บทที่ 391 เรื่องราวยิ่งวุ่นวาย

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 391 เรื่องราวยิ่งวุ่นวาย

บทที่ 391 เรื่องราวยิ่งวุ่นวาย

“อ๊าก!”

“โอ๊ย!”

……

“อ๊าก!”

“อ๊าก!”

……

กลุ่มวัยรุ่นพุ่งตัวเข้าหาอย่างดุดัน ทำให้คนรอบ ๆ เกิดความหวาดกลัวกันขึ้นมา แต่ก่อนพวกเขาจะมาถึงตรงหน้าอู๋ฝาน ก็ต้องพบว่าไม่อาจเข้าถึงตัว เพราะชายหนุ่มเพียงแค่ยกเท้าเตะง่าย ๆ ร่างของพวกเขาก็กระเด็นถอยกลับไปกันแล้ว

อู๋ฝานในปัจจุบันแข็งแกร่งขนาดไหนน่ะเหรอ ชายหนุ่มอาศัยแค่แรงกายเตะหนึ่งครั้งก็มากพอจะทำเศษเดนมนุษย์เหล่านี้หมดสติ แน่นอนว่าเขาไม่ได้ลงมือเต็มแรง ไม่เช่นนั้นแล้ว แค่เตะใส่อีกฝ่ายก็คงมากพอฝังร่างเหล่านั้นให้จมกับพื้นหรือกำแพงจนยากจะงัดเอาออกมา

ถังอวี่เฟยเดินเข้าหาชายผู้เป็นหัวหน้าของกลุ่มคนพลางแย้มยิ้ม “ว่ายังไง? อยากดื่มด้วยกันอยู่ไหม?”

“ไม่… ไม่เอาแล้ว!” อีกฝ่ายหวาดกลัวจนหน้าซีด สายตาหันไปมองอู๋ฝานอย่างกลัวเกรง ขณะตอบถังอวี่เฟยอย่างกระอักกระอ่วน

“ดี” ถังอวี่เฟยหัวเราะ

การที่อู๋ฝานจัดการคนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย ไม่ได้ทำให้ถังอวี่เฟยประหลาดใจแต่อย่างใด แม้จะมากันเยอะ แต่ก็เป็นเพียงคนธรรมดา ขณะที่ชายหนุ่มคือผู้ฝึกตน คนเมาเหล่านี้จะเอาอะไรมาเทียบกับเขาได้?

อู๋ฝานเมินเฉยกลุ่มคนขณะเดินเข้าหาหลี่ปิง ก่อนจะใช้เท้าเตะสะกิดอีกฝ่าย “ลุกได้แล้ว”

เห็นได้ชัดว่าไม่มีเจตนาจะยื่นมือช่วยดึงขึ้นแต่อย่างใด

แม้ท่าทีของอู๋ฝานจะไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก แต่หลี่ปิงในเวลานี้ก็ไม่มีแก่ใจจะสน เพราะได้เห็นอีกฝ่ายเล่นงานกลุ่มวัยรุ่นจนแพ้ราบคาบ ตอนนี้เขาจึงดิ้นรนลุกขึ้นยืน อาการบาดเจ็บที่ถูกเล่นงานอย่างไร้ปรานี ทำให้ทั้งร่างกายของหลี่ปิงรวดร้าว แม้ยืนขึ้นได้ แต่ก็ยังโงนเงน กระทั่งต้องส่งเสียงคร่ำครวญอยู่ในลำคอ

“เฮ้อ อาจารย์หลี่ ทำไมน่าเวทนาแบบนี้นะคะ” อู๋ฝานเอ่ยขึ้นมา “แล้วนี่อาจารย์หลี่มาทัศนศึกษาหรือว่ามาหาสาวควงกันแน่?”

“ผู้หญิงคนนั้นยั่วยวนฉันต่างหาก!” หลี่ปิงตอบกลับ

“ผีเน่ากับโลงผุ” ถังอวี่เฟยก้าวเข้ามาพร้อมเอ่ยเหยียดหยาม

หลี่ปิงร่ำร้องเสียงดังอยู่ในใจ เพราะการโอนเงินช่วงกลางวัน ทำให้อีกฝ่ายมีช่องทางใช้พูดคุยกับเขาขึ้นมา และในช่วงเย็น อีกฝ่ายยังเจตนาเชื้อเชิญมาดื่ม แม้หลี่ปิงจะตามจีบเกิ่งหย่าเฟยอยู่ แต่เพราะมีอาหารมาส่งถึงหน้าห้องจึงไม่คิดปฏิเสธ กระทั่งยินดีรับเอาไว้ซะด้วยซ้ำ

