บทที่ 388 สนทนา

บทที่ 388 สนทนา

สำหรับทั้งอู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่รู้เรื่องแดนลับในภูเขาเทียนเหลียงนั้น ย่อมทราบดีว่าจะมีผู้ฝึกตนจากหลากหลายสถานที่มาเยือน ทว่าถังอวี่เฟยไม่รู้เรื่องนี้ และชายหนุ่มก็มีเจตนาให้เธอไม่รู้ด้วยเช่นกัน เพราะแดนลับเป็นสถานที่อันตราย นอกจากบรรดาผู้ฝึกตนมารวมตัวกันแล้ว ยังอาจมีอันตรายอื่นแอบแฝงอยู่ หญิงสาวที่เป็นเพียงคนธรรมดาจึงไม่เหมาะที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานที่ดังกล่าว

“บางทีอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ครับ” อู๋ฝานตอบกลับ

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เข้าใจความหมายที่อู๋ฝานต้องการสื่อ ดังนั้นจึงไม่เอ่ยอะไรอีก

เพียงแต่ถังอวี่เฟยก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถหลอกกันได้ง่าย ๆ เธอมองอู๋ฝาน จากนั้นก็มองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์พร้อมกับเอ่ยถาม “แค่นี้? ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนทั้งสองคนกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่ล่ะ”

“พวกเราไม่มีอะไรปิดบังซะหน่อย คนกันเองทั้งนั้น ผมจะปิดบังอะไรได้ครับ?” อู๋ฝานตอบกลับ

“เอาแบบนั้นเหรอคะ งั้นบอกให้เลยนะคะว่าฉันฉลาดกว่าที่เห็น อย่าคิดจะซ่อนอะไรจากฉัน เข้าใจความหมายใช่ไหมคะ?” ถังอวี่เฟยถามด้วยสีหน้าเคลือบแคลง

“รู้ครับ เอาละ พวกเราเดินต่อกันดีกว่า” อู๋ฝานเปลี่ยนเรื่อง

คนทั้งสามเดินเล่นกันต่อ อู๋ฝานเดินนำขณะรับรู้ได้ถึงออร่าจากผู้ฝึกตนที่อยู่รอบ ๆ จากเท่าที่สังเกต ความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ภายใต้ขอบเขตมืด ไม่มีใครแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ดังนั้นไม่ต้องเปรียบเทียบกับเขา แค่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็สามารถเอาชนะคนกลุ่มนี้ได้

‘เป็นไปได้ไหมว่าผู้ฝึกตนที่เหนือกว่าขอบเขตมืดมีจำนวนน้อย? หรือไม่งั้นพวกเขาเหล่านั้นก็ไม่คิดจะมาที่นี่?’ อู๋ฝานครุ่นคิดอยู่ในใจ

ชายหนุ่มเป็นแค่หน้าใหม่ของแวดวงผู้ฝึกตน ทำให้ไม่ทราบเรื่องราวของเหล่าผู้ฝึกตนมากนัก หากมีโอกาสเขาก็อยากถามจากหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่แค่ผู้ฝึกตนทั่วไป แต่เป็นผู้มาจากตระกูลที่สืบทอดผ่านกาลเวลาอันยาวนานหลายปี ดังนั้นย่อมต้องมีข้อมูลไม่น้อย

“โอ๊ะ! บาร์ตรงหน้าดูดีเลย เข้าไปนั่งกันหน่อยดีไหมคะ?” ขณะอู๋ฝานกำลังครุ่นคิดเรื่องของแวดวงผู้ฝึกตน ถังอวี่เฟยก็ชี้ไปยังบาร์ที่อยู่ด้านหน้าด้วยสีหน้าตื่นเต้นยินดี

“ไม่ดีกว่าครับ พวกเราแค่เดินเล่นแล้วกลับน่าจะดีกว่า” อู๋ฝานตอบกลับ

สถานที่เช่นบาร์ อู๋ฝานเคยเข้าไปครั้งหนึ่งตอนสมัยยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย หลังประสบการณ์ครั้งนั้น เขาจึงมองว่าสภาพแวดล้อมของมันค่อนข้างเสียงดังเกินไป ทำให้ไม่เคยแวะเวียนเข้าไปเกี่ยวข้องอีก

แม้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ตอบอะไรกลับมา แต่จากท่าทีของเธอที่คิ้วขมวดเล็กน้อย ก็มากพอจะบอกได้แล้วว่าไม่ชอบสถานที่ดังกล่าว

