ตอนที่ 121-1 จุดจบ จิ่งอวิ๋นอยู่ที่ใด
จีหว่านยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ถูกพละกำลังมหาศาลสายหนึ่งกระแทกจนตัวปลิว!
นางเพิ่งก้าวขึ้นมาบนดาดฟ้าเตรียมจะเดินไปหาเฉียวเวย ไม่มีผู้ใดกล้ายื่นมือมาขวาง พวกเขาต่างถอยออกไปอยู่ไกลๆ จนเป็นเหตุให้พริบตาที่นางถูกชนจนปลิวลอยออกจากเรือไม่มีผู้ใดสักคนมาช่วยนางได้ทัน
ทุกคนนิ่งอึ้งมองร่างกายของนางลอยเป็นเส้นโค้งอันงดงามวาดผ่านอากาศ พลางเบิกตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ
ร่างกายที่ลอยบนอากาศของนางลอยผ่านศีรษะของเฉียวเวยไป
ในเสี้ยววินาทีนั้นเฉียวเวยปล่อยมือจากหลีซื่อแล้วเปลี่ยนมาคว้าจีหว่านไว้
สองขาของจีหว่านถูกเฉียวเวยกอดรัดไว้ คนจึงห้อยหัวลงมาจากลำเรือ เส้นผมแทบจะจุ่มลงไปในน้ำ ทันใดนั้นศีรษะคนศีรษะหนึ่งก็โผล่ออกมาจากผิวน้ำ…
ภาพนี้น่าพรั่นพรึงเกินไปแล้ว มันดูเหมือนผีพรายตนหนึ่ง จีหว่านหน้าถอดสี กดศีรษะนั่นจมกลับไปในน้ำอย่างไม่ทันคิด!
หลีซื่อว่ายน้ำไม่เป็น เมื่อถูกเฉียวเวย ‘โยน’ ลงน้ำ นางก็ลำบากนักกว่าจะทะลึ่งตัวขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้คนไม่กลัวตายคนใดกดนางกลับลงไปใต้น้ำ
หลีซื่ออยากจะร้องไห้
เฉียวเวยดึงจีหว่านขึ้นมา อีกด้านหนึ่งสาวใช้ของหลีซื่อก็รีบเรียกคนเรือกับลูกจ้างให้ลงน้ำไปช่วยคน น่าเสียดายคนที่ว่ายน้ำเป็นล้วนลงไปตามหาจิ่งอวิ๋นกันหมดแล้ว บริเวณใกล้ๆ เรือเริงรมย์ค้นหาจนทั่วแล้วแต่ไม่พบ ทุกคนจึงออกไปตามหาไกลๆ กันหมด
สาวใช้ทั้งหลายของหลีซื่อว่ายน้ำไม่เป็น แต่ละคนร้อนใจแทบแย่แล้ว
สหายของติงเสี่ยวอิงพลันเอ่ยขึ้นว่า “”พี่สือหลิว ข้าจำได้ว่าท่านว่ายน้ำเป็น ท่านรีบลงไปช่วยฮูหยินสิ!”
แขนของติงเสี่ยวอิงถูกเฉียวเวยเหยียบจนกระดูกหัก ไม่เหลือเรี่ยวแรงสักกระผีกริ้น ช่วยหลีซื่อได้ก็แปลกแล้ว
สหายคนนั้นนึกถึงเฉียวเวยต่อ “ฮูหยิน ข้าทราบว่าท่านว่ายน้ำเป็น ท่านลงไปช่วยฮูหยินรองของพวกข้าด้วยเถิด!”
เฉียวเวยตอบกลับด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เหตุใดข้าต้องช่วยนาง พวกเจ้าคนสูงศักดิ์ทั้งหลายทำร้ายข้าสาหัสไม่พออีกหรือ อย่ามาพูดจาไร้สาระต่อหน้าข้า มิฉะนั้นข้าจะโยนเจ้าลงไปด้วย!”
สุดท้ายก็มีสาวใช้อายุน้อยผู้หัวไวคนหนึ่งใช้ท่อนไม้ไผ่ลำหนึ่งยื่นลงไปในน้ำ “ฮูหยินรอง! ท่านจับไม้ไว้เจ้าค่ะ!”
จีหว่านเหลือบเห็นหลีซื่อจับไม้ไว้ ก็คิดว่าหากเดาไม่ผิด ‘ผีพราย’ ที่ถูกตนเองกดลงน้ำไปเมื่อครู่คงเป็นหลีซื่อนั่นเอง จีหว่านกระแอม แสร้งทำเป็นว่าไม่เคยเกิดสิ่งใดขึ้น แล้วหันไปมองเฉียวเวย บังเอิญว่าจังหวะนี้วั่งซูถลาเข้าไปในอ้อมแขนของเฉียวเวยพอดี
จีหว่านคิดไม่ถึงว่าเจ้าตัวน้อยคนนี้จะมีพละกำลังมากมายเช่นนี้ ชนครั้งเดียวก็ทำนางตัวปลิว นางลูบศีรษะน้อยๆ ของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน “ชนเข้าเจ็บหรือไม่”
วั่งซูส่ายหน้า
จีหว่านมองวั่งซูแล้วมองเฉียวเวย ทันใดนั้นนางก็เข้าใจบางสิ่ง “เดี๋ยวก่อน เจ้าคือมารดาของวั่งซูหรือ”
จีหว่านกับเฉียวเวยเคยพบหน้ากันหนหนึ่งที่หรงจี้ จีหว่านเห็นหลี่อวี้จึงเดาว่าจีหมิงซิวน่าจะอยู่ใกล้ๆ นางพลิกหรงจี้ค้นหาตัวเขา เพื่อหลบ ‘การค้นหา’ ของพี่สาว เฉียวเวยจึงซ่อนคนไว้ใต้เตียง
จีหว่านค้นห้องของเฉียวเวยจนทั่ว มีเพียงใต้เตียงที่ไม่ได้ค้น
ไม่ใช่ไม่อยาก แต่นางถูกหนูตัวหนึ่งทำให้ตกใจหนีออกมาเสียก่อน
เรื่องนี้ไม่ว่าเฉียวเวยหรือจีหว่านล้วนจดจำได้เหมือนเพิ่งเกิด
จีหว่านหรี่ตาลงทำสีหน้าน่ากลัว “คืนนั้นหมิงซิวอยู่ใต้เตียงของเจ้าใช่หรือไม่”
“ใช่” เฉียวเวยยอมรับอย่างตรงไปตรงมายิ่งนัก ถึงอย่างไรก็ถูกจับได้แล้ว ปิดบังอีกก็ไม่มีความหมาย
จีหว่านกัดฟันกรอด “เจ้าเด็กหน้าเหม็นนั่น!”
อีกด้านหนึ่งในที่สุดหลีซื่อก็กลับขึ้นฝั่งได้ สิ่งที่ต้องยอมแลกก็คือท่อนแขนเรียวขาวผ่องประหนึ่งน้ำนมทั้งคู่ถูกบาดจนเละเทะ
เส้นผมของหลีซื่อยุ่งเหยิง ปิ่นหยกหายไปแล้ว เครื่องสำอางก็ละลาย เสื้อกับกระโปรงยับยู่ยี่แนบติดตัว สภาพอเนจอนาถยิ่งนัก อีกทั้งเพราะอาภรณ์ฤดูร้อนบาง ด้านในของนางสวมสิ่งใดอยู่ ผู้อื่นจึงมอบเห็นหมดสิ้น
เจ้าพนักงานทั้งหลายขัดเขินจนหันหน้าหนี
แต่ชาวบ้านบนฝั่งไม่ได้มีมารยาทเช่นนั้น สายตาสารพัดแบบจับจ้องมาบนเรือนร่างของหลีซื่ออย่างไม่ปิดบัง
หลีซื่อยกสองแขนกอดตนเองแล้วตวาดลั่น “มองอะไรกัน! หันไปให้หมด!”