ในช่วงที่ผู้หญิงคนนั้นพยายามเข้าหา หลี่ปิงก็ไม่ใช่คนไม่ประสีประสา ดังนั้นจึงคุ้นเคยกันอย่างรวดเร็ว กระทั่งมาเต้นด้วยกันที่บาร์แห่งนี้ หลี่ปิงที่ไม่อาจหักห้ามมือตัวเองให้ไปลวนลามอีกฝ่ายได้ ก็ไม่คาดคิดว่าแฟนของผู้หญิงคนนั้นจะปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน และทุบตีเล่นงานเขาอย่างหนักมือ หลี่ปิงกระทั่งสงสัยว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนการของอีกฝ่ายตั้งแต่แรก

“อาจารย์หลี่เป็นมวยไม่ใช่เหรอครับ? คนแค่นั้นจัดการไม่ได้รึไง?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

“พวกมันลอบกัด ถ้าไม่งั้นฉันคงไม่มีสภาพแบบนี้!” หลี่ปิงตอบกลับด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“เป็นแบบนี้นี่เอง จะว่าไปแล้วคุณอยู่รุ่นน้ำหนักไหนนะครับ?” อู๋ฝานเคยสู้กับหลี่ปิงมาครั้งหนึ่ง ดังนั้นจึงพอทราบกำลังของอีกฝ่าย “ยั้งตัวเองเอาไว้บ้างนะครับ ถ้าครั้งหน้ายังเกิดเรื่องอีก อาจไม่ได้โชคดีแบบครั้งนี้”

หลังอู๋ฝานเอ่ยจบ เขาก็เมินหลี่ปิงก่อนจะเดินออกไปพร้อมถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์

หลี่ปิงมองแผ่นหลังของอู๋ฝานเดินกลับออกไปพร้อมกัดฟันกรอด สายตาที่เขามองอีกฝ่ายไม่มีความสำนึกหรือซาบซึ้งอะไรทั้งสิ้น

เขาคือคนที่มีหน้าตาต้องรักษา ทว่าตอนนี้กลับต้องถูกอัดจนเละต่อหน้าอู๋ฝาน อีกทั้งยังขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายต่อหน้าคนอื่น ในความเห็นของเขามันคือความเสื่อมเสีย อู๋ฝานเข้ามาช่วยตามที่ขอก็จริง แต่ในใจของหลี่ปิงกลับไม่มีความซาบซึ้งใด ๆ ทั้งสิ้น กระทั่งมองว่าตนเองกลายเป็นตัวตลกไปแล้ว

‘อู๋ฝาน คนจนอย่างแกคิดว่าวิเศษวิโสมาจากไหนกัน!’ หลี่ปิงสบถในใจด้วยความเกลียดชัง

เพียงแค่นึกถึงสายตาที่อู๋ฝานมองมาเมื่อครู่ ใจของหลี่ปิงก็ปรากฏความโกรธทะลักล้นขึ้นมา เขาเดินเข้าไปหาชายคนที่เตะตนเอง พร้อมเริ่มกระทืบอีกฝ่ายอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดก็เพราะแก ไอ้เวรสารเลวเอ๊ย! เพราะแกทำให้ฉันต้องเสียหน้า แฟนของแกก็ด้วย ไอ้พวกสวะ!”

หลังเตะระบายอยู่หลายครั้งจึงหยุด สุดท้ายหลี่ปิงก็ถ่มน้ำลายใส่หน้าอีกฝ่ายก่อนจะเดินออกไปด้วยใจที่คุกรุ่น

คืนนี้จะเป็นความทรงจำที่เปรียบดังฝันร้ายของเขาไปอีกนาน

“ทำไมถึงเข้าไปช่วยล่ะคะ ไม่นึกว่าอาจารย์จะเข้าไปช่วยคนอย่างนั้น” ระหว่างทางถังอวี่เฟยเอ่ยถามกับอู๋ฝาน

“อันที่จริงก็ไม่ได้อยากช่วยหรอกครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบ

“แต่ก็ยังช่วยเหรอคะ? ให้ถูกอัดจนตายซะได้ก็ดี” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “เห็นชัด ๆ ว่าหมอนั่นไม่ใช่คนดี ที่ปาร์ตี้วันเกิดของฉันก่อนหน้านี้ก็เพ่งเล็งคุณอย่างเห็นได้ชัดเลยหนิคะ”

