บทที่ 342 สวยงาม

บทที่ 342 สวยงาม

คนใช้รีบรับมาแล้วรีบส่งเด็กหญิงออกไป “ได้ค่ะ คุณหนูออกไปรอข้างนอกก่อนนะคะ”

จิวจิวก้าวไปสองก้าวก็หันกลับมา “คุณป้าต้องเอาให้น้องซุ่ยซุ่ยของฉันกินนะคะ อย่าสลับกันเด็ดขาด”

ตอนที่กินเกี๊ยวกัน จิวจิวก็หยิบชามใบเล็กแล้วเบียด ๆ ไปข้าง ๆ ซุ่ยซุ่ย ก่อนมองเข้าไปในชามของเขา

ซุ่ยซุ่ยกินทุกอย่างไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว

จิวจิวจึงถามด้วยดวงตาเป็นประกาย “อร่อยไหม?”

ซุ่ยซุ่ยตอบไปส่ง ๆ “อร่อย”

เยี่ยม

จิวจิวกระโดดโลดเต้นทันที พร้อมกับคิดในใจว่าน้องชายซุ่ยซุ่ยให้อภัยเธอแล้ว เพราะเขากินเกี๊ยวที่เธอทำไม่เหลือเลย

ซุ่ยซุ่ยยกชามเข้าไปในครัวหลังกินเสร็จ เมื่อเขาออกมา เขาก็เห็นกองเกี๊ยวน่าเกลียดวางอยู่บนถังขยะข้างประตู

หลายอันในนั้น เขาเป็นคนทำ

และมีไม่กี่อัน ที่เป็นฝีมือของคนอื่น

ซุ่ยซุ่ยเงยหน้ามองร่างที่อยู่ไม่ไกล นึกถึงสายตาที่จิวจิวใช้มองเขาเมื่อกี้

เหมือนเธอกำลังรอคอยคำตอบอย่างตื่นเต้น

ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของเขา บางทีนี่อาจจะเป็นเกี๊ยวที่เธอทำให้เขา

จิวจิววิ่งไปหาเด็กชายทันที และซุ่ยซุ่ยก็ปิดประตูห้องครัวดังปัง

“น้องซุ่ยซุ่ย ทำอะไรอยู่ในครัวเหรอ? เกี๊ยวอร่อยใช่ไหม อยากกินอีกสองชิ้นหรือเปล่า?”

“… ใช่”

จิวจิวเอามือปิดปากแล้วหัวเราะ เกี๊ยวที่เธอทำอร่อยจริง ๆ ด้วย

รู้งี้ทำเพิ่มอีกสองอันดีกว่า

“อย่ากินเยอะนะ เดี๋ยวยังมีกับข้าวอร่อย ๆ ให้กินอีกเยอะเลย”

“… อืม”

เพราะมีเด็กน้อยทั้งสองคน มื้อค่ำส่งท้ายปีเก่าจึงมีชีวิตชีวาขึ้นมาก

ตอนกำลังกลับ จิวจิวรู้สึกเหนื่อยมากจึงผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของกู่อวี๋เฉิง ขนตาของเธอเหมือนพัดขนาดเล็กทอดเงาบนใบหน้าที่แดงก่ำ

ซุ่ยซุ่ยเงยหน้าขึ้น คิดกับตัวเองว่าผู้หญิงจะดูน่ารักขึ้นตอนหลับ

แต่น่าปวดหัวตอนตื่น

“พ่อกู่ แม่ซู บ๊ายบายครับ”

ซูหยินกอดซุ่ยซุ่ยแน่น “ซุ่ยซุ่ยที่รัก ทำไมเย็นชาอย่างนี้”

“ให้แม่มารับลูกไปพักที่บ้านสักสองวันไหม?”

ซุ่ยซุ่ยเช็ดหน้าอย่างใจเย็น “ผมอยากอยู่บ้านกับแม่”

ซูโย่วอี๋ลูบหัวของเด็กชายป้อย ๆ “ซุ่ยซุ่ย แม่จะออกไปส่งทุกคนนะจ๊ะ”

ซูหยินจับมือซูโย่วอี๋ “หน้าตาซุ่ยซุ่ยเหมือนเธอมาก แต่บุคลิกเหมือนพ่อของเขาสินะ นี่ก็นานมากแล้ว เธอยังไม่ยอมบอกอีกเหรอ?”

