ตอนที่ 303 เหตุใดจึงมีสิทธิพิเศษ

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 303 เหตุใดจึงมีสิทธิพิเศษ?

เจ้าหน้าที่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าเห็นว่าลูกหมานี้ท่าทางไม่เลว ดูร่าเริงดี ราคาเท่าไหร่ ? ข้าจะซื้อไว้เอง ! ”

เจ้าหนูน้อยบอกราคาแพงลิบ “100 ตำลึง ! ลูกหมาบ้านข้ามีสายเลือดของหมาป่า ท่านดูที่หูของมันสิ ตั้งตรงแถมยังดุเป็นพิเศษ อายุยังไม่ถึงเดือนก็กล้าสู้กับหวงต้าเซียนแล้วขอรับ ! ”

เมื่อเห็นผู้คนที่มาต่อแถวตรงเบื้องหลังของอีกฝ่ายแล้ว เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ไม่แกล้งเขาอีก “100 ตำลึง เจ้าช่างกล้าเรียกราคา ! ข้าคิดว่าเจ้าไม่อยากขายจริงมากกว่า ? เอาเถิด เข้าไปได้ ! หวังว่าจะมีคนยอมซื้อ…ลูกหมาป่าของเจ้าในราคาร้อยตำลึง ! ”

เจ้าตัวน้อยฉลาดมาก แม้แต่ลูกหมาที่มีสายเลือดหมาป่าก็ยังกล้าสร้างเรื่องมาได้อย่างน่าสนใจ !

พอเข้าเมืองแล้วเจ้าหนูน้อยก็อุ้มเจ้าดำไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างจับมือพี่รองไว้ จากนั้นเขาก็บ่นพึมพำขึ้นมาว่า “พี่รอง เหตุใดเมื่อครู่ท่านไม่ช่วยข้าเลย ? ”

“เพราะข้าเชื่อว่าน้องสี่ของเราจัดการได้ ! ” หลินเว่ยเว่ยไม่ยอมรับว่าเมื่อครู่นางอยากดูละครฉากเด็ดจากน้องชาย

พอเจ้าหนูน้อยได้ยินก็ดีใจขึ้นมาทันใด “พี่รอง พี่รอง ! เมื่อครู่ข้าฉลาดหรือไม่ ร้ายกาจหรือเปล่า ? พวกเราเข้าเมืองมาขายลูกหมา อีกเดี๋ยวตอนออกไปก็บอกว่าลูกหมาขายไม่ออก…”

“คนโง่เขลาเท่านั้นถึงจะซื้อหมาโง่ของเจ้าในราคาร้อยตำลึง ! ” หลินเว่ยเว่ยอุ้มเจ้าดำขึ้นมา เจ้าดำรีบใช้ดวงตาของมันมองนางด้วยความดีใจแล้วแสดงประกายแห่งความสนิทสนมปนความเคารพ

เจ้าหนูน้อยรีบแย่งเจ้าดำกลับมาอุ้มไว้ในอ้อมกอดตามเดิม เขาหันไปมองสิ่งที่อยู่รอบตัวด้วยความอยากรู้อยากเห็น วันนี้บนถนนในเขตเริ่นอันมีผู้คนมากกว่าปกติ พ่อค้าแม่ขายตะโกนเชิญชวนเสียงดังลั่นเพื่อขายสินค้าให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมา

“คุณชายน้อยท่านนี้สนใจแมลงปอไม้ไผ่หรือไม่ ? แมลงปอไม้ไผ่บินได้ไกลมากเลยขอรับ ! แล้วก็ยังมีผีเสื้อสานเหมือนของจริงมากเลย อันละ 1 อีแปะเท่านั้น ! ” ชายชราผู้ดูผ่านความลำบากมาไม่น้อยและอยู่ในเสื้อผ้าเนื้อบาง แค่โดนลมพัดก็หนาวสั่นแล้ว ข้างกายเขายังมีเด็กที่ดูจะอายุน้อยยิ่งกว่าเจ้าหนูน้อยนั่งอยู่ด้วย บนตัวถูกคลุมด้วยเสื้อกันหนาวของชายชราและนั่งมองท่านปู่ขายของอย่างว่านอนสอนง่าย

เจ้าหนูน้อยหยุดลงที่เบื้องหน้าของทั้งสองคนแล้วชี้ไปที่แมลงปอไม้ไผ่ “ท่านปู่ มันบินได้จริงหรือ ? มันจะบินได้อย่างไรกัน ? ”

ชายชรายกแมลงปอไม้ไผ่ขึ้นแล้วปั่นมันในมือเบาๆ ทันใดนั้นแมลงปอไม้ไผ่ก็ลอยขึ้นไปสูงเท่าหลังคาตามแรงที่เขาใช้ เจ้าหนูน้อยและเสี่ยวร่างอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ ท่าทางดูจะตกใจมาก หลินเว่ยเว่ยมีความรู้สึกอยากจะเอามือปิดหน้าตนเอง…เจ้าเด็กโง่ที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกสองคนนี้หนอ !

