บทที่ 336 สงบสุขตลอดไป
บทที่ 336 สงบสุขตลอดไป
สีหน้าของคุณนายฮันเปลี่ยนไปแต่ยังสงบนิ่งอยู่ เธอรีบโทรศัพท์ติดต่อหาคนขับรถให้ส่งพวกเธอไปยังโรงพยาบาล
ซูโย่วอี๋เจ็บท้องเป็นช่วง ๆ หลังจากเจ็บอยู่สักพักก็จะค่อย ๆ เบาลงไป 2-3 นาที
คุณนายฮันจับมือเธอด้วยความประหม่า จนซูโย่วอี๋ต้องเป็นฝ่ายปลอบใจแทน “มันไม่ได้เจ็บมากหรอกค่ะ”
คุณนายฮันทำได้เพียงเร่งให้คนขับรถขับให้ไวขึ้นหน่อย
ในขณะเดียวกันนี้ คนที่อยู่อีกประเทศอย่างฮันเจ๋อเหยียนและซูหยินรู้ข่าวเรื่องการคลอดของซูโย่วอี๋แล้ว
ฮันเจ๋อเหยียนรีบนั่งเครื่องบินมายังอเมริกาทันที ส่วนซูหยินที่อยู่ในช่วงของการดูแลหลังคลอดถามขึ้น “ทำไมถึงคลอดก่อนกำหนดล่ะ?”
กู่อวี๋เฉิงพยายามปลอบเธอ “ไม่ต้องกังวลหรอก มีคุณป้าฮันอยู่ข้าง ๆ ทั้งคน เธอจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”
“รอให้คุณรักษาตัวหลังคลอดเสร็จก่อน ผมจะพาคุณกับจิวจิวไปเยี่ยมพวกเธอเองนะ”
ซูหยินยอมสงบลง
แต่จู่ ๆ ทารกอย่างจิวจิวที่อยู่บนเตียงก็ร้องไห้ออกมาและเงียบไป
กู่อวี๋เฉิงมองตามไป ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กนี่ลืมตาที่เหมือนกับลูกองุ่นโต ๆ นี่ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เด็กน้อยกำลังใช้มือเล็ก ๆ ของตัวเองกินอาหารอย่างมีความสุข
จนกระทั่งเขาเดินเข้าไป จิวจิวบุ้ยปาก หน้าตาดูคับข้องใจ
กู่อวี๋เฉิงยิ้ม “ซูหยินดูสิ จิวจิวนี่อารมณ์ร้ายจริง ๆ”
พอเห็นว่ามีคนมาดูก็รู้จักทำท่าทางดื้อรั้น
ซูหยินภูมิใจเป็นอย่างมาก “ต้องเหมือนแม่แน่ ๆ พ่อเป็นคนโง่ เหมือนแม่น่ะดีแล้ว จะได้ไม่เสียเปรียบใคร”
“คนโง่ รีบอุ้มเธอมาให้ฉันดูเร็ว”
กู่อวี๋เฉิงอุ้มลูกสาวอย่างเบามือและนำมาวางไว้บนอกของภรรยา ดวงตากลมโตของจิวจิวมองไปรอบ ๆ หลังจากนั้นก็งับไปที่แขนของซูหยิน
“โอ้ ลูกรักเป็นนักกินงั้นเหรอเนี่ย”
มุมปากของซูหยินยกขึ้น “จิวจิว ลูกกำลังจะมีน้องชายไม่ก็น้องสาวในเร็ว ๆ นี้แล้วนะ”
อีกด้านหนึ่ง การคลอดของซูโย่วอี๋ไม่ค่อยราบรื่น ปากมดลูกของเธอค่อย ๆ ขยายตัวออกช้า ๆ หลังจากผ่านความเจ็บปวดมาทั้งวันทั้งคืนพึ่งได้เข้าห้องคลอด
คุณนายฮันอยากจะเข้าไปอยู่เป็นเพื่อน แต่ก็ถูกซูโย่วปฏิเสธ
“แม่คะ แม่อยู่ตรงนี้ หนูจะเสียสมาธิ ออกไปรอข้างนอกเถอะค่ะ”
ที่ด้านนอกห้องคลอด คนของตระกูลฮันค่อย ๆ เดินทางมากันจนครบ ตอนที่ฮันเจ๋อหยางพึ่งรู้เรื่องก็รู้สึกราวกับสายฟ้าฟาดใส่หัว
เขาคิดไม่ถึงว่าที่ซูโย่วอี๋มาอเมริกาก็เพื่อมาคลอดลูก
แต่เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เวลามาถามอะไร จึงทำได้เพียงเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน
ทุกคนรออยู่ด้านนอกห้องคลอดราวกับรูปปั้น ฮันเจ๋อเหยียนอยากให้คุณนายฮันนั่งพัก แต่คุณนายฮันจะนั่งลงได้อย่างไรกัน
ลูกสาวกำลังคลอดลูกนี่มันน่าประหม่ามากกว่าตอนตัวเองคลอดลูกเสียอีก
“ทำไมยังไม่ออกมาอีก?”
