บทที่ 390 เสียงร้อง

บทที่ 390 เสียงร้อง

ร่างที่กระเด็นมานั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหลี่ปิง!

ขณะที่พวกอู๋ฝานเห็นหลี่ปิงกระเด็นมาอยู่ต่อหน้า ทั้งยังเป็นในสภาพชวนเวทนา ตอนนี้ถึงกับต้องตื่นตกใจ

“ไอ้เวรนี่! กินดีหมีหัวใจเสือมาเหรอ กล้าดียังไงมาแตะต้องผู้หญิงของฉัน คิดว่ามีเงินนิดหน่อยแล้วจะวิเศษวิโสกว่างั้นเหรอ?”

ก่อนที่พวกอู๋ฝานจะเข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น อีกสองร่างที่ดูคุ้นเคยก็เดินออกมาจากกลุ่มคน คนหนุ่มเดินออกมา ก่อนจะเตะเข้าที่สีข้างและกระทืบใส่หน้าท้องของหลี่ปิงอย่างรุนแรง สุดท้ายก็ถ่มน้ำลายใส่หน้าด้วยท่าทีดุร้าย

คนทั้งสองที่ดูคุ้นเคยนั้น เป็นคู่รักที่หลี่ปิงใช้เงินทุ่มแย่งห้องมาเมื่อช่วงกลางวัน ฝ่ายชายเตะใส่หลี่ปิงไม่ยั้ง ขณะฝ่ายหญิงทำเพียงยืนเฉยเผยท่าทีเวทนาชมเรื่องราว

ข้าง ๆ คนทั้งสองคือกลุ่มวัยรุ่นที่ตามมาราวห้าถึงหกคน พวกเขาเป็นกลุ่มคู่รักที่มาท่องเที่ยว

“แต่… ยัยนั่นเป็นคนให้ท่าฉันก่อนนะ” หลี่ปิงชี้หน้าผู้หญิง

“พูดจาไร้สาระ! เห็นชัด ๆ ว่าคุณต่างหากที่เข้ามาบังคับ เพราะฉันไม่มีแรงต่อต้าน เลยต้องยอมตามน้ำหาทางรอดต่างหาก” ฝ่ายหญิงเผยท่าทีลื่นไหล ประหนึ่งเป็นผู้เสียหายในเรื่องนี้

“ไอ้เลวนี่! จนถึงตอนนี้แล้วก็ยังจะมาโทษแฟนฉันอีกงั้นเหรอ? ต้องโดนอีก!” ฝ่ายชายยังคงโพล่งโทสะระบายออกมา

“อ๊าก! พอแล้ว ก็เห็นกันอยู่ว่าเพราะนังนี่เห็นแก่เงินเลยเข้าหาฉันก่อน พยายามล่อลวงฉันด้วยซ้ำ!” หลี่ปิงสบถออกมาขณะแผดเสียงร้องชวนสังเวช

“ไอ้เลวนี่กล้าพูดออกมาได้ยังไง! ตายคาร้านเลยดีไหม!” ฝ่ายชายคำรามตอบกลับ

กลุ่มคู่รักวัยรุ่นที่มาด้วยกันไม่มีทีท่าคิดเมตตา คนหนึ่งเตะอย่างรุนแรง ส่วนคนที่เหลือตั้งวงล้อมกันคนพลางรับชม ไม่มีใครคิดเข้าไปห้าม เพราะเรื่องการชกต่อยในผับถือเป็นเรื่องที่มักเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับช่วงอายุเช่นวัยรุ่นเหล่านี้ หลังดื่มกันจนมึนเมาจึงยิ่งมีความกล้าได้กล้าเสีย เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทก็ยิ่งเกิดขึ้นได้ง่าย

“หยุด!”

ขณะฝ่ายชายคนนั้นกำลังจะกระทืบหลังของหลี่ปิง เสียงตวาดกลับดังทะลุเสียงเพลงเข้าหูของกลุ่มคน

กลุ่มวัยรุ่นชะงักพร้อมหันมอง ทันใดนั้นดวงตาของพวกเขาก็ทอประกายสว่างวาบขึ้นมา เพียงแต่ไม่ใช่เพราะคนที่พยายามพูดห้าม แต่เป็นเพราะสองคนที่อยู่ข้างคนห้ามต่างหาก

“ถ้ายังเอาแต่ทุบตีเขาอยู่แบบนั้น เดี๋ยวก็คงได้มีคนตายในร้านกันพอดีหรอก” อู๋ฝานเดินเข้าไปพร้อมเอ่ยอย่างเฉยชา