“ตกลงพ่อของซุ่ยซุ่ยคือใครกัน?”

ซูโย่วอี๋ยิ้มน้อย ๆ “อย่ากังวลเลย ชีวิตตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว ฉันพอใจมากแล้วล่ะ”

พูดจบก็เกลี้ยกล่อมตัวเองไปด้วย

รักษาใจอย่าคาดหวังของที่ไม่ใช่ของตัวเอง

การปล่อยตัวแบบในคลับวันนั้น แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว

ซูหยินเลิกคิ้ว “เอาเถอะ ผู้ชายเป็นของนอกกาย จะมีหรือไม่มีก็ได้”

กู่อวี๋เฉิงวางจิวจิวไว้บนที่นั่งนิรภัย

ซูหยินลดเสียงลง “ที่รัก ฉันคิดว่าอดีตได้จบลงไปแล้ว เธอไม่ต้องอยู่เป็นแม่หม้ายตลอดชีวิตก็ได้นะ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ไม่มีผู้ชายคนไหนเข้าตาเลยเหรอ?”

“ถ้าไม่มีจริง ๆ ให้ฉันแนะนำให้เธอสักสองคนไหม? ไม่งั้นก็ให้พ่อแม่เธอช่วยแนะนำให้”

ซูโย่วอี๋อดกลอกตาไม่ได้ “เธอเอาแต่คิดอะไรอยู่ทุกวันเนี่ย?”

“ฉันไม่ผิดนะ ถ้าไม่ชอบแบบนั้น แล้วเจ้าชายแห่งเมืองหลวงอย่างลู่เฉินล่ะ?”

ซูโย่วอี๋หยุดชะงักชั่วคราวแล้วผลักเธอเข้าไปในรถ “อย่าเอาแต่พูดเรื่องไร้สาระ อย่างประธานลู่ ฉันรับไม่ไหวหรอก”

ซูหยินพูดกล่อมต่อ “ที่รัก เธอควรคิดให้รอบคอบกับสิ่งที่ฉันพูดนะ”

“ไม่ ฉันไม่ต้องการ เป้าหมายของฉันคือการเป็นหมาป่าเดียวดาย”

“โสดเป็นหมื่นปี!”

กู่อวี๋เฉิงหันศีรษะและพยักหน้าให้เธอ “ไปก่อนนะ”

ซูโย่วอี๋โบกมือให้เขาแล้วหมุนตัวกลับไปที่คฤหาสน์

ในครัว คนรับใช้ที่ควรจะยุ่งอยู่กับการเก็บกวาดยืนเรียงกันเป็นแถว

ซุ่ยซุ่ยเงยหน้าขึ้นอย่างไร้ความรู้สึก “ทำไมคุณป้าถึงทิ้งของของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตล่ะครับ?”

เด็กชายถามอย่างคาดคั้น

คนรับใช้อธิบายว่า “นายน้อย คุณหนูนำเกี๊ยวมาให้และขอให้เราทำอาหารให้คุณค่ะ แต่รูปลักษณ์มันแย่เกินไปเราจึงไม่ได้จริงจังกับมันค่ะ”

เธอคิดว่าเด็ก ๆ กำลังเล่นกัน นึกไม่ถึงเลยว่านายน้อยจะโกรธขนาดนี้…

“ไม่ว่าใครเป็นเจ้าของ ถ้าคนอื่นมอบให้คุณป้าก็ต้องจัดการ นี่เป็นเรื่องของความเคารพและมารยาท”

“ไม่มีข้อยกเว้น”

คนรับใช้ตอบค่ะซ้ำ ๆ

ฮันเจ๋อเหยียนเฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งเขาไม่สามารถอธิบายได้เลยว่าเขาชอบซุ่ยซุ่ยมากแค่ไหน

เมื่อเห็นเด็กชายก้าวออกมา เขาจึงก้าวไปข้างหน้าและอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมาอยู่ระดับสายตา