ฝูงชนประสานเสียงหัวเราะ
พวกเขาต่างเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ ทั้งหมดล้วนเป็นสตรีนางนี้ทำตนเอง ลูกของผู้อื่นหายไป หัวใจย่อมมีแต่ความเกรี้ยวกราด ไม่พาลใส่นางก็ดีแล้ว แต่นางยังไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจะแย่งตัวฆาตกรคนนั้นไป
หากไม่ใช่ว่าทหารของทางการกันพวกเขาไว้ พวกเขายังอยากจะโยนผักใส่นางเป็นการซ้ำเติม
สาวใช้หยิบเสื้อตัวหนึ่งมาห่มให้หลีซื่อ “ฮูหยินรอง”
หลีซื่อกระชับเสื้อแน่นแล้วเดินไปหาเฉียวเวย เงื้อมือหมายจะตบสักฉาด แต่ถูกเฉียวเวยจับไว้อย่างง่ายดาย
เฉียวเวยเอ่ยเสียงเย็นชา “ยังกินน้ำในทะเลสาบไม่พอใช่หรือไม่”
หลีซื่อนึกถึงชีวิตที่เพิ่งเก็บกลับมาแล้วอดรู้สึกกลัวไม่ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นสะใภ้ตระกูลขุนนาง ไม่นานความหวาดกลัวก็ถูกกดลงไป “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่เจ้าเจตนาจะสังหารคน!”
เฉียวเวยหนังตาไม่กระตุกแม้แต่น้อย “ข้าเตือนท่านแล้ว แต่ท่านไม่ฟังเอง คนเอาความคิดตนเองเป็นใหญ่อย่างท่าน มีชีวิตมาถึงตอนนี้ได้ก็เป็นปาฏิหาริย์แล้ว”
หลีซื่อโกรธจนเกือบหงายล้มตึง นางหันไปมองจีหว่านที่อยู่ด้านข้าง “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านฟังนางพูดสิ!”
จีหว่านอ้าปากบอกว่า “เอ่อ…เมื่อครู่นางปล่อยมือเพราะจะช่วยข้า เจ้าถึงตกลงไปในน้ำ”
หลีซื่อมองสาวใช้ที่อยู่ด้านข้างอย่างไม่อยากเชื่อ สาวใช้ทั้งหลายต่างก้มหน้า ยอมรับคำพูดของจีหว่านอย่างกลายๆ
สถานการณ์ยามนี้พิลึกอยู่บ้างจีหว่านถูกเด็กน้อยคนหนึ่งชนตัวปลิวลอยละลิ่วออกจากเรือ หากมิใช่สตรีนางนี้ดึงจีหว่านเอาไว้ คนที่ร่วงตกน้ำก็คงจะเป็นจีหว่าน
หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ถ้าเช่นนั้นหลีซื่อย่อมไม่สะดวกถือสาเอาความ
ไม่ว่าอย่างไรหลีซื่อก็เป็นฮูหยินรองของจวนกั๋วกง แต่จีหว่านเป็นฮูหยินของซื่อจื่อตัวจริง ฐานะของจีหว่านเหนือกว่านางขั้นหนึ่ง หากนางกล้ากล่าวโทษว่าเฉียวเวยช่วยผิดคน ไฉนมิเท่ากับบอกคนทั้งโลกว่านางสำคัญตนเองเหนือกว่าฮูหยินของซื่อจื่อ
ความอยุติธรรมครั้งนี้ นางยากจะกล้ำกลืนลงจริงๆ!
แต่ต่อให้ไม่เอาความเรื่องที่อีกฝ่ายปล่อยนางเพื่อช่วยจีหว่าน ก็ต้องคิดบัญชีที่อีกฝ่ายลงไม้ลงมือกับนาง!
“หากนางไม่จับข้าห้อยอยู่เหนือทะเลสาบ ถึงต้องช่วยพี่สะใภ้ใหญ่ ข้าก็คงไม่ร่วงตกน้ำ กล่าวไปกล่าวมาก็ยังเป็นเพราะนางมีเจตนาร้ายก่อนจึงเกือบทำให้ข้าตาย!” หลีซื่อเอ่ยทวงความยุติธรรมอย่างโกรธแค้น
ตอนนี้จีหว่านนึกขึ้นได้แล้วว่าระหว่างทางที่ตนมาที่นี่ ได้ยินว่ามีเด็กตกน้ำจึงเข้ามาดูสักหน่อย หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเรียกให้ช่วยของหลีซื่อจึงรีบเดินขึ้นมาบนเรือ จีหว่านถามเฉียวเวยว่า “เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนั้นกับนาง”
“เพราะพวกนางรังแกท่านพี่” วั่งซูเอ่ยด้วยความโมโหและน้อยเนื้อต่ำใจ “พี่สาวนิสัยไม่ดีคนนั้นโยนท่านพี่ลงไปในน้ำ”
“เจ้ามีพี่ชายด้วยหรือ” จีหว่านเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก! หมิงซิวเจ้าเด็กนั่น บอกแต่ว่าวั่งซูเป็นลูกสาวของเขา แต่ไม่พูดสักคำว่าตนเองมีลูกชายอีกคน!
วั่งซูพยักหน้า
จีหว่านอ้าปากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ หมิงซิวมีลูกแฝด เจ้าเด็กนั่นไม่ยอมแต่งงานมาตั้งหลายปี แต่พริบตาเดียวก็มีลูกตั้งสอง นี่มันช่าง…
ประเดี๋ยวก่อน
ท่านพี่ตกน้ำไปแล้ว…
คนที่ตกน้ำคือลูกชายของหมิงซิวหรือ!
“ผู้ใดโยน!”
วั่งซูชี้ติงเสี่ยวอิงที่ถูกเล่นงานจนหมอบอยู่บนพื้น “พี่สาวนิสัยไม่ดีคนนั้น”
ติงเสี่ยวอิงเลือดอาบหน้าเป็นทาง จีหว่านมองอยู่นานกว่าจะจำได้ว่านางคือสือหลิวที่อยู่ในเรือนของหลีซื่อ วุ่นวายอยู่ตั้งนาน สรุปว่าบ่าวรับใช้ของหลีซื่อโยนหลานชายตัวน้อยของนางลงน้ำหรือ
จีหว่านหน้าบึ้งทันควัน “น้องหลีหมิ่น เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
“พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเขาเป็นผู้ใดกัน เหตุใดท่านจึงช่วยพวกเขาเล่า” ตอนนั้นหลีซื่อห้อยอยู่นอกเรือ ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายจึงไม่ทันได้ยินวั่งซูเรียกจีหว่านว่าท่านป้า
บ่าวรับใช้ทั้งหลายพากันก้มหน้า พวกนางได้ยินชัดเจน แล้วยังเห็นเด็กน้อยคนนั้นชนจีหว่านจนปลิว แต่หลังจากจีหว่านขึ้นมาบนเรือได้กลับไม่ตำหนิเด็กสักนิด ตรงกันข้ามกลับถามเด็กว่าชนเจ็บหรือไม่…
จีหว่านตอบว่า “พวกเขาเป็นญาติฝ่ายมารดาของข้า”
“ไฉนข้าจำไม่ได้ว่าพี่สะใภ้ใหญ่มีญาติยากจนเช่นนี้” หลีซื่อเคยไปเยือนจวนอัครมหาเสนาบดี จวนอัครมหาเสนาบดีมีคนเท่าใด หลีซื่อจดจำได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ญาติที่ความสัมพันธ์ค่อนข้างใกล้ชิดก็รู้จักเกือบทั้งหมด แม้จะบอกว่าตระกูลผู้ใดไม่มีญาติยากจนสักสองสามคนบ้าง แต่หลีซื่อไม่เคยพบมาก่อนสักหน เห็นชัดว่าความสัมพันธ์ระหว่างอีกฝ่ายกับจวนอัครมหาเสนาบดีไม่ได้ใกล้ชิดกัน “พี่สะใภ้ใหญ่จะขัดแย้งกับน้องสะใภ้ของตนเพื่อคนนอกเพียงคนเดียวหรือ”
จีหว่านตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “ข้าช่วยคนที่ถูก มิช่วยคนที่เป็นญาติ น้องสะใภ้สาวใช้ของเจ้าโยนลูกของผู้อื่นลงน้ำ เหตุใดเจ้ายังมีหน้ามาหาเรื่องผู้อื่นอีก”
“เรื่องที่สาวใช้คนนั้นทำไม่เกี่ยวกับข้า” หลีซื่อตอบหน้าตาเฉย ตั้งแต่แรกนางก็ไม่เกี่ยวข้องด้วย นางเป็นนายหญิงของจวนกั๋วกงต้องไปรังแกเด็กน้อยคนหนึ่งหรือ หากนางอยู่ด้วย ย่อมไม่มีวันปล่อยให้สือหลิวทำเรื่องเสื่อมเสียถึงจวนกั๋วกงเช่นนี้ “ข้าบอกแล้วว่ากลับไปจะลงโทษสือหลิวและจะชดใช้ให้นาง”
จีหว่านตวาด “เด็กคนหนึ่ง เจ้าชดใช้ไหวหรือ ข้าโยนลูกของเจ้าลงไปแล้วบอกเจ้าว่าจะชดใช้ให้บ้าง เจ้าจะรับหรือไม่เล่า”
หลีซื่อโกรธจนลมหายใจชะงัก “พี่สะใภ้ใหญ่!”
