต่เขายังดูออกว่าฮวาเหยาเป็นเผ่าเคลื่อนกระดูก! คนของเผ่าเคลื่อนกระดูกนั้นน้อยมาก แม้แต่ในสามโลกชั้นกลางก็ยากที่จะพบเห็น แม้ว่าคนของสิบสองตำหนักจะรู้เรื่องนี้ แต่พวกเขาก็จะไม่นำเรื่องนี้ไปพูดกับคนอื่น

แล้วฟ่านจัวรู้มาจากที่ใด

ดวงตาของทุกคนจับจ้องไปที่ฟ่านจัว แต่ฟ่านจัวกลับค่อยๆ ก้มศีรษะลง ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาถูกเงาดำปกคลุมจึงไม่สามารถมองเห็นสีหน้าที่แท้จริงของเขาได้

แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังประหม่านั้น ฟ่านจัวก็ยกมือขึ้นปิดใบหน้าของเขา ทันใดนั้น เสียงหัวเราะที่น่าขนลุกก็ค่อยๆ ดังออกมาจากปากของเขา

“มิน่า…มิน่าตอนที่ข้าพูดถึงหยกดำและเงินดำพวกเจ้าจึงมีปฏิกิริยาเช่นนั้น…ไม่แปลกเลยที่พวกเจ้าสนใจผาสุดขอบฟ้า…ข้าควรจะเดาได้นานแล้ว … ” ฟ่านจัวหัวเราะออกมาไม่หยุด ไหล่ของเขาสั่นไม่หยุดเพราะเสียงหัวเราะของเขา

ทันใดนั้น ฟ่านจัวก็เงยหน้าขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไปทันที ดวงตาที่ใสสะอาดคู่นั้นถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา เขากวาดสายตาไปที่เฉียวฉู่และคนอื่นๆ แล้วยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา

“พวกเจ้าเป็นคนของตำหนักอะไร”

เฉียวฉู่และคนอื่นๆ หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เพราะคำพูดของฟ่านจัวได้สื่ออะไรบางอย่างให้กับพวกเขา…

เขารู้จักสามโลกชั้นกลาง และรู้จักสิบสองตำหนักด้วย

“เสี่ยวจัว เจ้าเป็นอะไร…” เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของฟ่านจัว เฉียวฉู่รู้สึกไม่เคยชินเลย

ชายหนุ่มผู้อ่อนโยนคนนั้นมีสายตาที่เฉียบแหลมเช่นนี้

ฟ่านจัวหรี่ตาลงแล้วมองสีหน้าของเฉียวฉู่และคนอื่นๆ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็กลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง