บทที่ 337 หลักสูตรการฝึกอบรม
บทที่ 337 หลักสูตรการฝึกอบรม
สามปีต่อมา
ซูโย่วอี๋กำลังพรวนดินบนสนามหญ้า ตอนนี้ผมหยักศกของเธอยาวถึงเอว ใบหน้าของเธอสงบนิ่ง ดูโดดเด่นจากภาพทิวทัศน์รอบข้างอย่างชัดเจน
ทำให้อัลวินที่ยืนอยู่นอกรั้วหยุดดูโดยไม่รู้ตัว ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เขาเปลี่ยนจากอาจารย์สอนภาษาอังกฤษมาเป็นเพื่อน จนกระทั่งเป็นคนตามจีบ แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถเลื่อนสถานะต่อไปได้
เขาเดาว่าซูโย่วอี๋คงยังไม่ลืมพ่อของเด็กที่เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว แต่เขาก็ยังไม่อยากยอมแพ้
เขาคอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอและเชื่อมั่นว่าสักวันจะทำให้คนที่เขารักประทับใจได้
แต่คราวนี้เขามาพร้อมกับสิ่งที่สำคัญกว่า
อัลวินผลักรั้วแล้วเดินเข้าไป
“โย่วอี๋”
ซูโย่วอี๋จัดการดินที่สุดท้าย ที่หน้าผากมีเหงื่อไหลออกมา เธอเช็ดมันโดยไม่สนใจว่าจะมีคราบเปื้อนติดหรือเปล่า
อัลวินหัวเราะ ก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้เธอเบา ๆ
ซูโย่วอี๋ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นรีบถอยหลังไปสองก้าว “อัลวิน ฉันทำเองได้ค่ะ”
“ซูโย่วอี๋ คุณยังจะเกรงใจอะไรผมอีก”
ซูโย่วอี๋ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เชิญอัลวินเข้าไปในบ้านแทน
ซุ่ยซุ่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้เตี้ย กำลังต่อจิ๊กซอร์ที่กองอยู่เต็มโต๊ะ
อัลวินเดินไปนั่งลงข้างซุ่ยซุ่ย
ซุ่ยซุ่ยเงยหน้าขึ้น “ลุงอัลวิน”
อัลวินพูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู “ซุ่ยซุ่ยเก่งจัง ต่อภาพใหญ่ขนาดนี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย”
ซุ่ยซุ่ยเงียบขรึมมาตั้งแต่เด็ก แต่เขาไม่เคยปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเฉยชา เขาไม่เหมือนเด็กวัยเดียวกันที่ชอบออกไปเล่นนอกบ้านหรือเอะอะโวยวาย และเขาไม่ชอบคลุกคลีกับคนอื่น ตลอดช่วงบ่ายเขามักจะนั่งเล่นอยู่ในบ้าน
และมักต่อจิ๊กซอร์อยู่ในห้องคนเดียว
ซูโย่วอี๋กังวลว่าเขาเก็บตัวมากเกินไป จึงบังคับให้เขาออกไปหาเพื่อน แต่ถึงอย่างนั้นซุ่ยซุ่ยก็จะนั่งเงียบ ๆ ตลอดเวลา แม้ว่าจะมีเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เข้ามาพูดคุยด้วย แต่เขาก็พูดแค่ อืม อา จากนั้นก็ไล่พวกเธอออกไป
ระหว่างทางกลับบ้าน ซุ่ยซุ่ยพูดด้วยใบหน้าจริงจัง “แม่ครับ ถ้าคราวหน้าเบื่อ แม่ให้ผมไปเป็นเพื่อนด้วยก็ได้”
ซูโย่วอี๋โกรธแทบตาย กลายเป็นว่าลูกชายของเธอที่คิดว่าเธอเบื่อ!
เมื่อเวลาผ่านไป ซูโย่วอี๋ก็ปล่อยเขาใช้ชีวิตแบบที่อยากใช้
อัลวินพูดขึ้น “ซุ่ยซุ่ยอายุได้สามขวบแล้ว กำลังจะเข้าโรงเรียนอนุบาล โย่วอี๋ คุณคิดหรือยังว่าจะส่งซุ่ยซุ่ยไปโรงเรียนอนุบาลที่ไหน?”
“ฉันยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย”
เธอไม่อยากให้เขาขาดความรักจากแม่แล้วโหยหาความรักจากพ่อ ซูโย่วอี๋จึงหายไปจากแวดวงบันเทิงเกือบสี่ปี แต่เธอไม่ต้องการเป็นแบบนี้ต่อไป
หลังจากซุ่ยซุ่ยเข้าเรียนแล้ว ซูโย่วอี๋วางแผนที่จะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงอีกครั้ง
อย่างที่สองคือพ่อแม่อยู่เมืองจีนมานาน ถึงพวกเขาจะบินมาหาหลานได้ แต่ก็มักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ห่างกัน สองสามีภรรยาคิดถึงหลานชายมาก ไม่นานมานี้ ทั้งสองเสนอให้ซุ่ยซุ่ยกลับไปเรียนที่ประเทศจีน
อัลวินไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรหลังจากได้ยินเรื่องนี้ แต่หยิบใบรับรองการฝึกอบรมออกมาจากกระเป๋าเอกสารของเขา
“โย่วอี๋ คุณเคยเป็นนักร้องชื่อดังในจีน ผมเปิดฝึกอบรมของวิทยาลัยฮิลเบิร์ตอยู่ที่นี่ คุณอยากเข้าร่วมไหม?”
ฮิลเบิร์ต!
เธอได้ยินชื่อนี้มานานแล้ว
การจะได้ใบรับรองการฝึกอบรมนั้นยากมาก ยกเว้นแต่ตัวอักษรฮิลเบิร์ตขนาดใหญ่นั่น มันก็ไม่มีอะไรพิเศษ
แต่ซูโย่วอี๋เข้าใจความสำคัญที่อยู่ในใบรับรองการฝึกอบรมนี้
“บอกรายละเอียดฉันหน่อยสิคะ”
เมื่อเห็นว่าซูโย่วอี๋สนใจ อัลวินจึงบอกทุกอย่างที่เขารู้ “วิทยาลัยฮิลเบิร์ตเป็นวิทยาลัยดนตรีอันดับหนึ่งของโลก เฉพาะผู้ที่ได้รับจดหมายรับรองเท่านั้นที่เข้าร่วมการคัดเลือกเข้าวิทยาลัยได้”
“แต่นอกจากนี้ ยังมีทางอ้อมซึ่งถือได้ว่าเป็นข้อเสนอแนะของวิทยาลัยฮิลเบิร์ต วิทยาลัยจะจัดชั้นเรียนฝึกอบรมประมาณ 100 คนทุกปี ฝึกอบรมเป็นเวลา 2 เดือนจากปกติ 24 เดือน เมื่อการฝึกอบรมสิ้นสุดลง นักเรียนส่งผลงาน หากผลงานได้รับการอนุมัติจากอาจารย์แล้วพวกเขาจะสามารถเข้าเรียนที่วิทยาลัยฮิลเบิร์ตได้โดยตรง”
คนที่เป็นเจ้าของจดหมายรับรองได้มีเฉพาะบุคคลสำคัญในแวดวงดนตรีในประเทศต่าง ๆ และจำนวนหลักสูตรการฝึกอบรมก็แตกต่างกันไป เป็นการเอาใจนักศึกษามากกว่าเป็นการสื่อถึงความไม่พอใจของสังคมชั้นสูง
อย่างไรก็ตาม วิทยาลัยฮิลเบิร์ตขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดด้านศิลปะ ในท้ายที่สุด ผู้ที่ต้องการซื้องานศิลปะด้วยเงินและอำนาจก็ถูกปฏิเสธ
อาจารย์ใหญ่เมดิสันจึงคิดกลอุบายจัดชั้นเรียนฝึกอบรมดังกล่าวขึ้น
ด้วยต้องการจะสื่อว่าไม่ใช่ว่าฉันไม่รับคุณ แต่เป็นเพราะระดับคุณไม่ถึงจริง ๆ
เมื่อได้ยินอย่างนี้ หัวใจของซูโย่วอี๋ก็สั่นไหว “มีเงื่อนไขอะไรคะ?”
อัลวินย้อนนึก “ไม่มีกฎเข้มงวดอะไร ทุกสิ่งล้วนขึ้นกับผลงาน”
“อัตราผู้เข้าเรียนประจำปีของผู้เข้าฝึกอบรมคือเท่าไหร่คะ?”
อัลวินชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบว่า “โดยเฉลี่ยแล้วน้อยกว่าหนึ่งคน”
พูดง่าย ๆ ก็คือ มีคนผ่านมากที่สุดคือหนึ่งในร้อยคน
อัตราการสอบตกโหดร้ายมาก!
อัลวินไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดเรื่องจริงนี้ “นี่เป็นเพียงตัวเลขเฉลี่ย มีหลายครั้งที่ชั้นเรียนฝึกอบรมทั้งหมดถูกคัดออก แน่นอนว่าไม่ได้ตัดพวกที่แค่มาเข้าร่วมเล่น ๆ แต่พวกเขามักพบว่าตัวเองไม่เหมาะเลยยอมแพ้ไปน่ะ”
“แต่ผมเชื่อว่ามีพวกเขาจำนวนมากที่พยายามทุ่มกำลังพาตัวเองเข้าไปในวิทยาลัยฮิลเบิร์ตให้ได้”
ซูโย่วอี๋พยักหน้า “ฉันเข้าใจค่ะ ขอบคุณที่มาบอกข่าวนี้นะคะ”
ทันใดนั้น คุณป้าผิวดำเดินออกมาจากในครัว “คุณฮัน อาหารพร้อมแล้วค่ะ คุณอยากได้ชามและตะเกียบเพิ่มไหมคะ?”
อัลวินมองไปที่ซูโย่วอี๋อย่างมีความหวัง
“ไม่ค่ะ อัลวิน ฉันขอโทษนะคะ ไว้คราวหน้าฉันจะเลี้ยงอาหารค่ำคุณ”
อัลวินลดสายตาลงเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของซูโย่วอี๋ หากพูดว่าเขาไม่ผิดหวังนั้นคงเป็นเรื่องโกหก แม้ว่าเขาจะมาบอกข่าวและสถานที่ฝึกอบรมล้ำค่าอย่างนี้ให้เธอก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับมื้ออาหารค่ำได้เลย
อารมณ์ยินดีพลันหายวับไป
“ตกลง ผมจะไม่รบกวนคุณแล้ว”
ซูโย่วอี๋ไปส่งอัลวินที่ประตูก่อนจะกลับไปกินข้าว
ซุ่ยซุ่ยนั่งตัวตรงอยู่ที่โต๊ะอาหาร รอให้ซูโย่วอี๋ขยับตะเกียบ
“กินเร็ว ๆ สิจ๊ะ”
ซุ่ยซุ่ยรับข้าวไปสองคำ “แม่ครับ ลุงอัลวินชอบแม่”
ซูโย่วอี๋กินต่อไปโดยไม่ตอบสนองใด ๆ “ลูกรู้ด้วยเหรอว่าชอบคืออะไร?”
“ผมชอบแม่ ชอบคุณตาและคุณยาย ชอบลุงใหญ่และลุงรอง และผมก็ชอบคุณพ่อกู่และคุณแม่ซูด้วย”
ซูโย่วอี๋พูดติดตลก “แล้วไม่ชอบจิวจิวเหรอ?”
ใบหน้าของซุ่ยซุ่ยยังคงนิ่งเฉย หัวใจของเขาไม่ได้เต้นแรงกับคำพูดนั้น “…ชอบ”
“แม่ไปวิทยาลัยเถอะ ผมจะกลับไปอยู่จีนกับคุณตาคุณยาย”
ซูโย่วอี๋วางตะเกียบลง “เป็นอะไรไป? ซุ่ยซุ่ยไม่อยากอยู่กับแม่แล้วเหรอ?”
ซุ่ยซุ่ยส่ายหัว แม้เขาอายุเพียงสามขวบ แต่ความคิดความอ่านเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด “เวลาแม่โทรคุยกับแม่ซูเกี่ยวกับชีวิตในมหาลัย ดวงตาของแม่เป็นประกาย แม่ครับ แม่อยากไปโรงเรียนใช่ไหม?”
ซูโย่วอี๋ไม่เคยคาดคิดว่าลูกชายของเธอผู้เงียบขรึมมาตลอดจะสนใจเธอขนาดนี้ “แม่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่พอดี”
ไม่รู้ว่าซุ่ยซุ่ยเอาแท็บเล็ตมาจากไหน วิดีโอเกี่ยวกับซูโย่วอี๋ที่แฟน ๆ ทำขึ้นกำลังเล่นอยู่บนหน้าจอ
การร้องเพลง การซ้อม และโฆษณาน้ำหอมที่กำลังฉาย ภาพถ่ายต่าง ๆ
ในที่สุดพวกเขาก็ตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่าเสี่ยวโย่วจะกลับเข้าวงการบันเทิงเมื่อไหร่
แฟน ๆ น่าสงสารมาก ได้แต่ดูผลงานเรื่องก่อน ๆ ของเธอซ้ำไปซ้ำมา
วิดีโอนี้มีความคิดเห็นมากกว่า 100,000 รายการและแชร์มากกว่าล้านครั้ง ซึ่งเพียงพอที่จะพิสูจน์อิทธิพลของซูโย่วอี๋
“แม่ครับ พวกเขาคิดถึงแม่มากนะ”