พี่สะใภ้ใหญ่คนนี้ยามปกติปฏิบัติกับนางไม่เลว แต่วันนี้เป็นอันใดไปจึงจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามนางให้ได้!
จีหว่านมองกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวอยู่ในทะเลสาบ หัวใจบีบรัด นางได้ยินตั้งแต่ระหว่างทางมาว่าฝั่งนี้เกิดเรื่อง ตอนนี้ผ่านไปนานถึงเพียงนี้แล้ว แต่ก็ยังช่วยเด็กขึ้นมาไม่ได้ เด็กจะเป็นอะไรหรือไม่
“หมิงซิวเล่า” จีหว่านถามเฉียวเวย
เฉียวเวยตอบด้วยสีหน้าซึมกะทือ “ลงน้ำไปแล้ว”
จีหว่านพยักหน้า “เจ้าวางใจเถิด เขาต้องตามหาเด็กพบ”
เฉียวเวยหันกลับมา ไม่คิดจะสนใจพี่น้องสะใภ้คู่นี้อีก จีหว่านก็ดี หลีหมิ่นก็ช่าง ผู้ใดนางก็ไม่อยากพบทั้งนั้น
“ฮูหยิน” เสี่ยวเว่ยก้าวเข้ามาหาแล้วถามอย่างโกรธแค้น “จะจัดการสาวน้อยน่าตายคนนั้นเช่นไรขอรับ”
เฉียวเวยสั่งอย่างเย็นชา “หาเชือกมาเส้นหนึ่ง”
“ขอรับ!” เสี่ยวเว่ยเรียกหญิงรับใช้แล้วขอเชือกป่านที่ทั้งหนาทั้งยาวมาเส้นหนึ่ง “ฮูหยิน เท่านี้พอหรือไม่”
เฉียวเวยกวาดสายตามองอย่างเย็นชา “พอแล้ว” จากนั้นจึงบอกวั่งซูว่า “ไปหาปี้เอ๋อร์กับชีเหนียง”
ปี้เอ๋อร์เดินเข้ามาจูงมือวั่งซู “ไปกันเถิด วั่งซู”
วั่งซูตามปี้เอ๋อร์เข้าไปในห้อง ชีเหนียงกับจงเกอร์รออยู่ด้านนั้น
เฉียวเวยใช้เชือกป่านมัดติงเสี่ยวอิงไว้ หัวไหล่ของติงเสนี่ยวอิงแต่เดิมก็บาดเจ็บอยู่แล้ว เมื่อถูกเชือกมัดอีกก็เจ็บจนแทบขาดใจ
“เจ้าจะทำอะไร” หลีซื่อโวยวาย
เฉียวเวยทำเหมือนไม่ได้ยิน นางสนใจแต่มัดเชือกเป็นเงื่อนตาย แล้วผูกอีกด้านหนึ่งไว้บนราวกั้น “ข้าจะไม่ไปไหนทั้งสิ้น จะอยู่รอลูกชายข้าบนเรือ เขากลับมาเมื่อใด ข้าก็จะให้เจ้าไปสบายเมื่อนั้น หากเขาไม่กลับมา ข้าจะเฉือนเจ้าทีละชิ้นโยนลงทะเลสาบให้ปลากิน”
ติงเสี่ยวอิงร้องไห้โฮ!