“ถ้าเป็นที่เจียงโจว เขาคงถูกซ้อมจนตายแล้วแหละครับ และผมก็คงไม่ก้าวเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย” อู๋ฝานตอบกลับ “แต่ว่าที่นี่ไม่ใช่เจียงโจว ผมและเขาเป็นอาจารย์ที่มาดูแลการทัศนศึกษา ถ้าปล่อยให้เขาถูกฆ่าตายต่อหน้าอยู่ที่นี่ กลับไปเมื่อไหร่ผมได้ถูกถามหาความรับผิดชอบแน่ครับ”

“มีความรับผิดชอบเกินไปแล้วค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ

อู๋ฝานเพียงยิ้มรับ และขณะจะพูดอะไรตอบ เขากลับต้องเปลี่ยนสีหน้าหันไปพูดกับถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ “พวกคุณกลับโรงแรมกันไปก่อนนะครับ ผมมีเรื่องต้องทำ”

“เรื่องอะไรคะ? คงไม่ใช่จะทิ้งพวกเราเพราะไปตามสาวน่ารักที่บังเอิญเห็นหรอกใช่ไหมคะ” ถังอวี่เฟยมองอู๋ฝานด้วยสายตาเคลือบแคลงขณะถามกลับ

“ไม่ใช่ครับ” อู๋ฝานส่ายศีรษะ “กลับไปก่อนนะครับ ผมมีเรื่องต้องจัดการจริง ๆ”

“งั้นก็ระวังตัวด้วยค่ะ” ถังอวี่เฟยที่คิดจะพูดอะไรต่อนั้น กลับถูกหลิ่วเหยียนเอ๋อลากตัวไปก่อนจะทันได้เอ่ยปาก

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ราวกับตระหนักได้เช่นเดียวกับอู๋ฝาน ตอนนี้จึงพยักหน้าให้

“ทำไมรู้สึกเหมือนพวกเธอมีอะไรปิดบังเอาไว้ แล้วทำไมถึงต้องระวังขนาดนี้ด้วย?” ถังอวี่เฟยไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เธอเห็นการสนทนาระหว่างหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กับอู๋ฝาน ในใจจึงเกิดความสงสัยขึ้นมา

“ไปก่อน กลับ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบขณะลากตัวถังอวี่เฟยมุ่งหน้าไปทางโรงแรม

“นี่! ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ ภูเขาน้ำแข็ง นี่เธอไม่กลัวเขาไปหาผู้หญิงอื่นรึไง” ถังอวี่เฟยพยายามดิ้นรนขณะถามออกมา

เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าการดิ้นรนของถังอวี่เฟยไม่อาจทำให้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ขยับได้

“ไม่กลัว” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบเสียงเย็นทว่าชัดเจน

“ใจใหญ่ดีจริง ๆ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ

เสียงของคนทั้งสองเริ่มไกลออกไปเรื่อย ๆ ตอนนี้เองที่อู๋ฝานหันกลับไปอีกด้าน หลังลังเลอยู่เล็กน้อย ก็มุ่งตรงไปยังหัวมุมที่อยู่ตรงหน้า

“เป้ยอวี่ฉวน วันนี้เธอไม่รอดแน่!”

“เชื่อฟังและออกมาดี ๆ เถอะ พวกเราจะจับโดยไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ!”

“ได้ยินว่าผู้หญิงของหอคันธะสงัดเป็นของดี วันนี้จะได้มีโอกาสลิ้มลองเสียที ฮ่า ฮ่า”

ขณะที่อู๋ฝานเดินมาถึงตรอกที่อยู่ห่างไกล เสียงพูดคุยก็ดังขึ้นให้ได้ยิน ทว่าความหมายของถ้อยคำเหล่านี้มากพอที่จะทำให้ผู้ฟังต้องขมวดคิ้ว

“คิดจะฆ่าฉัน? แน่จริงก็เข้ามา!” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังตอบ แม้เธอพูดอย่างฉะฉาน แต่อู๋ฝานสัมผัสได้ถึงร่องรอยความเปราะบางภายใต้ลมหายใจที่ไม่มั่นคง ราวกับเธอได้รับบาดเจ็บอยู่

“เข้าสิ เข้าแน่นอน พวกเราลุย! บาดเจ็บอยู่ก็ยังปากดี วันนี้เธอเสร็จพวกเราแน่!” เสียงของฝ่ายที่เอ่ยคำไม่ชวนฟังในตอนแรกตอบกลับมา

“เอาเลย พวกเรารุมจัดการนังนี่!” คนอื่นต่างส่งเสียงร่วมเห็นพ้อง

จากนั้นกลุ่มคนก็เริ่มเปิดฉากต่อสู้ อู๋ฝานที่อยู่ไม่ไกลจึงได้เห็นว่ากลุ่มคนกำลังปิดล้อมเล่นงานคนเพียงคนเดียว