คุณฮันกอดภรรยาไว้ในอ้อมแขน “ไม่เป็นไรนะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณหมอก็คงออกมาหาพวกเราตั้งนานแล้ว”
ทันใดนั้นมีเสียงร้องไห้โวยวายดังขึ้นมาในห้องคลอด
คุณนายฮันดีใจมาก “คลอดแล้ว!”
“ดีจริง ๆ ในที่สุดก็คลอดแล้ว”
รอเพียงไม่นาน พยาบาลที่ยังดูอายุน้อยอยู่ก็อุ้มเด็กออกมา “คุณหนูฮันคลอดลูกแล้วค่ะ เป็นเด็กผู้ชาย”
คนในตระกูลฮันต่างพากันมาล้อมวงดู ส่วนฮันเจ๋อหยางมองด้วยความสงสัย “ทำไมเขาตัวเล็กจัง”
ราวกับว่าหัวใจของคุณนายฮันถูกหลอมละลาย “เด็กพึ่งคลอดก็ตัวเล็กแบบนี้แหละ”
“คุณพยาบาลคะ ลูกสาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ เพียงแต่ร่างกายยังเหนื่อยล้าเลยนอนหลับไป ต้องตรวจในห้องคลอดสักพักถึงจะออกมาได้ค่ะ”
พอซูโย่วอี๋ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็มาอยู่ในห้องพักคนไข้แล้ว รอบ ๆ ตัวเธอนั้นเงียบสงบ ไม่มีเสียงแม้แต่น้อย
เธอพยายามเอียงหัวมองไปยังคุณนายฮันที่นอนอยู่บนเตียงนอนข้าง ๆ
“แม่”
คุณนายฮันลืมตาตื่นในทันที “เสี่ยวอี๋”
“แม่แค่จะพักสายตาน่ะ ไม่คิดว่าจะหลับไปเฉย ๆ ลูกหิวแล้วใช่ไหม แม่จะให้คนเอาของกินมาให้นะจ๊ะ”
ซูโย่วอี๋ถาม “ลูกล่ะคะ?”
หลังจากคุณนายฮันเอาผมทัดหลังหูแล้วจึงพูดขึ้น “แม่กลัวว่าลูกจะหลับไม่สบาย เลยเอาเด็กไปไว้ที่ห้องพักคนไข้ห้องข้าง ๆ และให้เจ๋อเหยียนดูให้อยู่”
เธอเข้าใจในความวิตกกังวลของลูกสาวดี คุณนายฮันจึงรีบให้คนอุ้มเด็กมา
ฮันเจ๋อเหยียนอุ้มเด็กเข้ามา ส่วนฮันเจ๋อหยางกระโดดขึ้นลงอย่างกระวนกระวาย “พี่ชาย พี่ให้ผมอุ้มสักแป๊บสิ”
แต่ฮันเจ๋อเหยียนทำเป็นหูทวนลม และวางเด็กลงในอ้อมแขนของซูโย่วอี๋อย่างระมัดระวัง
กลิ่นเหมือนนมเลย
ซูโย่วอี๋ก้มหน้ามองลูกในอ้อมกอด เธอรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ
ผิวของทารกเป็นสีแดง สีของขนตานั้นอ่อนมาก บนจมูกมีจุดขาว ๆ เล็ก ๆ อยู่
ตาทั้งสองข้างของเขาปิดสนิท มือทั้งสองข้างวางอยู่ที่อก
ซูโย่วอี๋มองลูกอยู่เนิ่นนาน เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าทำไมเขาตัวเล็กจัง!
น่ารักจังเลย!
