ชุยหมิงเย่ว์กำลังปะทุหนัก
จูจื่ออวี้ต้องการพบนาง นางก็ยอมออกมาพบ
จูจื่ออวี้บอกว่าแม้สถานที่นัดพบกันจะเปลี่ยนโรงน้ำชาไปไม่ซ้ำ แต่การนัดพบบ่อยครั้งเข้าก็อาจเป็นจุดสังเกตได้ จึงขอนัดที่เคหสถาน นางก็ยอมแต่โดยดี
เขาจะระมัดระวังเป็นอย่างดี แต่แล้วไฉนเรื่องราวถึงได้เอิกเกริกปานนี้
มีผู้ใดบอกได้บ้างว่าหญิงสิ้นสตินางนี้คือใครถึงได้ทะเล่อทะล่าเข้ามาเช่นนี้!
ในชั่วอึดใจนั้นหญิงสาวก็ตะลึงพรึงเพริดไม่ต่างกัน นางยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเอง
นี่มันเรื่องอะไรกัน ชายผู้นี้มิใช่สามีของนาง?
เดี๋ยวสิ ก็อาสะใภ้รองหลิวเห็นกับตาว่าสามีของนางเข้ามาที่เรือนของแม่หม้ายเชี่ยว หนำซ้ำที่หน้าประตูบ้านก็มีเชือกข้อมือของผู้เป็นสามีเสียด้วย
ในขณะนั้น กลุ่มคนที่เดินตามเข้ามาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป
“พี่สาว จากการแต่งกายของบุรุษผู้นี้ ข้าว่าเขาคงมิใช่ผู้ชายของเจ้า?”
ความคิดในหัวหญิงสาวตีกันยุ่งเหยิง นางชี้นิ้วไปที่จูจื่ออวี้พลางถาม ”เจ้า เจ้าเป็นใคร นี่คือเรือนของแม่หม้ายเชี่ยวมิใช่หรือ”
ในทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดกว้าง จูจื่ออวี้เห็นคนกรูกันเข้ามาไม่หยุด ชายหนุ่มเหงื่อชุ่มโชกไปทั่วร่าง “พี่สาวคงเข้าใจอะไรผิดไป รบกวนพวกเจ้าออกไปบัดเดี๋ยวนี้!”
หญิงสาวเข้าไปดึงแขนเสื้อจูจื่ออวี้อย่างไม่ลดละ “หรือว่าเจ้าช่วยสามีของข้าปกปิดความจริง เพราะมิฉะนั้นแล้วพวกเจ้าจะเข้ามาอยู่ในบ้านของแม่หม้ายเชี่ยวได้อย่างไร”
จูจื่ออวี้รู้สึกว่าหญิงตรงหน้าเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องจึงเอื้อมมือไปดึงชุยหมิงเย่ว์มาไว้ข้างกายก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าและภรรยาเช่าบ้านหลังนี้เอาไว้ หามีความเกี่ยวข้องกับแม่หม้ายเชี่ยวไม่ พวกเจ้ากำลังทำให้ภรรยาของข้าขวัญเสีย รบกวนรีบออกไปจะดีกว่า เพราะมิฉะนั้นข้าจะแจ้งทางการ!”
คนทั่วไปกลัวการพบทางการเสียยิ่งกว่าอะไร ครั้นหญิงสาวได้ยินดังนั้น ความยโสโอหังของนางก็หดหายไปทันที “บ้านหลังนี้คือบ้านของแม่หม้ายเชี่ยว ปล่อยให้คนเช่าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…”
ในขณะนั้นมีหญิงชราคนหนึ่งเอ่ยแทรกขึ้นว่า “วันนั้นข้าได้ยินว่าแม่หม้ายเชี่ยวบอกว่านางจะปล่อยเช่าบ้านหลังนี้แล้วกลับไปอยู่ที่ชนบท”
จูจื่ออวี้เอ่ยเสียงราบเรียบ “พี่สาวคงได้ยินแล้วใช่หรือไม่ รบกวนพวกเจ้าช่วยออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
หญิงสาวรู้สึกว่าตนกำลังถูกกดดันอย่างหนักจึงฝืนยิ้มพลางเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ต้องขออภัยด้วย”
เมื่อคนที่มาเฝ้าดูเหตุการณ์เห็นว่าไม่มีเรื่องสนุกให้ติดตามอีกแล้วจึงส่ายหัวและเตรียมตัวแยกย้าย
แต่แล้วก็มีน้ำเสียงเย็นเยียบดังขึ้น “ภรรยา? เจ้าลูกเขย ไฉนข้าจึงไม่รู้เลยว่าลูกสาวของข้าหน้าตาเป็นเช่นนี้”
เจียงอันเฉิงแทรกตัวออกมาจากฝูงชน และจ้องมองไปที่จูจื่ออวี้ด้วยสายตาเย็นชา
หลังจากที่ความตกตะลึงผ่านพ้นไปแล้ว เจียงจั้นก็รีบเข้าไปจับตัวจูจื่ออวี้กดลงบนพื้น ชายหนุ่มออกแรงชกจูจื่ออวี้พร้อมสบถด่าไม่หยุดยั้ง “จูจื่ออวี้ เจ้ามันเดรัจฉาน ลอบมีหญิงอื่นลับหลังพี่ใหญ่ของข้า ทั้งยังมีหน้ามาเรียกว่าเป็นภรรยาอีก!”
