บทที่ 389 บทเรียน

บทที่ 389 บทเรียน

บาร์เป็นสถานที่ที่มักจะเกิดปัญหา โดยเฉพาะกับสาวงาม ปัญหายิ่งเข้ามาเกี่ยวข้องได้ง่ายมากขึ้น หากมีสาวงามถึงสองคนที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สภาพก็คงไม่ต่างกับวังวนที่ดึงดูดปัญหาให้เข้ามา

โชคร้ายที่อู๋ฝานมีสาวงามถึงสองคนติดสอยห้อยตามมาด้วย ทั้งยังเป็นสาวงามที่โดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ

ดังนั้นทันทีที่พวกอู๋ฝานเข้ามาด้านในร้าน จึงเป็นการยอมรับโดยนัยว่าจะต้องมีปัญหาเข้ามาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

“แฟนเธอเหรอ?” ชายหนุ่มคนนั้นมองอู๋ฝาน สายตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาอย่างไม่คิดปิดบัง

เพราะอะไรสาวงามมักจะมีเจ้าของ? อีกทั้ง ทำไมคนตรงหน้าถึงมีสาวงามระดับนี้เป็นแฟน ทั้งที่ไม่เห็นจะหล่อกว่าตนเองสักเท่าไหร่…

อีกฝ่ายกำลังบ่นพึมพำอยู่ในใจ พลางครุ่นคิดอย่างโกรธเคือง

“ครับ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” อู๋ฝานถามด้วยท่าทีเฉยชา เขารู้ดีว่าถังอวี่เฟยต้องการใช้ตนเองเป็นโล่ แม้จะยุ่งยากไปบ้าง แต่หากสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาได้ ตนก็ไม่ถือสาที่จะต้องเป็นโล่ป้องกันให้

“ก็ได้” อีกฝ่ายแม้ไม่ยินดีแต่ก็ยอมเอ่ยปากออกมา ก่อนจะหันไปทางหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ด้วยสายตาที่กลับมาเป็นประกายอีกครั้ง “คนสวย ขอเลี้ยงเครื่องดื่มแล้วพวกเรามาทำความรู้จักกันดีไหมครับ?”

‘แม้คนนี้จะดูเย็นชาไปบ้าง แต่ก็สวยไม่แพ้คนเมื่อกี้ ได้สานสัมพันธ์เป็นเพื่อนก็ไม่เลว’ อีกฝ่ายคิดอยู่ในใจ

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังคงเงียบ เธอไม่แม้แต่จะสนใจอีกฝ่ายที่พยายามสนทนาด้วยแม้แต่น้อย

“พี่ชาย ถ้าอยากเลี้ยงเครื่องดื่มเธอ คงต้องถามแฟนของฉันก่อนเหมือนกันค่ะ” แม้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์จะไม่ได้ตอบอะไร แต่ถังอวี่เฟยเป็นคนเอ่ยปากออกมา

“ทำไมต้องถามด้วยล่ะครับ” อีกฝ่ายถามกลับมาด้วยท่าทีไม่พอใจ

กับอู๋ฝานนั้น ตอนแรกเขานึกอิจฉาแทบตายเพราะมีแฟนสวยอย่างล้นเหลือ ทว่าตอนนี้เขาก็ยอมปล่อยมือเปลี่ยนคนแล้ว ทำไมเธอยังจะต้องมาเจ้ากี้เจ้าการอีก?

“เพราะเธอก็เป็นแฟนอีกคนของแฟนฉันยังไงล่ะคะ” ถังอวี่เฟยยิ้มตอบรับ

“นี่เป็นแฟนกันหมดเลยเหรอ?” อีกฝ่ายถึงกับชะงักไปเพราะคำพูดของถังอวี่เฟย กระทั่งเผยสีหน้างุนงงออกมา

“ใช่ค่ะ” ถังอวี่เฟยพยักหน้ารับเป็นการยืนยัน

อีกฝ่ายยืนนิ่งจับจ้องอู๋ฝาน ตอนนี้ดวงตาสองข้างประหนึ่งมีไฟแห่งความริษยาอันร้อนแรง อยากจะแผ่พุ่งออกมาเผาชายหนุ่ม

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ!” อู๋ฝานเอ่ยถามเสียงแข็ง แต่ในใจนั้นกำลังบ่นถังอวี่เฟยที่สร้างเรื่อง

เพียงแต่ที่อู๋ฝานต้องประหลาดใจ คือการที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ทักท้วงแม้แต่ครึ่งคำ ทั้งยังหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือว่าแท้จริงเขินอายอยู่กันแน่…

“บ้าบออะไรวะเนี่ย!” อีกฝ่ายตอบกลับ “พวกคุณอยากมีปัญหาเองไม่ใช่รึไง?”