คนที่เอ่ยปากให้หยุดไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอู๋ฝาน

เดิมชายหนุ่มไม่คิดเข้าไปข้องเกี่ยว ยังไม่นับว่าเขาก็ไม่ได้มีสัมพันธ์ที่ดี อะไรกับหลี่ปิงอยู่แล้ว ให้อีกฝ่ายได้รับบทเรียนจากการกระทำซะบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแย่

ทว่าสถานะที่หลี่ปิงเดินทางมาครั้งนี้คืออาจารย์ของมหาวิทยาลัย เขาที่อยู่ในฐานะเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งและบังเอิญเห็นเหตุการณ์ หากนิ่งเฉยไม่ทำอะไรจนสุดท้ายเกิดเรื่องราวใหญ่โตคงจะไม่ใช่เรื่องดี

ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้ยังเมาจนขาดสติ ทุกการกระทำลงมือหนักจนเกินไป อู๋ฝานไม่ใส่ใจเรื่องที่อีกฝ่ายสั่งสอนบทเรียนให้แก่หลี่ปิง แต่ตัวเขาก็ไม่อาจปล่อยให้เพื่อนร่วมงานอย่างอีกฝ่ายถูกซ้อมจนตายต่อหน้าได้

“ไอ้หนู แนะนำเลยนะว่าอย่ามายุ่งเรื่องของพวกเรา!” อีกฝ่ายที่คล้ายจะเป็นผู้นำของกลุ่มวัยรุ่นพูดขึ้นมา “ไอ้เวรนี่มาล่อลวงผู้หญิงของฉัน มันต้องโดนดี!”

“นังนี่ต่างหากที่ล่อลวงฉัน!” หลี่ปิงทักท้วงขึ้นมาอีกครั้ง

“ไอ้เวรนี่ยังปากดีกล้าเถียง!” ชายคนนั้นโต้กลับพร้อมเตะใส่ท้องอีกครั้ง หลี่ปิงถึงกับต้องแผดเสียงร้องออกมา

“อู๋ฝาน ช่วยฉันด้วย พวกมันเอาฉันตายแน่!” หลี่ปิงในตอนนี้มีแต่ต้องขอร้องอู๋ฝาน เห็นได้ชัดว่าเขาเมินเฉยต่อความขัดแย้งในอดีตหมดสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“จำได้แล้ว พวกแกอยู่กับไอ้เวรนี่ตอนกลางวันที่โรงแรมนั่นหนิ!” ฝ่ายชายยกมือขึ้นชี้หน้าพวกอู๋ฝาน

แท้จริงแล้วไม่ใช่เพราะจำอู๋ฝานได้ แต่เพราะถังอวี่เฟยกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่มากับอีกฝ่ายโดดเด่นจนถูกจดจำได้ขึ้นใจต่างหาก สาวงามระดับหาตัวจับได้ยาก หากได้เจอสักครั้งหนึ่ง ไม่ว่าใครก็ประทับใจจนยากจะลืมเลือน

“พวกเดียวกัน? จะว่างั้นก็ได้ พวกเรามาด้วยกันจริง ๆ” อู๋ฝานตอบกลับ “สาเหตุที่ฉันต้องออกมาก็เพราะไม่อยากให้ทุบตีกันถึงตาย ตอนนี้พวกคุณกำลังโกรธจนขาดสติเกินไป ปล่อยคนก่อนดีกว่า”

อู๋ฝานไม่ได้มีความประทับใจดี ๆ ต่อหลี่ปิง การกระทำครั้งนี้ยังจำใจต้องทำซะด้วยซ้ำ และมันก็ไม่ใช่เพราะต้องการทวงความเป็นธรรมให้แก่อีกฝ่ายด้วย ขอเพียงหลี่ปิงไม่ถูกทุบตีจนตายคาร้านต่อหน้าต่อตา ส่วนจะถูกทุบตีจนบาดเจ็บล้มหมอนนอนเสื่อหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถือว่าเป็นบทเรียนให้แก่ชายคนนั้น

“แค่บอกให้ปล่อยแล้วต้องปล่อยเหรอ?” คำพูดดี ๆ ของอู๋ฝานไม่มีทางเข้าหูของกลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้ พวกเขากำลังเดือดดาล และหากชายหนุ่มยังพูดอะไรมากกว่านี้แม้สักคำ พวกเขาก็คงพร้อมจะเล่นงานเขาไปด้วย

