จูฮูหยินไม่ใคร่จะเห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนของบ่าวรับใช้เป็นที่สุด ใบหน้าของนางพลันหมองคล้ำในทันใด “เรื่องอะไรกัน”
บ่าวรับใช้เหลือบมองเจียงอีด้วยสีหน้าตื่นตระหนก น้ำเสียงของนางไม่อาจซ่อนความตื่นกลัวนั้นได้มิด “นายท่านเจียงจากจวนของสะใภ้ใหญ่มาเจ้าค่ะ แถมยัง…”
“แถมยังอะไร” จูฮูหยินไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งยวด พลางคิดในใจว่าตอนนั้นไม่ควรผูกสัมพันธ์กับครอบครัวที่ไม่รู้จักขนบธรรมเนียมอย่างจวนตงผิงปั๋วแต่แรก มีที่ไหนบุกมาถึงหน้าประตูโดยไม่มีเทียบเชิญสักใบ
“แถมยังพาคุณชายใหญ่และสตรีนางหนึ่งมาด้วยเจ้าค่ะ ซ้ำยังบอกอีกว่าคุณชายและหญิงผู้นั้นเป็นชู้กันเจ้าค่ะ!” นับว่าบ่าวรับใช้อธิบายได้อย่างชัดแจ้ง
จูฮูหยินลุกพรวดแล้วถามขึ้นอย่างร้อนใจ “พวกเขาอยู่ที่ไหนกัน”
บ่าวรับใช้ตอบเสียงสะอื้น “มีฝูงชนตามมาดูเหตุการณ์อยู่จำนวนมากเลยเจ้าค่ะ พ่อบ้านเกรงว่าเรื่องราวจะเอิกเกริกใหญ่โตจึงเชิญพวกท่านๆ เข้ามาด้านใน ตอนนี้ก็น่าจะรออยู่ด้านหน้าเจ้าค่ะ…”
รอจนบ่าวรับใช้พูดจบ จูฮูหยินก็รี่ออกไปทันที
เจียงอียังคงยืนอยู่ที่เดิมราวกับถูกมนตร์สะกดไว้ ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
สาวรับใช้จ้องมองเจียงอีก่อนจะหันหลังวิ่งตามจูฮูหยินออกไป
ขนตาคู่งามสั่นระริก น้ำหยดใสกลิ้งไหลมาที่หางตา
หยดน้ำตาเย็นเยือกราวกับน้ำค้างแข็งเช่นเดียวกับเหมันตฤดูที่เข้ามาเยือน
ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเพียงใด นางค่อยๆ เดินโซเซออกมาด้านนอก
จูฮูหยินสั่งให้คนไปตามจูเส้าชิงที่แผนกตรวจการให้กลับมาที่จวน ส่วนนางก็รีบเดินไปที่ห้องบุปผาที่สวนด้านหน้า
ภายในห้องบุปผาของจวนจูถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ทว่าทำให้เจียงอันเฉิงที่นั่งรออยู่กลับรู้สึกคลื่นไส้
เขาเพิ่งเข้าใจคำว่า“สวยแต่รูปจูบไม่หอม” อย่างถ่องแท้ก็วันนี้
ทันทีที่จูฮูหยินเดินเข้าประตูหลังมาก็เห็นใบหน้าซีดเซียวของบุตรชายเป็นคนแรก และตามมาด้วยเจียงอันเฉิง
“สรุปว่านี่มันเรื่องอะไรกัน”
เจียงอันเฉิงหันไปมองจูฮูหยินแวบหนึ่งก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตามจูเต๋อหมิงมาหรือยัง รอเขากลับมาก่อนจะได้พูดทีเดียว ข้าจะได้ไม่ต้องเปลืองน้ำลาย”
“จื่ออวี้ บอกมา!” จูฮูหยินหันไปเค้นความจากจูจื่ออวี้
การที่คนนอกมาตามรังควานถึงในบ้าน นางไม่มีทางรอดูอยู่เฉยๆ ได้ อย่างน้อยก็ขอให้ได้รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
จูจื่ออวี้รู้สึกชาวาบตั้งแต่หัวใจไปยันปลายนิ้ว
อาจเป็นเพราะความหนาวเหน็บที่แช่แข็งความคิดของเขาเอาไว้ เขาในตอนนี้รู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในความฝันอย่างไรอย่างนั้น
สรุปแล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน
สถานที่ที่เขาและหมิงเย่ว์นัดพบกันเป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่เหตุใดจู่ๆ ถึงได้มีหญิงไม่รู้หัวนอนปลายเท้าพาฝูงชนมากมายเข้ามาจับชู้ถึงข้างในเรือนได้
หากเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ว่าไปอย่าง เพราะอย่างไรเสียก็ไม่มีผู้ใดทราบสถานะที่แท้จริงของเขาและหมิงเย่ว์ การจะรับมือกับสถานการณ์เช่นนั้นก็มิได้ยากเย็น แต่ไฉนพ่อตาของเขาถึงมาอยู่ในที่เกิดเหตุได้เล่า
จูจื่ออวี้คิดทบทวนข้อสงสัยนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้รู้สึกเหมือนว่าคำถามของจูฮูหยินเป็นเพียงกลุ่มเมฆที่ลอยล่องราวกับไม่ใช่เรื่องจริง
ในสายตาของบิดามารดา เขาคือบุตรชายคนโตที่แสนจะกตัญญู ในสายตาคนนอก เขาคือซู่จี๋ซื่อแห่งสำนักราชบัณฑิตหลวง ในสายตาผู้เป็นภรรยา เขาคือสามีที่คอยห่วงหาอาทรอยู่เป็นนิตย์…
แต่แล้วไฉนคุณงามความดีทั้งมวลถึงพังทลายลงเพียงเพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันเหตุการณ์เดียว
ไม่ ไม่ ไม่ ต้องไม่เป็นเช่นนี้!