“แค่เข้าไปสนุกกันชั่วคราวเองค่ะ ยังไงพวกเราก็มาเที่ยว ต้องหาความสนุกเข้าไว้สิ ความสนุกคือหัวใจหลักของการมาเที่ยวเลยนะคะ” ถังอวี่เฟยพยายามโน้มน้าว จากนั้นจึงหันไปพูดกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ “ภูเขาน้ำแข็ง ถ้าฉันเดาไม่ผิด เธอไม่น่าจะเคยเข้าไปสถานที่แบบนี้ใช่ไหม? ตอนนี้ไม่เข้าไปลองล่ะ? อย่าทำตัวเบื่อโลกทั้งวันแบบนี้ น่าเบื่อเกินไปเดี๋ยวก็ไม่มีใครชอบหรอก!”

“เฮอะ!” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์แค่นเสียงตอบกลับมา เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับคำพูดของถังอวี่เฟย

ถังอวี่เฟยพูดถูก หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานที่เช่นบาร์มาก่อน อีกทั้งตัวเธอยังไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะหันไปมองอู๋ฝานที่ยืนนิ่ง ทำให้หญิงสาวยังไม่ปฏิเสธอีกฝ่าย

“ไปกันเถอะค่ะ เข้าไปด้านใน ไม่ต้องลังเลแล้ว เดี๋ยวไม่นานก็กลับค่ะ” ถังอวี่เฟยคว้ามืออู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เดินนำเข้าไปในบาร์

สถานที่เช่นผับบาร์ เป็นสถานที่ที่ทั้งอู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์แทบจะไม่คุ้นเคย แต่ถังอวี่เฟยแวะเวียนมาสถานที่เช่นนี้บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับบรรยากาศดี แต่บาร์ที่เธอมักแวะเวียนไปใช้บริการนั้นไม่ใช่ที่นี่ และนี่ก็นับเป็นครั้งแรกที่หญิงสาวมาบาร์อื่นที่ไม่ใช่ร้านประจำ

ทันทีที่คนทั้งสามเข้ามาด้านในก็ได้ยินเสียงดนตรี ทั้งอู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ต่างต้องลอบขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว แต่ถังอวี่เฟยกลับเผยอาการตื่นเต้นสนุกสนานออกมา

“มีคนเยอะเลย คึกคักดีจัง” ถังอวี่เฟยเดินนำทั้งสองคนเข้าไปด้านในพร้อมสั่งเครื่องดื่มอย่างชำนาญ

“ไม่คิดว่ามันเสียงดังไปเหรอครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

“ไม่ค่ะ แต่ก็ไม่ได้ดีอะไร” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “เหมือนทางเวทีจะมีคนสวยกำลังเต้นอยู่นะคะ ไปหาดูความสนุกได้”

อู๋ฝานมองไปยังกลางเวที บนนั้นมีกลุ่มผู้หญิงกำลังเต้นอยู่จริง ๆ แต่ละคนกำลังออกท่าทางอย่างสนุกสนาน

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์มองไปทางเวทีครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมา

“ไม่เลวเลยใช่ไหมคะ?” ถังอวี่เฟยถามกับอู๋ฝาน

“ไม่ได้สนใจเลยครับ” อู๋ฝานตอบกลับพลางส่ายหน้า

“ไม่มีอารมณ์ร่วมเลย” ถังอวี่เฟยเหม่อมองอู๋ฝานตอบกลับ ก่อนที่เธอจะเริ่มเต้นไปมาตามจังหวะเพลง

ส่วนอู๋ฝานเพียงแค่จิบเครื่องดื่มที่สั่งมา หลังจิบไปเล็กน้อย เขาถึงกับต้องขมวดคิ้วเพราะรู้สึกไม่ค่อยถูกปาก

ไม่ใช่ว่าอู๋ฝานไม่เคยดื่มเครื่องดื่มมึนเมามาก่อน แต่เพราะตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกดื่มด่ำอะไรกับมัน นับตั้งแต่ได้ลิ้มรสไวน์ที่บ่มขึ้นด้วยตนเองในโลกเกม กลายเป็นว่ามาตรฐานไวน์ของชายหนุ่มยกระดับจนไม่ถูกใจสินค้าราคาถูก