ชาวบ้านบนฝั่งปรบมือร้องชม
พวกเขาชาวบ้านธรรมดาทั้งหลายมีคนไม่น้อยถูกพวกคนที่เรียกตัวว่าชนชั้นสูงเหล่านี้ข่มเหงรังแก จะฟ้องก็ไม่มีช่องทาง ต้องจนตรอกอย่างสิ้นหวัง พวกเขาจึงเห็นชนชั้นสูงพวกนี้ขัดหูขัดตามานานแล้ว วันนี้สาวใช้คนนี้โยนเด็กบริสุทธิ์คนหนึ่งลงน้ำจึงจุดความโกรธแค้นของปวงชนขึ้นมาแทบจะในพริบตา
ตอนนี้เห็นนายบ่าวคู่นี้ถูกสั่งสอน ในหัวใจของทุกคนจึงสาแก่ใจยิ่งนัก!
“จับนางถ่วงน้ำเสีย!” ไม่ทราบว่าผู้ใดตะโกนออกมา
หลังจากนั้นเสียงตะโกนของกลุ่มคนก็เหมือนน้ำหลากยามเปิดประตูเขื่อน ไหลบ่าทะลักซัดถาโถมดุจเกลียวคลื่น
“จับนางถ่วงน้ำ!”
“จับนางถ่วงน้ำ!”
“จับนางถ่วงน้ำ!”
ติงเสี่ยวอิงร้องไห้โฮดังลั่น
นางนึกเสียใจอยู่ในใจไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่หน นางหลับตาลง หวังว่าทุกสิ่งจะเป็นเพียงฝันร้ายของตนเอง นางไม่ได้โยนเด็กคนนั้นลงน้ำ นางยังยืนดีๆ อยู่บนห้องโดยสารของเรือ
ทว่าความเจ็บปวดบนร่างกลับปลุกนางให้ตื่นมาอย่างโหดร้าย ทุกสิ่งล้วนมิใช่ฝัน
เสียงเรียกร้องให้ลงทัณฑ์ดังสนั่นสะเทือนแก้วหูแทบดับทำให้หลีซื่ออกสั่นขวัญสะท้าน “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะไม่จัดการจริงหรือ คนมากมายเช่นนั้นล้วนกำลังหัวเราะเยาะจวนกั๋วกงของพวกเรา!”
จีหว่านเอ่ยอย่างขบขัน “น้องหลีหมิ่น เจ้ามิรู้ภาษาหรือมิรู้ความ คนเหล่านั้นเหมือนกำลังชมดูเรื่องขบขันหรือ พวกเขาอยากจะฉีกสาวใช้องเจ้าเป็นชิ้นๆ อยู่แล้ว หากเจ้าอยากถูกพวกเขาฉีกไปด้วยก็ปกป้องสาวใช้ของเจ้าต่อไปเถิด”
หลีซื่อตอบอย่างน้อยอกน้อยใจ “พี่สะใภ้ใหญ่คิดว่าข้ากำลังปกป้องสาวใช้คนหนึ่งหรือ ข้าเป็นลูกสะใภ้ของจวนกั๋วกง จะมิรู้ความเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า นางทำความผิดที่มิอาจให้อภัย ตายหมื่นหนก็ยากจะชดใช้ ข้าไม่มีทางปกป้องนางแน่นอน แต่ข้าก็มิอาจปล่อยให้คนนอกคนหนึ่งมาจัดการนางได้ เรื่องเกี่ยวพันถึงหน้าตาของจวนกั๋วกง พี่สะใภ้ใหญ่สมควรยืนอยู่ข้างข้าสิจึงจะถูก”
จีหว่านหน้าบึ้ง “หน้าตาสำคัญ หรือว่าชีวิตเด็กคนหนึ่งสำคัญ ทำลูกของผู้อื่นหายไปแล้ว ยังมีกะจิตกะใจมารักหน้าตาอะไรตรงนี้อีกหรือ หากข้าเป็นเจ้า ตอนนี้คงไปคุกเข่าโขกศีรษะยอมรับผิดกับผู้อื่นแล้ว!”