ใบหน้าของจูจื่ออวี้บิดเบี้ยวไม่เป็นรูป ร่างทั้งร่างเริ่มสั่นเทิ้ม
เจียงซื่อเฝ้าดูปฏิกิริยาของจูจื่ออวี้ด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับแววเยาะเย้ยที่มุมปาก
ผู้ชายอย่างจูจื่ออวี้น่ารังเกียจเป็นที่สุด ภายนอกไม่ต่างจากวิญญูชนผู้เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม สุขุมรอบคอบ ผู้อื่นมองว่าเขาเป็นบุคคลที่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกด้าน แต่ครั้นถูกกระชากหน้ากากออกเช่นนี้แล้วยิ่งทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกสมเพชยิ่งนัก
สายตาของจูฮูหยินหันไปที่ชุยหมิงเย่ว์แต่แล้วก็ถึงกับตกตะลึง นางถามเสียงหลง “คุณหนูใหญ่ชุย?”
อาการของชุยหมิงเย่ว์สงบกว่าจูจื่ออวี้มาก นางเพียงแต่หลบตาไม่พูดไม่จาเท่านั้น
นางกำลังรอ
เจียงจั้นรู้ว่านางคือใคร หนำซ้ำยังลากนางมาให้ขายหน้าจนถึงจวนจู เรื่องนี้นางจะตามมาคิดบัญชีทีหลัง ตอนนี้นางเพียงแต่รอการมาถึงของผู้เป็นมารดาเท่านั้น
สำหรับชุยหมิงเย่ว์แล้ว นางรู้สึกอับอายมากกว่าหวาดกลัว
นางลอบนัดพบกับจูจื่ออวี้แล้วจะอย่างไร เพราะอย่างน้อยๆ เจียงจั้นก็ไม่ได้เปิดเผยตัวตนของนางขณะอยู่ต่อหน้าฝูงชน หากมารดาเข้ามาจัดการเรื่องนี้ ข่าวลือที่เล็ดลอดออกไปคงมีแค่การคาดเดากันไปเองเท่านั้น
แน่นอนว่ามารดาของนางจะต้องโมโห แต่นั่นเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่ประตูเรือนปิดสนิทแล้ว นางรู้ว่านางจะรับมือเรื่องนั้นอย่างไร ทว่าในตอนนี้ หากยิ่งพูดก็จะยิ่งมีความผิด สู้อยู่รอเงียบๆ จะเป็นประโยชน์กว่า
เมื่อพิจารณาสถานะของชุยหมิงเย่ว์แล้ว จูฮูหยินก็เบาใจขึ้น
“นายท่านคงเข้าใจผิดแล้วกระมัง คุณหนูผู้นี้คือบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของแม่ทัพชุยและองค์หญิงใหญ่หรงหยาง คงไม่มีทาง…”
เจียงอันเฉิงขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “จูจื่ออวี้และคุณหนูใหญ่ชุยถูกคนกลุ่มหนึ่งล้อมอยู่ในห้อง อีกทั้งข้ายังได้ยินว่าลูกเขยยอมรับเองว่าคุณหนูใหญ่ชุยคือภรรยาของตัวเอง!”