ทันใดนั้นฮันเจ๋อหยางพุ่งตัวเข้ามา “น้องสาว เธอตั้งชื่อให้ลูกสิ แค่ชื่อเล่นก็ยังดี พวกเราเอาแต่เรียกที่รักทั้งวัน ไม่สะดวกเลย”
ในดวงตาของซูโย่วอี๋เต็มไปด้วยความเอ็นดู “ชื่อซุ่ยซุ่ย”
ซุ่ยซุ่ยเหนียนเหนียน ซุ่ยซุ่ยพิงอาน*[1]
ณ ห้องทำงานของประธาน
ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาผมสีบลอนด์นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองโทรศัพท์ในมือด้วยความเบื่อหน่าย
“ทำไมยังไม่มาอีก?”
ทันทีที่บ่นเสร็จ หน้าจอโทรศัพท์ก็สว่างขึ้น เขากดรับสาย “แอล ในที่สุดคุณก็รับสายเสียที ถึงไหนแล้ว?”
ปลายสายพูดเสียงเข้ม “[ฉันพึ่งลงเครื่อง จะให้ไปที่ห้องทดลองเลยหรือยังไงดี?]”
โอห์มคิดอยู่สักพัก “ทางโรงพยาบาลจัดสัมมนาวิชาการพอดี คุณอยากเข้าร่วมไหม?”
“[ได้]”
โอห์มเกาหัว “คุณกับตระกูลฮันจากประเทศจีนมีความสัมพันธ์ยังไงบ้าง?”
ตระกูลฮัน…
ในหัวของลู่เฉินปรากฎภาพหญิงสาวที่เขาเห็นตอนอยู่ที่สนามบินในวันนั้น
ดวงตาสีอัลมอนด์กับริมฝีปากสีแดง ตราตรึงใจมากจริง ๆ
เหมือนกับว่าคนอื่น ๆ ถูกเธอบดบังสีสันไปจนหมด
ลู่เฉินลูบหน้าผากตัวเอง เมื่อนึกถึงตระกูลฮัน สิ่งแรกที่เขาคิดถึงกลับไม่ใช่ทายาทคนโตอย่างฮันเจ๋อเหยียน แต่กลายเป็นคนที่พึ่งรู้จักได้ไม่นานอย่างฮันโย่วอี๋
“[ก็พอได้ เป็นความสัมพันธ์ที่มีผลประโยชน์ร่วมกันน่ะ]”
“งั้นคุณอยากจะไปดูหน่อยมั้ย? ลูกสาวของตระกูลนั้นคลอดลูกอยู่ที่โรงพยาบาลของพวกเรา”
ลู่เฉินนิ่งไป เขาจำได้ว่าตระกูลฮันไม่มีลูกสาวคนไหนที่ท้องอยู่เลย
คิดดูดี ๆ มีเพียงลูกสาวบุญธรรมอย่างซูหยิน
แต่เธอพึ่งคลอดไปเมื่อไม่นานมานี้เอง
เพราะความสัมพันธ์กับกู่อวี๋เฉิง ลู่เฉินยังส่งคนให้เอาของขวัญไปให้อยู่เลย
“คนที่คลอดลูกชื่ออะไรหรอ?”
“ฮันโย่วอี๋”
เธอนี่เอง
ลู่เฉินพูดความรู้สึกในใจออกมาไม่ถูกไปชั่วขณะ มันทั้งตกใจ สงสัย สูญเสีย แต่สุดท้ายก็ไม่มีความรู้สึกเหล่านั้นเหลืออยู่แล้ว
“[โอห์ม เธอเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเรา]”
โอห์มขมวดคิ้ว “แล้วคุณไม่ไปดูหน่อยเหรอ?”
“[ตระกูลฮันหนีไปถึงอเมริกา ฉันจะไล่ตามไปเยี่ยมพวกเขาทำไมกัน ไม่ใช่ว่าจะยิ่งทำให้เขารำคาญเหรอ?]”