อีกฝ่ายมองว่าพวกอู๋ฝานกำลังหยอกล้อตนเองเล่น คนอย่างชายตรงหน้าเหตุใดถึงมีแฟนสาวสวยระดับนี้ถึงสองคน ทั้งควงมาพร้อมหน้าพร้อมตากันได้?

“คนสวยทั้งสอง ทางที่ดีคือรับเครื่องดื่มไว้ คุยเป็นเพื่อนกันนิดหน่อย เรื่องมันก็จะผ่านไปแล้ว …ไม่งั้นฉันคงไม่ปล่อยพวกเธอออกจากร้านนี้แน่!” อีกฝ่ายเริ่มข่มขู่ถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์

เพียงจบคำ อีกฝ่ายก็ยกมือขึ้นมาคว้าแขนของทั้งหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟย

อู๋ฝานคว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้พร้อมกับเอ่ยเสียงเย็น “เมาจนไม่รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรแล้วรึไง? ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”

แม้เรื่องนี้จะเกิดขึ้นเพราะถังอวี่เฟย แต่เจตนาเดิมก็เพียงแค่ต้องการให้อีกฝ่ายถอยกลับไป ขณะที่ชายคนนั้นดื้อรั้น กระทั่งข่มขู่หญิงสาวทั้งสอง อู๋ฝานที่อยู่ตรงนี้ไม่มีทางปล่อยให้เกิดขึ้น

“ไอ้หนู ปล่อย!” อีกฝ่ายสะบัดมือ เขาดื่มไปหลายแก้วจึงเมาอยู่บ้าง แต่ก็รับรู้ได้ว่าไม่ควรไปยุ่งกับอู๋ฝานมากกว่านี้ แต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำให้ไม่ฟังคำเตือนของชายหนุ่ม กระทั่งข่มขู่กลับ “ถ้ายังไม่ปล่อย เชื่อไหมว่าฉันฟันมือแกขาดทิ้งไว้ที่ร้านนี้ได้!”

“โหดร้ายกันขนาดนั้นเลย? และขอตอบว่าไม่เชื่อ!” อู๋ฝานตอบกลับพร้อมบิดแขนอีกฝ่ายจนชายคนนั้นแผดร้องเสียงดังออกมา เสียงร้องเพลงสดที่ค่อนข้างดังทำให้กลบเสียงร้องไปได้มาก นอกจากคนที่อยู่ใกล้ ๆ คนอื่นต่างก็ไม่ได้ยินเสียงแผดร้องด้านนี้แต่อย่างใด

“เจ็บ! เจ็บ! ปล่อยนะ ปล่อยสิโว้ย กล้าดียังไง กล้าดียังไง!” ความเจ็บปวดโลดแล่นจากแขนจนทำให้ชายคนนั้นร้องออกมา และเขาได้ทราบแล้วว่ากำลังยั่วยุคนที่แข็งแกร่งเข้าให้ ดังนั้นจึงต้องรีบยอมถอดใจ

อู๋ฝานปล่อยอีกฝ่าย “ไปซะ อย่าให้ผมเห็นหน้าคุณอีก!”

อีกฝ่ายลูบแขนตนเองอย่างรวดร้าว ขณะมองอู๋ฝานอย่างประดักประเดิด สุดท้ายจึงหันหลังกลับ เดินออกจากบาร์ไป เรียกได้ว่าถูกกระทำจนไม่กล้าอยู่ต่อ

“สนุกไหมครับ?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายออกไปแล้ว อู๋ฝานจึงหันมาถามกับถังอวี่เฟยด้วยสีหน้าดำมืด

“ฉัน… ฉันไม่คิดว่าเขาจะไร้ยางอายถึงขนาดนี้ค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับมาเสียงเบา

บาร์ที่ถังอวี่เฟยคุ้นเคย มันเป็นสภาพแวดล้อมที่เธอไม่เคยถูกคนอื่นคุกคามมาก่อน เรียกได้ว่าไม่เคยเกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อกี้หญิงสาวจึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ เธอไม่ได้นึกถึงว่าเพราะบาร์ร้านประจำของเธอครอบครองโดยตระกูลถัง เมื่อเป็นแบบนั้นจะมีใครกล้าหาเรื่องคุณหนูคนโปรดของตระกูลถังได้?

