ตอนที่ 191 เฮ้อ ยากจะฆ่าเซียนจินจริงๆ (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 191 เฮ้อ ยากจะฆ่าเซียนจินจริงๆ (1)
หากเขาสามารถหาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ได้ทันเวลา ก็อาจไม่จำเป็นต้องใช้ไพ่ตายถึงหนึ่งในห้าส่วน…

หลี่ฉางโซ่วสูดลมหายใจเข้าลึก และโคจรพลังเซียนในร่าง ขณะที่มีอักขระวนเวียนอยู่รอบกายเขา

มันอิสระ สะอาดไร้สิ่งเจือปน และเป็นธรรมชาติ

ราวกับว่าน้ำทะเลที่อยู่รอบๆ ร่างของหลี่ฉางโซ่วจะหายไปในทันที ชายแขนเสื้อยาวของหลี่ฉางโซ่วปลิวสะบัดเล็กน้อย และเส้นผมยาวที่ถูกมัดด้วยสายรัดก็พลิ้วไหวเบาๆ ไปด้วยเช่นกัน

ขณะที่กำลังจะทำขั้นต่อไป เขาก็หันกลับไปถามว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ไม่รู้ว่า ศิษย์จะขอนามของท่านมาใช้ได้หรือไม่ขอรับ?”

“แน่นอน” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หรี่ตาพลางยิ้ม “เอาเลย”

หลี่ฉางโซ่วจึงทำการคารวะเต๋าให้แล้วรีบไปจัดการทันที

ในอีกด้านหนึ่ง ยามนั้น ค่ายกลกับดักขนาดเล็กสามค่ายกล ซึ่งรู้จักกันในชื่อว่า ‘ห่วงโซ่จักรวาล’ ก็มีพลังวิญญาณไม่เพียงพอและกำลังจะถูกเซียนจินทำลาย ในขณะที่เขาไม่อยากให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสามตัวของเขาได้รับความเสียหาย

เพราะการสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์แบบใหม่นั้น… ต้นทุนสูงยิ่ง

ในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วก็ตัวสั่นก่อนที่ร่างของเขาจะกลายเป็นน้ำ แล้วกลืนหายไปในกระแสน้ำ

จากนั้นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็ชี้มือไปทางด้านหลัง แล้วจู่ๆ ก็มีเก้าอี้ปรากฏขึ้นมา เขาจึงยกชายเสื้อคลุมยาวขึ้นแล้วนั่งลงด้วยท่าทางราวกับกำลังเพลิดเพลินชมการแสดงสนุกๆ อยู่

เจดีย์วิจิตรเทียนตี้เสวียนหวงนี้ ถูกสร้างขึ้นมาจากพลังปราณของพระมารดาเสวียนหวงเพื่อให้เหล่าจื้อ[1]แห่งสามปรมาจารย์ซันชิง

เมื่อเหล่าจื้อได้รับการชำระล้างให้บริสุทธิ์และขึ้นเป็นจอมปราชญ์เทพ ทว่าเพราะขาดโอกาสหรือโชคชะตาที่จะเป็นจอมปราชญ์เทพไปหนึ่งอย่าง จึงไม่อาจเป็นได้ ครั้นเมื่อเขาได้รับบุญจากการก่อตั้งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ซึ่งเต๋าสวรรค์ได้ประทานบุญแห่งการชำระล้างให้บริสุทธิ์แก่เขามากเกินไป เหล่าจื้อไม่อยากให้บุญเหล่านั้นแปดเปื้อนจนเสียไป เขาจึงถ่ายเทบุญส่วนใหญ่นั้นไว้ในเจดีย์นี้

และตั้งแต่นั้นมา การวางเจดีย์นี้ไว้เหนือศีรษะ จะทำให้คนผู้นั้นเป็นผู้อยู่ยงคงกระพันไร้ต้าน ความจริงแล้วมันเป็นสมบัติล้ำค่าที่อยู่ในระดับเดียวกับชุด ‘เบิกสวรรค์’ สามชิ้นที่มี ธงผานกู่ แผนภาพไทจี๋ และระฆังจักรพรรดิบูรพา!

ด้วยภาพเงาของเจดีย์วิจิตรเทียนตี้เสวียนหวงที่คุ้มกายหลี่ฉางโซ่ว ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูจึงไม่ห่วงเรื่องความปลอดภัยของหลี่ฉางโซ่วแต่อย่างใด และไม่กลัวว่าเพราะความประมาทของเขา จะทำให้ต้องสูญเสียผู้ที่เขารอคอยมาเนิ่นนานหลายแสนปี… ศิษย์น้องผู้เก่งกาจคนนี้…

ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ยังคงเฝ้าระวังอยู่กว่าเก้าส่วน

เพราะปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้บอกเขาว่า ยังมีเงื่อนไขเบื้องต้นเช่น ‘สมบัติวิญญาณเซียนเทียน’ และ ‘เซียนต้าหลัวจิน’

ต่อให้มีปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อยู่ข้างกาย แต่เขาก็กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นหาก จู่ ๆ ยุงดุร้ายที่สามารถดูดซับบุญสามระดับจากบงกชบุญระดับสิบสองได้ เข้าโจมตีเขา?

ดังนั้น ตอนที่หลี่ฉางโซ่วรีบไปหาอ๋าวอี่ เขาก็คิดวางกลยุทธ์การต่อสู้หลายอย่างเอาไว้ในใจด้วยมุ่งหมายจะยุติศึกสู้ครั้งนี้อย่างรวดเร็ว…

ขั้นแรก

สร้างสถานการณ์ให้วุ่นวาย โดยใช้กลลวงตบตา หลอกล่อศัตรู เปลี่ยนเท็จเป็นจริง แสร้งทำอ่อนแอให้ตายใจ ทำให้สับสนระหว่างจริงและเท็จ

หลี่ฉางโซ่วเพ่งจิตไปที่การควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสี่ในขณะที่ร่างหลักของเขาพุ่งปรี่ไปปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าอ๋าวอี่

เขาหันศีรษะเล็กน้อยไปมองอ๋าวอี่ ซึ่งได้รับการปกป้องจากตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หญิงชรา เสียงสงบของเขาแผ่ออกไปให้ได้ยินทั่วทุกที่ขณะเอ่ยออกมาว่า “ข้า ปรมาจารย์เต๋าน้อยเสวียนตูได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาทให้มาที่นี่เพื่อช่วยองค์ชายรอง หือ – เจ้าปีศาจเป็นใคร มาจากที่ใด? เร็วเข้า ยังไม่รีบออกมามอบตัวอีก!”

เสวียน เสวียนตู… ปรมาจารย์เต๋าน้อย?

ทันใดนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่ซ่อนตัวและนั่งดูการแสดงนี้อยู่ในที่ลับก็เอนหลังและหัวเราะหนักจนแทบจะพลิกคว่ำลงไปพร้อมกับเก้าอี้ทันที

ขณะนั้นปรมาจารย์เผ่าทะเลที่เป็นเซียนจินปลอม ซึ่งรีบรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พลันหยุดชะงัก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อเบิกตากว้างกวาดมองหลี่ฉางโซ่วขึ้นลง…

ปรมาจารย์เผ่าทะเลผู้นี้สามารถมองทะลุผ่านภาพลวงตาได้ด้วยตาเปล่า และมองผ่านวิธีการแปลงร่างได้ ซึ่งสิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นก็คือ ใบหน้าของชายวัยกลางคน

ทันทีหลังจากนั้น คลื่นอักขระเต๋าก็พุ่งออกมาจากร่างของหลี่ฉางโซ่ว และกลิ่นอายลมปราณที่น่าทึ่งบางอย่างก็พุ่งลงสู่ทะเล แต่พวกมันก็เงียบสงบลงไปทันที…

เซียนเทียนหรือ?

เป็นระดับต้นหรือ?

อ๋าวอี่สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งระหว่างศัตรูและสหายร่วมกลุ่มของเขาที่แตกต่างกันได้ในทันที จึงรีบกล่าวออกมาว่า “สหายเต๋า โปรดมาซ่อนตัวกับข้า!”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มเฉยชา เขาไม่สนใจรองเจ้าสำนักเยาว์วัยผู้กระตือรือร้น และยังคงเปล่งเสียงกล่าวต่อไป

“ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ รีบถอยออกมาเร็วเข้า”

ในเวลานั้น หญิงชราและตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสามตัวที่เพิ่งสกัดกั้นปรมาจารย์เซียนจินด้วยค่ายกลเวทขนาดเล็ก ก็ทำการคารวะเต๋าให้หลี่ฉางโซ่วและกล่าวว่า “น้อมรับคำสั่ง”

จากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสี่ก็ใช้หลีกลี้วารีเร้นกาย แล้วกลายเป็นสายน้ำ แยกสายกันไปในสองทิศทางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหายไปในทันที

ขณะนั้นเอง ทันทีที่เซียนจินปลอมของกองทัพกบฏแห่งเผ่าทะเลได้สติ เขาก็จ้องมองหลี่ฉางโซ่วและแผ่พลังกดดันแห่งเซียนจินออกมาเพื่อพยายามกำราบเขา

แต่ความจริงแล้ว พลังกดดันของเซียนจินผู้นี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อหลี่ฉางโซ่วมากนัก

อย่างไรก็ตาม เมื่อหลี่ฉางโซ่วได้วางกลยุทธ์สำหรับสู้ศึกนี้แล้ว หากไม่มีเหตุผิดพลาดใดๆ เขาย่อมดำเนินการไปตามแผนได้จนจบ

เขาระงับลมปราณแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย บัดนี้ เขาดูไม่ต่างจากเซียนเทียนระดับต้น

จู่ๆ อ๋าวอี่…ก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที…

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้ติดยันต์สีทองทั้งสองแผ่นเอาไว้ที่แขนของเขาแล้ว…

ยันต์พลังเซียน เมื่อใช้ยันต์นี้แล้ว ก็จะสามารถระเบิดพลังเซียนออกมาได้ในทันที รวมพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง และเพิ่มพลังเวทขึ้นได้อย่างมาก

นอกจากนี้ หลี่ฉางโซ่วยังแอบใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่มีคำว่า ‘สูงสุด’ สองสามตัวที่เขาไม่ยังเคยใช้มาก่อน

‘สูงสุด’ หมายถึงมีความสามารถขั้นสูงสุด

ในเวลานั้น เซียนจินปลอมของกองทัพกบฏแห่งเผ่าทะเลก็เยาะเย้ยและก่นด่าว่า “เป็นแค่เซียนเทียนเท่านั้น ช่างรนหาที่ตายจริงๆ!”

“ฮ่าฮ่า! เจ้าปีศาจหน้าโง่!”

หลี่ฉางโซ่วเงยหน้าขึ้นและหัวเราะเสียงดังก่อนจะผลักอ๋าวอี่ลงไป แล้วแอบจัดการใช้โอสถพิษเพลิงหัวใจสัมผัสเซียนรับรู้อย่างลับๆ ด้วยการใช้มือซ้ายโรยผงสีขาวแล้วร้องตะโกนว่า “หนึ่งอึดใจ!ให้สามขุ่น!”

และพร้อมด้วยเสียงร้องดังนั้น ร่างของหลี่ฉางโซ่วก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาว

ทันทีที่หมอกสีขาวปรากฏขึ้น สัมผัสเซียนรับรู้โดยรอบที่ตรวจจับเขาก็ถูกปิดกั้นออกจากภายนอกในทันที

ในเวลาต่อมา ภายในหมอกนั้น ก็มีร่างสี่ร่างปรากฏตัวออกมาจากหมอกขาว พวกเขาใช้เวทลวงตาร่วมกัน ทั้งหมดล้วนเป็นเซียนเทียนระดับต้นที่ดูธรรมดา แต่ละคนต่างก็ถือจานเวทค่ายกลขนาดเล็ก!

ณ ลานแห่งนั้น ขณะนี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กำลังยิ้มและปิดตาด้วยไม่อาจทนมองดูพวกเขาได้

ปรมาจารย์เต๋าน้อยเสวียนตูแปรเปลี่ยนสามขุ่นได้ในอึดใจเดียว…

นั่นคือ อัจฉริยะแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน!

บัดนี้ พลังเวทในการสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์กลายเป็นสิ่งวิเศษสุดเพราะคนผู้นี้!

ในขณะนั้นดวงตาของอ๋าวอี่เต็มไปด้วยความตกใจ…

ว่ากันว่า พลังเวทสามบริสุทธิ์ของจอมปราชญ์เทพไท่ชิงเป็นพลังเวทที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า จอมปราชญ์เทพไท่ชิงได้จำแลงกายมาเป็นจอมปราชญ์สามคนโดยตรง และแน่นอนว่า ย่อมไม่เป็นปัญหาที่เขาจะกวาดล้างโลกบรรพกาล!

เช่นนั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่า ‘หนึ่งอึดใจ ให้สามขุ่น’ … เป็นวิชาลับของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน?

ผู้ที่ตระหนกตกใจมากที่สุดก็คือ ศัตรูของหลี่ฉางโซ่วซึ่งเป็นเซียนจินปลอมแห่งเผ่าทะเล

ในขณะนั้น เซียนจินปลอมก็จ้องเขม็งไปที่ร่างทั้งสี่ของหลี่ฉางโซ่ว และเกิดความสงสัยขึ้นในใจ…

ทว่าจิตใจของเขาได้รับผลกระทบจากเลือดชั่วร้ายที่อยู่ในร่าง จึงไม่ถอยกลับเพียงเพราะความตกใจ ยิ่งไปกว่านั้น หลี่ฉางโซ่วก็ไม่รอให้คนผู้นั้นทำอะไรได้ทัน ฉับพลันนั้น ร่างทั้งสี่ก็พุ่งไปข้างหน้าทันที!

ขั้นที่สอง

“เปลี่ยนเท็จเป็นจริง แล้วคว้าโอกาส ทำให้อีกฝ่ายสับสน และค้นหาจุดอ่อนของศัตรู!”

“คิดว่ามาหลอกข้าแล้ว ข้าจะกลัวเจ้าหรือ!”

ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด เซียนจินปลอมแห่งเผ่าทะเลพลันรู้สึกกังวลวุ่นวายใจเล็กน้อย… ขณะนี้เขาครุ่นคิดถึงแต่ความไม่ปลอดภัย

แต่น่าแปลก แม้จิตใจของเจ้าปีศาจจะกระวนกระวาย แต่มันกลับยิ่งแสดงท่าทีดุร้ายรุนแรงมากขึ้น มันอ้าปากกว้างและพ่นแสงออกมา

แล้วลำแสงนั้นก็ก่อตัวขึ้นกลายเป็นลูกธนูสีเลือดที่เป็นดั่งห่าฝนธนูในน้ำทะเลที่พุ่งตรงเข้าหาร่างทั้งสี่ของหลี่ฉางโซ่ว!

หลี่ฉางโซ่วยิ้มเล็กน้อย ทันใดนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่อยู่ทางด้านซ้ายก็ยกจานเวทค่ายกลในมือขึ้นแล้วปล่อยลำแสงออกไปหลายสิบสาย และในพริบตานั้น เขาก็เปิดใช้งานค่ายกลเวทพิทักษ์เพื่อสกัดกั้นลูกธนูที่พุ่งเข้ามาได้

แล้วตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อีกสามตัว แต่ละตัวก็โยนจานเวทค่ายกลในมือออกไปทันที กลายเป็นค่ายกลเวทขนาดเล็กสามค่ายกลที่ถูกแบ่งออกเป็นบน กลาง และล่าง!

แม้จะเป็นเพียงค่ายกลเวทขนาดเล็ก แต่พลังวิญญาณของมันก็ไม่อาจคงอยู่ได้นาน แต่ในทันทีที่มันถูกเปิดใช้งานออกมา ก็ยังคงมีพลังอย่างน้อยหกส่วนเมื่อเทียบกับพลังของค่ายกลเวทขนาดใหญ่ต้นกำเนิด!

………………………………………………………………………

[1] บรรพชนไท่ชิง