เจียงอันเฉิงมองดูลูกชายตัวเองทุบตีลูกเขยคนโตโดยไม่คิดจะห้ามปราม
เมื่อเทียบกับความโกรธแค้นของผู้เป็นพี่ชายและบิดาแล้ว จิตใจของเจียงซื่อดูสงบกว่ามาก
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
การจะหลอกล่อให้หญิงสาวที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่บุกเข้ามาก็มิใช่เรื่องยาก และวิธีการเปิดโปงเช่นนี้ก็เหมาะสมสำหรับการจัดการกับจูจื่ออวี้ที่สุดแล้ว
จูจื่ออวี้เป็นคนรอบคอบ เมื่อเห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งโพล่งเข้ามา เขาก็รีบยอมรับว่าตนและชุยหมิงเย่ว์เป็นสามีภรรยากันเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องวุ่นวายที่อาจตามมา เพราะการกล่าวอ้างเช่นนั้นจะไล่คนพวกนั้นออกไปได้ไวที่สุด แล้วสุดท้ายพวกเขาก็ค่อยแอบออกไปทีหลังเพื่อไม่ให้ผู้ใดทราบสถานะที่แท้จริงของตนเอง ก็จะนับว่าหายนะคราวนี้ได้ผ่านพ้นไปอย่างสงบ
ปฏิกิริยาของจูจื่ออวี้ออกไปในทางย่ำแย่ สุดท้ายเขาก็กระโดดลงไปในหลุมพรางที่เจียงซื่อขุดไว้
แม้เจียงซื่อมิใช่คนที่มีสติปัญญาเป็นเลิศ แต่หากเรื่องๆ นั้นมีความสัมพันธ์กับความเป็นความตาย นางจะขบคิดซ้ำไปซ้ำมา เพราะต่อให้โง่งมเพียงไรก็สามารถทำให้คนที่ฉลาดกว่าพลาดท่าได้เช่นกัน
“จูจื่ออวี้ คนอย่างเจ้ามีหน้าไปเป็นซู่จี๋ซื่อในสำนักฮั่นหลินด้วยงั้นหรือ พี่ใหญ่ของข้าต้องสละวัยเยาว์อันมีค่าเพราะไปแต่งงานกับคนเช่นเจ้า!”
ดูเหมือนว่าเท้าของคนที่มาดูเหตุการณ์จะมีรากงอกออกมาจนติดอยู่กับที่
แม่เจ้า ข้าคิดว่าจะตื่นเต้นเสียเที่ยวแล้วเชียว คิดว่าไม่มีอะไรสนุกๆ ให้ดูแล้ว ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีเรื่องน่าตกใจเช่นนี้!
แม้ว่าการที่บุรุษมีบ้านเล็กบ้านน้อยจะไม่ใช่เรื่องแปลกพิสดาร แต่ทว่าการเรียกอนุว่าเป็นภรรยาเป็นเรื่องที่ผู้คนต่างรับไม่ได้ มิหนำซ้ำร้ายคือคนที่ทำเรื่องเช่นนี้กลับเป็นบัณฑิตที่มีตำแหน่งเป็นถึงซู่จี๋ซื่อ!
สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่จูจื่ออวี้
เสียงใสของหญิงสาวดังขึ้น “ท่านพ่อ พี่รอง หญิงสาวที่อยู่ด้านหลังพี่เขยใช่คุณหนูที่ยังมิได้ออกเรือนของอวิ๋นอิงหรือไม่เจ้าคะ”
หมัดของเจียงจั้นชะงักข้างอยู่กลางอากาศ เขาหันไปมองชุยหมิงเย่ว์
คนในที่นั้นเริ่มได้สติหลังจากฟังคำท้วงของเจียงซื่อ คนที่ลอบนัดพบกับชายที่มีภรรยาแล้วคือคุณหนูใหญ่!
หากต้องการทราบว่าหญิงผู้นั้นออกเรือนแล้วหรือยังก็สังเกตได้จากทรงผมของนาง อีกทั้งลักษณะการแต่งกายของหญิงตรงหน้าก็สามารถบอกได้เช่นกันว่านางยังมิได้มีคู่ครอง
การที่หญิงสาวจับชู้ของสามีตัวเองไม่ได้ก็น่าอึดอัดใจมากพอแล้ว การได้เห็นหญิงไร้ยางตรงหน้าก็ยิ่งเกิดความรู้สึกเกลียดชังมากขึ้นไปอีก นางจึงถ่มน้ำลายด้วยความเหยียดหยาม “หญิงบริสุทธิ์ผุดผ่องแอบนัดพบกับชายที่มีภรรยาแล้ว แถมยังเรียกตัวเองว่าเป็นคู่สามีภรรยา ช่างไร้ยางอายเสียจริง!”