“คิดว่าบาร์เป็นสถานที่แบบไหนครับ? คิดว่าที่แบบนี้จะมีคนแบบไหนมาใช้บริการ? ต่างคนก็ต่างนิสัย คงไม่คิดว่าทุกคนจะเป็นสุภาพบุรุษใช่ไหมครับ?” อู๋ฝานพยายามสอนอีกฝ่าย

ถังอวี่เฟยคิดทักท้วง แต่เมื่อเห็นอู๋ฝานแสดงท่าทีโกรธออกมา เธอจึงเปลี่ยนคำ “ฉันผิดไปแล้วค่ะ”

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ถึงกับมองถังอวี่เฟยด้วยความประหลาดใจ หากเป็นหวังจื่อหมิงหรือคนอื่นที่รู้จักหญิงสาวอยู่ที่นี่ พวกเขาก็คงมีสีหน้าท่าทีเหมือนเธอ หรืออาจแสดงออกยิ่งกว่า

ถังอวี่เฟยที่มักทำตัวฟ้าไม่กลัวดินไม่เกรงมาโดยตลอด ตอนนี้กำลังขอโทษงั้นเหรอ? ต่อให้เธอทำผิดจริง เธอก็มักจะโต้เถียงเพื่อแก้ต่าง ทว่าขณะนี้เอ่ยคำขอโทษออกมา …พรุ่งนี้พระอาทิตย์อาจจะขึ้นทางทิศตะวันตกก็เป็นไปได้

ขณะนี้ถังอวี่เฟยขอโทษอู๋ฝานอย่างตรงไปตรงมา หากไม่ใช่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ได้เห็นด้วยตาตัวเอง เธอคงไม่เชื่อเรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่เพราะได้เห็นกับตาตนเอง ทำให้สายตาที่เธอมองถังอวี่เฟยและอู๋ฝานต้องเปลี่ยนไปเล็กน้อย

อู๋ฝานไม่รู้เรื่องของถังอวี่เฟย และเดิมก็เพียงแค่ต้องการสั่งสอนบทเรียนชีวิตให้แก่อีกฝ่าย ชายหนุ่มต้องการให้ในอนาคตเธอระวังสถานที่แบบนี้มากขึ้น แต่หลังจากเห็นท่าทีโศกเศร้าของหญิงสาว ตนจึงหักห้ามใจไม่เอ่ยอะไรต่อ “ไม่พูดต่อก็แล้วกันครับ”

ถังอวี่เฟยเก็บสีหน้าท่าทีเศร้าสลด เธอโผเข้าไปคล้องแขนอู๋ฝานไว้ “ฉันรู้ว่าอาจารย์อู๋ดุด่าฉันไม่ลงหรอก”

“ครับ ครับ อยากมอบตุ๊กตาทองให้เลย” อู๋ฝานตอบรับขณะครุ่นคิดว่าท่าทีสลดเมื่อครู่เป็นการแสดงหรือไม่

“อาจารย์อู๋ เมื่อกี้เป็นสุภาพบุรุษมากค่ะ ทำเอาฉันรู้สึกปลอดภัยเลย ทำไมถึงทำให้ฉันชอบแล้วชอบอีกแบบนี้กันล่ะคะ?” ถังอวี่เฟยขยับตัวเข้าไปใกล้ใบหูอู๋ฝานพลางเอ่ยกระซิบ

“ครับ?” อู๋ฝานรู้สึกปวดหัวกับการกระทำของเธออีกครั้ง “ผมว่าพวกเรากลับกันดีกว่า ไม่รู้เลยว่าอยู่ต่อนานกว่านี้แล้วจะเจอเรื่องยุ่งยากอะไรอีกไหม”

หลังอู๋ฝานยืนขึ้นก็ได้ยินเสียงร้องอันน่าเวทนา เสียงนี้ถึงขนาดดังผ่านเสียงเพลงที่ดำเนินอยู่จนทะลุเข้ามาให้ได้ยินได้

จากนั้น เขาจึงได้เห็นร่างอันคุ้นเคยกระเด็นออกมาจากพื้นที่เวทีสำหรับเต้นด้านในร้าน