“ซุ่ยซุ่ยเท่มาก”

แม้ซุ่ยซุ่ยจะดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็ยังเด็กอยู่ เมื่อถูกผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่เหมือนพ่อเอ่ยชมเชย เขาก็ยังรู้สึกอายเล็กน้อย

“ลุงใหญ่ ปล่อยผมลงเถอะครับ”

ดวงตาของฮันเจ๋อเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เธอรู้ไหมว่าตอนนี้เธอทำเหมือนกับลุงตอนยังเด็กไม่มีผิด”

“ยังไงครับ”

“หลอกคนอื่นด้วยสีหน้าเย็นชา”

เมื่อเขาโตขึ้น เขาจะกลายเป็นจิ้งจอกของแท้

ว่ากันว่าหลานชายก็เหมือนลุง และซุ่ยซุ่ยก็ค่อนข้างเหมือนเขา

ฮันเจ๋อเหยียนไม่คิดจะตกหลุมรักใคร เขาจึงต้องการฝึกฝนซุ่ยซุ่ยให้เป็นผู้สืบทอดรุ่นต่อไปของตระกูลฮัน

สำหรับฮันเจ๋อหยาง เขาได้ยอมแพ้อย่างสมบูรณ์แล้ว

ซุ่ยซุ่ยไม่คิดว่าการหลอกเป็นคำที่ไม่ดี “ถ้าอย่างนั้นเราทุกคนก็เก่งมาก”

ฮันเจ๋อเหยียนหัวเราะเสียงดัง “แน่นอน ซุ่ยซุ่ยเก่งกว่าลุงด้วยซ้ำ”

ซูโย่วอี๋ที่เข้ามาเห็นฉากดังกล่าวก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ

เธอปล่อยให้ทั้งสองเล่นกันสักพักก่อนจะพาซุ่ยซุ่ยกลับห้องไปนอน

หลังจากที่ซุ่ยซุ่ยหลับไป เธอก็ลงไปที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง

ครอบครัวฮันนั่งพูดคุยกันบนโซฟาเพื่อชมงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ

คุณนายฮันหันมามองเมื่อได้ยินเสียงลงบันได “เสี่ยวอี๋ ถ้าง่วงก็ไปนอนเถอะจ้ะ”

ซูโย่วอี๋ส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ”

ครอบครัวฮันรักษาประเพณีนี้ทุกปี พวกเขาจะต้องอยู่จนถึงเที่ยงคืนของวันส่งท้ายปีเก่า

แต่ปีนี้ฮันเจ๋อหยางที่มักออกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ทุกปีกลับอยู่บ้าน

“ทำไมพี่ไม่ออกไปข้างนอกล่ะ?”

เมื่อซูโย่วอี๋ถามขึ้น เสียงแจ้งเตือนข้อความของฮันเจ๋อหยางก็เด้งขึ้น

ไม่รู้ว่าเขาอดกลั้นไว้นานแค่ไหนแล้ว

“พี่พยายามโทรหาเสิ่นเฉียวตลอดทั้งคืน พี่อยากใช้วันส่งท้ายปีเก่ากับเธอ”

“แต่ดูสิ”

ฮันเจ๋อหยางเปิดหน้าแชตของวีแชตและบันทึกการโทรให้ดู

ทั้งหมดมีประมาณโหล ซึ่งเสิ่นเฉียวไม่ตอบกลับเลย

ฮันเจ๋อหยางใกล้จะหงุดหงิดแล้ว

ซูโย่วอี๋ได้แต่ปลอบใจ “ผู้เฒ่าไป๋ยังอยู่ในโรงพยาบาล เธอคงไม่มีอารมณ์มาเล่นสนุกหรอก”

แม้เธอจะพูดแบบนี้ เธอเองยังไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำ

แต่ฮันเจ๋อหยางกลับเชื่อ “ถูกต้อง ทำไมฉันถึงลืมผู้เฒ่าไป๋ไปได้ ฉันควรไปเยี่ยมเขา”

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไร

ซูโย่วอี๋ผล็อยหลับไปหลังจากดูรายการไปสักพัก เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น เธอก็คิดว่าตัวเองอยู่ในความฝัน

คุณนายฮันแตะมือของเธอ “เสี่ยวอี๋ มีสายเข้าจ๊ะ”

“อ้อ…”

ซูโย่วอี๋คลำหาโทรศัพท์และออกไปข้างนอก มันเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย

เธอรับสาย

“สวัสดีค่ะ?”