“จริง ขนาดแม่หม้ายเชี่ยวสามีตาย นางยังรู้ว่าตนเองควรกลับไปอยู่ที่บ้านนอก”
“ดูจากการแต่งกายของหญิงสาวผู้นี้แล้วคงเป็นสตรีสูงศักดิ์สินะ หึๆ โลกนี้นี่มันโสมมขึ้นทุกวันๆ”
เจียงจั้นยืนขึ้น สายตาจับจ้องไปที่ชุยหมิงเย่ว์ “ไฉนถึงเป็นเจ้า”
เจียงซื่อเดินมายืนด้านข้างเจียงจั้นพลางถามด้วยความใคร่รู้ “พี่รองรู้จักนางด้วยหรือเจ้าคะ”
หากพิจารณาตามหลักเหตุผลแล้วพี่รองและชุยหมิงเย่ว์มิควรมีความข้องเกี่ยวใดกัน
เจียงจั้นเม้มปากแน่นทว่ายังคงไม่ละสายตาจากชุยหมิงเย่ว์
ช่วงนี้คุณหนูชุยผ่านมาให้เจียงจั้นเห็นอยู่บ่อยครั้ง ซ้ำทำท่าทำทางพะเน้าพะนอเสียด้วย
ในตอนนั้นเขารู้สึกตงิดใจขึ้นมา จริงอยู่ที่เขาและพี่ชายของคุณหนูชุยเคยสังสรรค์ด้วยกัน แต่เหตุใดผู้เป็นน้องสาวถึงได้แสดงกิริยาเช่นนั้น
เรื่องนี้ต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล นางคงพยายามโปรยเสน่ห์ใส่เขาเป็นแน่!
เจียงจั้นมองไปที่ใบหน้าซีดเผือดของชุยหมิงเย่ว์ พลางนึกขอบคุณวิสัยมองการณ์ไกลของตนเอง
โชคดีที่น้องสี่เกิดมาหน้างามยิ่ง เขาจึงเห็นของสวยๆ งามๆ จนชินตา ทำให้เขาไม่หลงกลเสน่ห์หญิงอื่นง่ายๆ
“แน่นอนว่ารู้จัก นางคือ…”
“หุบปาก!” ชุยหมิงเย่ว์ตะเบ็งเสียง ผลักจูจื่ออวี้แล้วเตรียมวิ่งออกไปด้านนอก
มีเรื่องอับอายขายหน้าถึงเพียงนี้ นางไม่มีหน้าจะอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว
เจียงจั้นคว้าตัวชุยหมิงเย่ว์เอาไว้ทัน ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เมื่อครู่ข้าได้ยินลุงๆ ป้าๆ แก่พูดว่า จับโจรจับขโมยต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา จับชู้ก็ต้องจับให้ได้พร้อมกันทั้งคู่ ฉะนั้นจะปล่อยให้คุณหนูชุยหนีไปเยี่ยงนี้คงมิได้!”
“ปล่อยข้า!” ชุยหมิงเย่ว์รู้สึกอับอายยิ่งนักจึงออกแรงขัดขืน
จริงอยู่ว่าการที่เจียงจั้นได้เข้าไปทำงานในหน่วยองครักษ์จินอู๋จะใช้เส้นสายของอวี้จิ่น แต่ทว่าตัวเขาก็มีความสามารถอยู่ไม่น้อย อย่างไรเสียชุยหมิงเย่ว์ก็เป็นเพียงสตรี จะไปสู้แรงของเขาได้อย่างไร ในชั่วพริบตานางก็ถูกจับจนไม่สามารถดิ้นหลุดไปได้
ส่วนด้านจูจื่ออวี้ก็อ่อนหัดเรื่องการต่อสู้ไม่แพ้กัน เจียงอันเฉิงใช้แค่มือเดียวก็สามารถยกตัวเขาขึ้นกลางอากาศได้แล้ว
สองพ่อลูกเดินไปที่จวนจูพร้อมกับรังสีอำมหิตที่สามารถฆ่าคนได้ทุกเมื่อ ด้านหลังตามมาด้วยเจียงซื่อที่สุดแสนจะไร้อารมณ์และกลุ่มคนจำนวนมากที่ตามมาดูเหตุการณ์
สาวรับใช้ข้างกายของชุยหมิงเย่ว์อาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีออกไปก่อน และรีบกลับไปขอความช่วยเหลือที่จวนองค์หญิงใหญ่
ณ จวนจู จูฮูหยินกำลังลงไม้ลงมือกับเจียงอี
“ก็แค่คดีม้าพยศ เจ้าจะทำหน้าหมดอาลัยตายอยากไปถึงเมื่อไหร่ เรื่องแค่นี้ยังจัดการไม่ได้ อีกหน่อยจะเอาปัญญาที่ไหนดูแลจวนทั้งหลัง!”
เจียงอีก้มหน้าด้วยความทุกข์ใจ มิกล้าปริปากพูดสักคำ
สาวรับใช้กระวีกระวาดเข้ามารายงานหน้าตาตื่น “ฮูหยินเจ้าคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ!”