“ข้าเกรงว่านั่นจะเป็นเพียงคำโป้ปด…”
“ข้าที่ยืนอยู่ในสวนได้ยินเองกับหู จูฮูหยินจะว่าเป็นคำโป้ปดได้อย่างไร” เจียงอันเฉิงชี้ไปที่นอกประตู “หากจูฮูหยินไม่เชื่อก็ลองถามพวกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ข้างนอกดูก็ได้ เพราะคนที่ได้ยินประโยคนั้นมีอีกหลายคน”
จูฮูหยินพยายามสงบอารมณ์อย่างสุดความสามารถ “จื่ออวี้ เจ้าบอกแม่มาว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร”
ขณะที่จูจื่ออวี้เงียบงันอยู่นาน จูเส้าชิงก็กลับมาพอดี
เมื่อเห็นว่าจูเส้าชิงเตรียมอ้าปากจะพูด เจียงอันเฉิงก็ยกมือขึ้นปรามไว้เสียก่อน “เจ้ายังไม่ต้องว่าอะไร จั้นเอ๋อร์ เจ้าเล่าเหตุการณ์เมื่อครู่ให้ใต้เท้าจูฟังอีกสักรอบ”
เจียงจั้นเหลือบมองจูจื่ออวี้ด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะเริ่มเล่าด้วยความแค้นเคือง “เป็นเพราะสวรรค์มีตา วันนี้ข้าถึงได้พาท่านพ่อและน้องสาวออกมากินโจ๊กที่ร้านแตงกวาดองหมาโผ แต่แล้วจู่ๆ ก็ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น…”
ครั้นจูเส้าชิงฟังจบก็แบกสีหน้าหมองหม่นไปหยุดอยู่ที่หน้าจูจื่ออวี้ แล้วยกมือตบหน้าบุตรชายฉาดใหญ่
เสียงฝ่ามือปะทะบนใบหน้าคมชัดเสียจนทำให้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในเงียบ
บ่าวรับใช้นางหนึ่งวิ่งเข้ามา “นายท่าน ฮูหยิน องค์หญิงใหญ่หรงหยางมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
ไม่นานหญิงสาวคิ้วยาวเป็นทรงสวยก็ย่างกรายเข้ามา
องค์หญิงใหญ่หรงหยางแอบเข้ามาทางประตูหลังของจวนจู นี่เป็นครั้งแรกที่นางต้องเข้าบ้านผู้อื่นด้วยท่าทีลับๆ ล่อๆ เช่นนี้
ทันทีที่เห็นหน้าผู้เป็นมารดา ชุยหมิงเย่ว์ก็ยอมปริปากเป็นครั้งแรก “ท่านแม่…”
องค์หญิงใหญ่หรงหยางสอดส่ายสายตาไปยังจูเส้าชิงและคนอื่นๆ และสุดท้ายไปหยุดอยู่ที่จูจื่ออวี้
นางได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของสาวรับใช้แล้ว
คนที่มาข้องแวะกับลูกสาวของข้าก็คือบุรุษหนุ่มผู้นี้?
ภายใต้สายตาพินิจพิเคราะห์ขององค์หญิงใหญ่หรงหยาง จูจื่ออวี้จึงเพิ่งจะรู้สึกถึงไอร้อนบนแก้มที่ถูกบิดาตบเมื่อครู่ ความแสบร้อนนั้นทำให้เขารู้สึกอับอายและสิ้นหวังอย่างยิ่ง
จูจื่ออวี้ยืดหลังขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหันไปโค้งคำนับองค์หญิงใหญ่หรงหยางและบุพการีของตน “ลูกทำให้ท่านพ่อท่านแม่ต้องผิดหวัง ลูกไม่คิดว่าเรื่องราวจะกลับตาลปัตรเช่นนี้…”
น้ำเสียงของเขาหยุดชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองชุยหมิงเย่ว์ด้วยสายตาแน่วแน่ “เพียงแต่ลูกกับหมิงเย่ว์ชอบพอกันเท่านั้น ขอองค์หญิงใหญ่ ท่านพ่อ และท่านแม่โปรดอนุญาตด้วยเถิด”
มาถึงตอนนี้ แผนที่จะหย่ากับภรรยาและแต่งงานใหม่นั้นพังลงไม่เป็นท่า แต่หากวันนี้ไม่ได้แต่งงานกับหมิงเย่ว์ อนาคตของเขาคงได้ดับสูญเป็นแน่
เขาจะคว้าน้ำเหลวไม่ได้!
องค์หญิงใหญ่เลิกคิ้วเล็กน้อยพลางเอ่ยถามอย่างเย็นชา “เจ้ามีภรรยาอยู่แล้วทั้งคน จะให้ข้าอนุญาตได้อย่างไรขอร้องเช่นนี้มิน่าขันไปหน่อยหรือ”
จูจื่ออวี้หันไปแสดงความเคารพเจียงอันเฉิง “ท่านพ่อตา ข้าทำให้ท่านต้องผิดหวัง ข้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจทำให้ใครต้องเจ็บช้ำน้ำใจ แต่ทว่าความรู้สึกของคนเรานั้นมิอาจหักห้ามได้…”
ม่านประตูแกว่งส่ายไปมา มีคนๆ หนึ่งเดินผ่านเข้ามา
“พี่ใหญ่” เจียงซื่อรีบเดินเข้าไปหานาง
เจียงอีเท้ากำแพงพลางมองตรงไปที่จูจื่ออวี้