“พี่สะใภ้ใหญ่!”
“อย่ามาเรียกข้า!”
จีหว่านโกรธจริงๆ แล้ว น้องชายของนางอายุมากขนาดนั้นกว่าจะได้ลูกชายมาคนหนึ่ง นางยังไม่ทันพบหน้าด้วยซ้ำก็หายไปเช่นนี้ นางเองยังอยากจะฆ่าสือหลิวให้ตาย!
แล้วยังมีน้องสะใภ้สมองไม่ดีคนนี้อีก หากยังพร่ำบ่นต่อ นางจะโยนอีกฝ่ายออกไป!
เฉียวเวยโยนติงเสี่ยวอิงลงไปในน้ำ
ผู้คนทั้งหลายบนฝั่งตะโกนชื่นชม
จู่ๆ ก็ไม่ทราบว่าผู้ใดหยิบไข่ไก่ฟองหนึ่งมาปาใส่ติงเสี่ยวอิง เปลือกไข่แตกเป็นเสี่ยงๆ บนหน้าผากของนาง ไข่แดงไหลเยิ้มอาบใบหน้า
หลังจากนั้นก็มีไข่อีกฟอง
ไข่เน่านับไม่ถ้วนปาใส่ติงเสี่ยวอิง
ผักเน่าโยนมาไม่ถึง ร่วงลงในน้ำระหว่างทาง บางคนเก็บก้อนหินก้อนน้อยบนพื้นขว้างใส่ติงเสี่ยวอิง
ติงเสี่ยวอิงถูกขว้างของใส่จนหัวปูดโน
เจ้าพนักงานทั้งหลายห้ามพอเป็นพิธี แต่มิได้ทำร้ายชาวบ้านที่ระบายความโกรธแค้นเหล่านี้
โพละ!
ไข่เน่าฟองหนึ่งถูกปาใส่ตัวของหลีซื่อ
หลีซื่อเบิกตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ พลางมองไข่แดงที่เหนียวเหนอะอยู่บนหน้าอก กลิ่นคาวตีขึ้นจมูก คละคลุ้งจนท้องไส้ของนางปั่นป่วน
โพละ!
ไข่เน่าอีกฟองหนึ่งขว้างมาใส่ศีรษะของหลีซื่อ
ศีรษะของหลีซื่อเหมือนมีดอกไม้สีเหลืองดอกน้อยประดับอยู่ หลีซื่อพองขน ตวาดใส่เจ้าพนักงานบนเรือกับบนฝั่งว่า “ฟ้าถล่มแล้วๆ แม้แต่คนของจวนกั๋วกงก็ยังกล้าขว้างใส่ ยังไม่รีบจับพวกเขาอีก”
เจ้าพนักงานคนหนึ่งหันกลับมา “ฮูหยิน ผู้ใดขว้างใส่ท่าน ท่านบอกข้าน้อย ข้าน้อยจะไปจับเขามา”
ผู้ใด…คน คนมากมายเช่นนี้ นางจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ใดเป็นผู้ใด
โพละ โพละ โพละ!
ไข่จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ถูกขว้างมาใส่หลีซื่อ
หลีซื่อถูกขว้างใส่จนไปหลบหลังร่างสาวใช้
สาวใช้ทั้งหลายล้วนถูกขว้างใส่จนกลายเป็นมนุษย์ตัวสีเหลือง
หลีซื่อตะโกนเสียงดัง “พี่สะใภ้ใหญ่ช่วยข้าด้วย!”
“ได้สิ” จีหว่านตอบรับอย่างฉับไวยิ่งนัก แต่เมื่อไข่ฟองหนึ่งถูกขว้างมา จีหว่านก็เบี่ยงตัวหลบ ไข่ไก่กระแทกบนใบหน้าของหลีซื่อพอดิบพอดี
พวกหลีซื่อทั้งนายและบ่าวถูกขว้างใส่จนสภาพอเนจอนาถ