เสียงหญิงสาวที่ปลายสายดังขึ้น “[ฮันโย่วอี๋?]”

เสียงนั้นดูคุ้นเคยเล็กน้อย

“เสิ่นเฉียว?”

“[ใช่ ครั้งล่าสุดที่เราบอกว่าจะดื่มด้วยกัน เธอจะมาไหม?]”

“ได้ ที่ไหนเหรอคะ?”

“[ถนนไห่ปินสายใต้ ที่นี่จะมีการแสดงดอกไม้ไฟส่งท้ายปีเก่าตอนเที่ยงคืน]”

“[อย่าพาฮันเจ๋อหยางมาล่ะ]”

ซูโย่วอี๋เห็นใบหน้าของฮันเจ๋อหยางผ่านหน้าต่าง หัวใจของเธอรู้สึกสับสน

เธออ้างว่าจะออกไปพบเพื่อน

คู่สามีภรรยาฮันเลยรบเร้าให้คนขับรถไปกับเธอก่อนปล่อยเธอไป

ฮันเจ๋อหยางที่จะตามไปยืนขึ้น “น้องสาว พาพี่ไปด้วยสิ นะ? พี่เบื่อมาก”

ซูโย่วอี๋หยุดชะงัก “ไม่สะดวกน่ะ เธอเป็นผู้หญิง”

“ซูหยินไม่ใช่แค่เพื่อนคนเดียวของเธอเหรอ? มีเพื่อนสาวมาจากไหนอีก?”

คุณนายฮันไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป “เสี่ยวอี๋มีเหตุผลมากกว่าลูก ดังนั้นรีบไปนอนซะ”

ซูโย่วอี๋ออกไปท่ามกลางแสงจันทร์ มุ่งตรงสู่ถนนไห่ปินสายใต้

ราวกับว่าเวลาวันคืนกลับกัน

สถานที่นี้เต็มไปด้วยผู้คน

หลังจากที่ซูโย่วอี๋ลงจากรถ เธอก็ขอให้คนขับกลับไปก่อน

ทุกคนที่นี่ล้วนเป็นผู้ใหญ่ และเธอมีค่าพละกำลังอยู่ ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวเลย

แต่คนขับไม่กล้า “โทรหาผมเมื่อคุณจะกลับนะครับ แล้วผมจะมารับคุณที่นี่”

“เดี๋ยวผมจะอยู่ดูการแสดงดอกไม้ไฟด้วย ดังนั้นไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรอได้”

ช่วยไม่ได้ “ลุงหลิวคะ คงต้องรบกวนแล้วค่ะ”

ซูโย่วอี๋เดินไปตามข้างถนน ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่นี่เป็นคู่รักกัน

ทุกคู่ต่างใส่ชุดคู่รัก คาดผมหูแมวดูน่ารัก

การจับมือกอดเอวถือเป็นเรื่องปกติของที่นี่ แต่ที่เธอกลัวที่สุดคือตอนบังเอิญหันไปเจอคนสองคนกำลังจูบกัน

คนอื่น ๆ ทุ่มเทให้กับการจูบมาก ซูโย่วอี๋จึงหนีไปด้วยความอาย

เธอมองไปรอบ ๆ และไม่เห็นใครเลย

เสิ่นเฉียวบอกว่าเธออยู่ใต้ต้นไม้ แต่แค่มองดูที่นี่มีต้นไม้อย่างน้อยหนึ่งร้อยต้น!

ในที่สุดเธอก็โทรศัพท์และขอให้ไป๋เสิ่นเฉียวมารับเธอ

“ฉันมาถึงตั้งนานแล้ว ฉันนึกว่าเธอจะเทซะอีก”

ซูโย่วอี๋ยิ้ม “ไม่มีทาง”

“คือว่า” ไป๋เสิ่นเฉียวลูบจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ “ถึงฉันจะชวนเธอดื่ม แต่ฉันยังมีเพื่อนคนนึงที่บังเอิญอยู่ใกล้ ๆ เขาว่าจะมาหาเหมือนกัน”

ซูโย่วอี๋ชะงักไป “เพื่อนของคุณคือลู่เฉินใช่ไหม?”