‘ความแตกต่างชัดเกินไป ทำไมไม่เคยคิดเลยนะว่าไวน์พวกนี้แค่กลืนเข้าไปยังลำบาก’ อู๋ฝานครุ่นคิดกับตัวเอง

อู๋ฝานมองกลุ่มคนในบาร์พลางครุ่นคิด เมื่อไหร่ที่โรงบ่มของเขาเข็นสินค้าชุดแรกออกมา เมื่อนั้นสถานบันเทิงเช่นผับบาร์ก็นับเป็นพันธมิตรการค้าที่ดี

แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่อีกส่วนหนึ่ง นั่นคือการที่โรงบ่มของอู๋ฝานผลิตไวน์ขาว ขณะที่ผับบาร์มีทั้งสุราต่างชาติ ไวน์แดง เบียร์ และเครื่องดื่มมึนเมาอีกหลากหลายอย่าง สถานที่เช่นผับบาร์ไม่ค่อยนิยมไวน์ขาวสักเท่าไหร่

‘แต่จะไวน์หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทอื่น เราก็บ่มและกลั่นมันขึ้นมาได้นี่นา’ อู๋ฝานครุ่นคิดอยู่ในใจ

ด้วยวิชาการบ่มระดับมาสเตอร์ของอู๋ฝาน ไม่เพียงแค่การบ่มไวน์ขาว แต่ไวน์แดง สุรา เบียร์ ขอเพียงเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ล้วนทำได้ทั้งหมดอย่างไม่มีปัญหา ทว่าก่อนหน้านี้เขายังไม่ได้คิดขยายการขายถึงภายนอก หลังเดินทางครั้งนี้ชายหนุ่มจึงคิดทดลองบ่มและกลั่นเครื่องดื่มชนิดอื่นเพิ่มมากขึ้น

“คนสวย ขอเลี้ยงเครื่องดื่มได้ไหมจ๊ะ?” ขณะอู๋ฝานครุ่นคิดเรื่องขยายธุรกิจ น้ำเสียงเอื่อยเชื่อยก็ดังขึ้นใกล้ ๆ ชายหนุ่มหันไปมองจึงพบชายวัยกลางคนเข้ามาพูดคุยกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์

เพียงแต่คำตอบที่ได้คือไม่มีเสียงตอบรับ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ทำหูทวนลม ดื่มน้ำผลไม้ของตัวเองต่อไป ราวกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอยู่อย่างไรอย่างนั้น

“คนสวยมาเที่ยวภูเขาเทียนเหลียงเหรอจ๊ะ? บังเอิญจริง ๆ ฉันเองก็ด้วย ทำไมพวกเราไม่ใช้โอกาสนี้ไปเที่ยวด้วยกันเลยล่ะ? ฉันรู้จักสถานที่ดี ๆ นะ ไว้จะพาไปทัวร์” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังคงเมินเฉย ขณะที่อีกฝ่ายก็ยังไม่มีท่าทีคิดยอมแพ้

“แฟนถูกจีบต่อหน้าแบบนี้ไม่คิดจะตอบสนองอะไรหน่อยเหรอคะ?” ถังอวี่เฟยเข้ามากระซิบข้างหูอู๋ฝาน

เมื่อได้ยินดังนั้นชายหนุ่มจึงขยับตัวเข้าไปทางหลิ่วเหยียนเอ๋อร์พร้อมบอกกับชายวัยกลางคน “ขอโทษนะครับ พวกเรามาปาร์ตี้กัน ไม่อยากให้ใครมารบกวนน่ะครับ”

ชายวัยกลางคนมองอู๋ฝาน จากนั้นก็มองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่เอาแต่นิ่งเงียบไม่ตอบรับคำใด ก่อนจะหันหลังกลับและจากไป

อู๋ฝานถอนหายใจโล่งอก ทว่าไม่นานก็มีชายอีกคนเดินเข้ามาใหม่

“คนสวย ให้เลี้ยงเครื่องดื่มได้ไหมเอ่ย?” ครั้งนี้อีกฝ่ายมีเป้าหมายที่ถังอวี่เฟย

“คงต้องไปถามแฟนฉันแล้วละค่ะว่าจะรับดีไหม” ขณะที่อู๋ฝานคิดว่าถังอวี่เฟยจะรับมือกับสถานการณ์แบบนี้อย่างไร เธอกลับเป็นฝ่ายเข้ามาโอบแขนของเขาก่อนจะตอบคำอีกฝ่ายซะอย่างนั้น