บุคลิกของโอห์มยังคงไม่ปกติเหมือนกับที่ผ่าน ๆ มา
หลังวางสายไป โอห์มอยู่ที่ห้องทำงานสักครู่ เมื่อใกล้ถึงเวลาเขาก็ไปรับลู่เฉิน
ลู่เฉินลงมาจากรถ โอห์มพุ่งตัวเข้าไปกอดเขา
“แอล ทุกครั้งที่เห็นคุณ ผมก็มักจะต้องถอนหายใจออกมาแล้วคิดกับตัวเองว่าทำไมโลกใบนี้ถึงยังมีคนที่หล่อกว่าผมอยู่อีกนะ”
“ถ้าเป็นสุภาษิตจีนก็คงต้องบอกว่า ฟ้าให้ยี่มาเกิด แล้วให้เหลียงเกิดทำไมอีกคน*[2]”
ลู่เฉินมองเขานิ่ง ๆ “นำทางไป”
…
เวลาประมาณบ่ายสามโมง พยาบาลแจ้งซูโย่วอี๋เรื่องแผนการรักษาหลังคลอด พอดีกับที่ต้องพาซุ่ยซุ่ยไปอาบน้ำ คุณนายฮันจึงอุ้มเด็กไป
“ซุ่ยซุ่ยฉลาดมาก หน้าตาเหมือนคนในตระกูลฮันไม่มีผิด ดูสิจมูกของเขาเหมือนของลูกมากเลย”
กลางดึกซูโย่วอี๋ใช้ช่วงเวลาที่เงียบสงบมองดูลูกชายของตัวเองอย่างละเอียด
แม้จะบอกว่าเขายังเล็ก แต่ดวงตาของซุ่ยซุ่ยนั้นเหมือนของลู่เฉินไม่มีผิด
เป็นดวงตาที่เฉี่ยวและยาว นอกจากนั้นเขาก็ไม่มีอะไรที่เหมือนลู่เฉินเลย
แต่ก็ดี อย่างน้อย ๆ ตอนที่ใคร ๆ เห็นเด็กคนนี้จะได้ไม่ต้องสงสัย
ทารกบิดขี้เกียจอยู่ในห่อผ้า ซูโย่วอี๋จับไปที่กำปั้นเล็ก ๆ ของเขา และพูดเบา ๆ “ซุ่ยซุ่ยตัวน้อยของแม่”
ซูโย่วอี๋หยอกล้อกับทารกอยู่สักพัก หางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นร่างสูงที่ยืนอยู่ไม่ไกล
ลู่เฉิน… ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
เธอพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้มองไป ในใจกลับกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง
อยากให้ลู่เฉินเห็นหน้าซุ่ยซุ่ยสักนิดก็ยังดี!
คุณนายฮันที่เอาแต่สนใจซุ่ยซุ่ยอยู่ จึงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของลูกสาว
แต่เธอเดินไปไม่กี่ก้าวก็พบว่าซูโย่วอี๋ไม่ได้ตามมาด้วย เธอจึงหันหน้ากลับไปด้วยความงุนงง “เสี่ยวอี๋?”
ซูโย่วอี๋ฝืนยิ้ม “แม่คะ หนูหิวแล้ว แม่ช่วยไปซื้อของกินให้หนูหน่อยได้ไหม?”
แล้วคุณนายฮันจะไม่รับปากได้อย่างไร เธอรีบส่งซุ่ยซุ่ยให้กับแม่นมที่อยู่ข้าง ๆ “เธอไปเป็นเพื่อนเสี่ยวอี๋ก่อนนะ รอให้ฉันกลับมาแล้วค่อยอาบน้ำให้ซุ่ยซุ่ย”
เมื่อเห็นว่าคุณนายฮันเดินจากไปไกลแล้ว ซูโย่วอี๋จึงมองกลับมา เมื่อแน่ใจแล้วว่าลู่เฉินยังไม่จากไปไหน เธอจึงมองลงต่ำ “คุณอุ้มเด็กไปนั่งตรงนั้นที ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อน”
ได้ยินเช่นนั้น แม่นมจึงอุ้มซุ่ยซุ่ยไปนั่งลงที่เก้าอี้ และเห็นคนที่อยู่ข้าง ๆ อย่างลู่เฉินและโอห์ม
ลู่เฉินสังเกตเห็นซูโย่วอี๋มาตั้งนานแล้ว เธอดูอ้วนมากขึ้นกว่าตอนที่เจอครั้งที่แล้ว ท่าทางดูคล่องแคล่ว ผิวกระจ่างใส ทั่วทั้งร่างกายของเธอเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่กระจายตัวออกมา
และรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากนั่น…
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หัวใจของลู่เฉินถึงได้รู้สึกแปลก ๆ
โอห์มมองตามสายตาของเขาไปและพูดขึ้น “โรงพยาบาลของพวกเรามีผู้หญิงสวย ๆ ขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”
“นายไม่รู้จักเหรอ?” ลู่เฉินเงยหน้ามอง
“ผมควรรู้จักเหรอ?”