อู๋ฝานบ่นพึมพำอยู่ในใจ ว่าคนพวกนี้พูดคุยด้วยไม่รู้เรื่องแล้ว

“ให้ปล่อยก็ได้อยู่” ตอนนี้เองที่ผู้นำของกลุ่มวัยรุ่นเอ่ยขึ้น ก่อนจะยกมือชี้ไปทางหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยที่อยู่ข้าง ๆ อู๋ฝาน “ให้สองคนนั้นมาร่วมดื่มกับพวกเรา แล้วจะปล่อยตัวคนให้ก็แล้วกัน”

“กลับบ้านไปดูดนมแม่ไป!” ถังอวี่เฟยโต้กลับทันควัน ครั้งนี้ต้นเหตุไม่ใช่เพราะเธอ ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าอู๋ฝานจะต่อว่าอะไรทั้งสิ้น ทำให้หญิงสาวกล้าที่จะตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน

ออร่าเย็นเยือกแผ่ฟุ้งออกมาจากกายของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ สายตาที่เธอมองอีกฝ่ายประหนึ่งเป็นน้ำแข็งทิ่มแทง

แต่อีกฝ่ายกลับเมาจนเกินจะรับรู้ถึงภัยคุกคามที่กำลังเข้ามาใกล้ กระทั่งหัวเราะตอบซะด้วยซ้ำ “ดื้อซนแบบนี้ยิ่งดี วันนี้พวกเธอต้องมาดื่มกับฉัน จะอยากหรือไม่อยากก็ต้องดื่ม!”

“ที่รัก นี่คุณจะดื่มกับนังสองคนนี่งั้นเหรอ?” ผู้หญิงที่ชมเรื่องราวอยู่เอ่ยขึ้น สายตาที่เธอใช้มองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยแม้จะเต็มไปด้วยอาการริษยา แต่ปากก็เอ่ยคำดูหมิ่น

“หุบปาก! ฉันยังไม่ได้สะสางเรื่องที่เธอทำกับไอ้เวรนี่!” ฝ่ายชายไม่ไว้หน้าแฟนสาวแม้แต่น้อย

ฝ่ายหญิงตกใจ ปกติแฟนหนุ่มของเธอไม่เคยพูดถึงขนาดนี้มาก่อน แต่เพราะดื่มจนเมาเกินไป รวมกับมีสาวงามหาตัวจับยากอย่างหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยอยู่ ทำให้อีกฝ่ายขาดสติ

ขณะมองอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ อู๋ฝานก็ต้องลอบถอนหายใจอยู่ในใจ เดิมชายหนุ่มไม่อยากลงไม้ลงมือ แต่เพราะสถานการณ์ดำเนินมาจนถึงจุดนี้ จะไม่ป้องกันตัวก็คงไม่ได้ อันที่จริงเขาก็ไม่ควรเข้ามาแทรกแซงเรื่องราวของคนอื่น อีกทั้งเป็นการเข้าไปยุ่งกับคนเมาทั้งที่ตัวเองมาพร้อมกับสาวสวยถึงสองคน

ชายคนนั้นเดินเข้าหาพวกอู๋ฝาน ก่อนจะเอ่ยกับถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ “คนสวยมากับพี่มา”

เขาเลือกที่จะมองข้ามอู๋ฝานไปอย่างไม่เห็นหัว

อีกฝ่ายมองข้ามอู๋ฝาน ทว่าอู๋ฝานไม่ได้มองข้ามเขา เพียงเอ่ยชักชวนจบ ร่างนั้นก็ถูกเตะเข้าที่กลางอก ส่งให้ร่างกระเด็นลอยออกไป

“อ๊าก!”

“โอ๊ย!”

สองเสียงแผดร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่างของฝ่ายชายที่กระเด็นเพราะแรงเตะ มันลอยเข้าไปปะทะกับร่างของแฟนสาวจนล้มลงกับพื้นทั้งคู่

“ไอ้เวรนี่รนหาที่ตาย!”

“กล้าดียังไงทำคนของพวกเรา สั่งสอนมันให้ตาย!”

“เอามันเลย!”

กลุ่มวัยรุ่นที่เหลือเห็นอู๋ฝานกล้าเล่นงานคนฝ่ายตน จึงโกรธจนขาดสติพร้อมแผดร้องเสียงดังกันออกมา ร่างกายพุ่งเข้าหาชายหนุ่มหมายคิดทุบตีให้ตายคาที่!