“ใช่”

มันคือเรื่องจริง

ซูโย่วอี๋ไม่คาดคิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้

เมื่อเห็นว่าเธอไม่พูดจา ไป๋เสิ่นเฉียวก็คิดว่าเธอคงโกรธที่ตอนนั้นลู่เฉินไม่ยอมให้เธอสูบบุหรี่และดื่มเหล้าในคลับ

“ปกติแล้วลู่เฉินไม่สนใจเรื่องของคนอื่นหรอก ฉันเดาว่าวันนั้นเธอคงลำบากใจเพราะฉัน”

ซูโย่วอี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันไม่ไปดีกว่าค่ะ เพราะฉันไม่รู้จักเขาดี มันคงน่าเบื่อที่จะดื่มกับคนไม่รู้จัก”

ไป๋เสิ่นเฉียวพูดทันที “งั้นฉันจะเทเขา แล้วเราไปหาที่ดื่มกันลำพังเถอะ”

ขณะลังเล กลับมีผู้หญิงคนหนึ่งโบกมือให้พวกเธอ “คุณไป๋ คุณฮัน ทางนี้ค่ะ”

ทั้งสองหันศีรษะไปตามต้นเสียงและเห็นว่าเป็นจินหลิง

ไป๋เสิ่นเฉียวขมวดคิ้ว “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

ทำไมถึงมีหญิงสาวที่เธอไม่รู้จักอยู่ข้าง ๆ

ตอนลู่เฉินรับปาก เขาบอกว่าเขาจะมาที่นี่คนเดียว

ตอนนี้มันน่าลำบากใจจริง ๆ ไป๋เสิ่นเฉียวคงรั้งเธอไว้ไม่ได้แล้ว “ฉันขอโทษนะ ฉันไม่รู้ว่ามีคนมามากมายขนาดนี้ ทำให้เธอต้องเสียเวลาแล้วสิ”

“ไว้ครั้งหน้าฉันจะชวนเธอใหม่”

ซูโย่วอี๋บอกว่าไม่เป็นไร แต่ขณะที่เธอกำลังจะจากไป จินหลิงก็เดินมาหา “คุณฮัน คุณยังจำฉันได้ไหมคะ?”

“ฉันเคยเป็นสแตนด์อินของคุณ”

“บทฮั่วเสวียนน่ะค่ะ”

ซูโย่วอี๋จ้องไปที่ใบหน้าของเธอ ดวงตาอัลมอนด์ ริมฝีปากเชอร์รี่ เป็นความงามที่หายากจริง ๆ

“จำได้ค่ะ”

จินหลิงตื่นเต้นมาก “คุณจำได้จริง ๆ ด้วย”

“เพื่อนของฉันออกมาส่งท้ายปีเก่าและบังเอิญพบกับคุณลู่เข้า ทำไมเราไม่ไปด้วยกันล่ะคะ? ยิ่งมีคนมากขึ้น มันจะยิ่งสนุกมากขึ้นนะ”

ซูโย่วอี๋อยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อถึงเวลา 12.00 น. เสียงระฆังก็ดังขึ้นและดอกไม้ไฟก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ตูม

ดอกไม้ไฟจำนวนมากระเบิดออก

สร้างภาพตระการตาราวกับทางช้างเผือก

ก่อนย้อมน้ำทะเลเป็นสีส้ม

เมื่อดูจากระยะใกล้ ทำให้ซูโย่วอี๋ตกตะลึงจนตาพร่า

แสงไฟฉายตกกระทบบนใบหน้าของหญิงสาวแล้วเธอก็เผลอยกยิ้มออกมา

ลู่เฉินเดินไปหาซูโย่วอี๋ท่ามกลางฝูงชนและยืนข้างเธอเงียบ ๆ

“สวยไหม”

“อื้ม สวยมากเลยค่ะ”