“เธอคือคนของตระกูลฮัน”
โอห์มเอามือทาบที่หน้าอก “หัวใจที่หยุดนิ่งไปนานของผมเริ่มเต้นแรงอีกครั้งแล้วสิ”
“เมื่อวานนายพึ่งเลิกกับแฟนสาวคนล่าสุดไปนะ”
โอห์มยักไหล่อย่างไม่สนใจ “แล้วจะทำไม คุณดูนั่นสิ”
ลู่เฉินมองไปและพบกับผู้หญิงวัยกลางคนที่อุ้มเด็กมา
เธอนั่งลงตรงข้าง ๆ เขา!
ลู่เฉินค่อย ๆ ก้มหน้าลง ใบหน้าของเด็กอยู่ตรงกับสายตาของเขา
เด็กบิดตัวนิดหน่อยและลืมตาขึ้นมาโดยไม่ได้ส่งเสียงร้องอะไรเลย เอาแต่นิ่งเงียบ
เด็กคนนี้เอาแต่จับจ้องไปที่ดวงตาของลู่เฉิน
หัวใจของลู่เฉินราวกับขนนกที่ถูกพัดพาไป
“อ่า ซุ่ยซุ่ยตื่นแล้วเหรอจ๊ะ กำลังมองหาแม่อยู่ใช่ไหม?”
“แม่ไปเข้าห้องน้ำนะ ซุ่ยซุ่ยคนเก่ง”
ซุ่ยซุ่ยพึ่งจะคลอดมาได้อาทิตย์เดียว แต่กลับดูเหมือนว่าจะเข้าใจสิ่งที่เธอพูดทุกอย่าง
กำปั้นเล็ก ๆ ของเขาโบกไปมาราวกับกำลังทักทาย แม่นมเงยหน้าขึ้นมอง “ฮ่า ซุ่ยซุ่ยกำลังทักทายพวกคุณลุงอยู่งั้นเหรอจ๊ะ?”
โอห์มพุ่งตัวเข้ามา “แอล เด็กคนนี้หน้าตาน่ารักจริง ๆ”
“อืม”
โอห์มมองไปยังนาฬิกาที่ข้อมือ “ห้องทดลองกำลังเร่งกันอยู่”
ลู่เฉินไม่ได้พูดอะไร เขาลูบ ๆ ไปที่กระเป๋าเสื้อ และหยิบนาฬิกาแบบพกพาขึ้นมา
เขาก้มตัวลงไปให้เท่ากับซุ่ยซุ่ยและนำนาฬิกาแบบพกพาใส่ลงไปในผ้าที่พันตัวเด็กอยู่ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ซุ่ยซุ่ยตัวน้อย ยินดีต้อนรับหนูสู่โลกใบนี้นะ”
มุมปากของซุ่ยซุ่ยยิ้มขึ้น
แม่นมเห็นว่าของขวัญนั้นมีมูลค่ามากเกินไป จึงจะปฏิเสธ แต่ลู่เฉินและโอห์มก็จากไปโดยไม่หันมามองเลย
ซูโย่วอี๋ที่แอบมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นจนจบค่อย ๆ เดินออกมา
แม่นมรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ให้เธอฟังในทันที “คุณหนูฮันคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมผู้ชายคนนั้นถึงมอบของขวัญให้กับซุ่ยซุ่ย ถ้าหากว่าคุณไม่สบายใจ ฉันจะรีบเอาของไปทิ้งเลยค่ะ”
ซูโย่วอี๋มองไปยังนาฬิกาแบบพกพา มันเป็นงานฝีมือที่ปราณีตมาก แต่บนโซ่มีร่องรอยการสึกหรอเล็กน้อย
เป็นนาฬิกาแบบพกพาที่ลู่เฉินมักจะพกไปด้วยเสมอ
คิดไม่ถึงว่าเธอจะได้รับสิ่งของแทนใจจากวิธีการแบบนี้
“ไม่ต้องหรอก ซุ่ยซุ่ยของพวกเราเป็นคนโชคดีอยู่แล้ว”
ไม่นาน คุณนายฮันถือของกินกลับมา และเห็นว่าพวกเธอยังอยู่ที่เดิม “ทำอะไรกันเหรอ?”
ซูโย่วอี๋ยิ้ม “เจ็บท้องค่ะ เลยเสียเวลานิดหน่อย ไปกันเถอะคะ”
คุณนายฮันอดไม่ได้ที่จะมองลูกสาวของเธอหลายครั้ง นี่ลูกดูอารมณ์ดีไปหรือเปล่า?
[1] แปลว่า อายุยืนยาว สงบสุขตลอดไป
[2] เป็นพูดการเปรียบเทียบตัวละครผู้เก่งกาจทั้งสองตัวจากเรื่องสามก๊ก