ต่อจากนั้นเจ้าหนูน้อยก็เงยหน้ามองหลินเว่ยเว่ยแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พี่รอง พวกเราซื้อสักอันได้หรือไม่ ? ”

หลินเว่ยเว่ยแสดงท่าทางราวกับไม่อยากยุ่งเรื่องของเขา “เงินนี้เจ้าเป็นคนหา ดังนั้นเจ้าอยากใช้อย่างไรก็ใช้ ไม่จำเป็นต้องถามข้า ! ”

เจ้าหนูน้อยยังหันไปปรึกษากับเสี่ยวร่าง “พวกเราซื้อไปอันเดียวจะพอเล่นหรือเปล่า ? ซื้อสองอันจะดีกว่าหรือไม่ ? จะได้แบ่งให้พวกเพื่อน ๆ เล่นด้วย แล้วก็ใกล้จะถึงวันเกิดของถู่โต้ว เราซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเขาสักอันก็แล้วกัน”

เสี่ยวร่างพยักหน้ารัวและคิดในใจว่า น่าเสียดายที่วันเกิดของเขาผ่านไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาก็อาจได้ของขวัญเหมือนกัน

เมื่อเด็กทั้งสองปรึกษากันได้พักหนึ่งก็ตัดสินใจจะซื้อแมลงปอไม้ไผ่ 3 อัน แต่แล้วในขณะเดียวกันก็ไม่รู้ว่าเด็กชายในเสื้อกันหนาวขาด ๆ นั้นมาอยู่ข้างกายพวกเขาตั้งแต่เมื่อใด ขณะมองเจ้าดำในอ้อมกอดของเจ้าหนูน้อย เด็กชายก็อยากเอื้อมมือไปจับแต่ก็กลัว จู่ ๆ เด็กชายก็กล่าวออกมาเสียงเบาว่า “พี่ชายทั้งสอง ซื้อผีเสื้อสานสักตัวเถิด ท่านปู่ใช้เวลาสานนานมากเลย ! ”

เจ้าหนูน้อยมองผีเสื้อสานที่เหมือนจริง ก่อนจะตัดสินใจซื้อ 2 ตัว ตัวหนึ่งให้พี่สาวคนโต ส่วนอีกตัวก็ให้พี่รอง ! จากนั้นเจ้าหนูน้อยก็หยิบเงิน 5 อีแปะออกมาจากกระเป๋าแล้ววางมันที่ฝ่ามือของเด็กชาย “ได้สิ เอาผีเสื้อสาน 2 ตัวและแมลงปอไม้ไผ่ 3 อัน ! ”

เด็กชายรีบกำเงินแล้ววิ่งไปหาท่านปู่ของตน “ท่านปู่ขอรับ พวกเราขายของได้แล้ว ! รอให้หาได้ถึง 20 อีแปะเมื่อใด เราก็จะไปซื้อเสื้อกันหนาวที่โรงรับจำนำให้ท่านสักตัว ท่านปู่จะไม่ต้องทนหนาวอีกต่อไป ! ”

ชายชรารับเงินมาเก็บไว้แล้วเอื้อมมือไปลูบศีรษะเจ้าตัวน้อย เสื้อกันหนาวเก่า ๆ ของโรงรับจำนำก็ยังต้องใช้เงินถึง 20 อีแปะ ตลอดสายวันนี้เพิ่งขายได้เงิน 5 อีแปะ ไม่รู้ต้องเก็บจนถึงตอนไหน…

ปีนี้ครอบครัวทั่วไปยังไม่มีเงินซื้อข้าวสารด้วยซ้ำ ไฉนเลยจะเสียเงินอีแปะเดียวเพื่อซื้อของเล่นเหล่านี้ ?

ตอนที่ชายชราส่งแมลงปอไม้ไผ่และผีเสื้อสานให้เจ้าหนูน้อย เขายังแถมผีเสื้อสานให้อีกตัว หลังขอบคุณชายชราคนนั้นแล้ว เจ้าหนูน้อยก็กระโดดโลดเต้นวิ่งตามพี่รองซึ่งเดินอยู่ข้างหน้าด้วยความดีใจ

“พี่รอง ข้าให้ของขวัญท่าน ! ” เขานำผีเสื้อสานยัดใส่มือหลินเว่ยเว่ย “สวยใช่หรือไม่ ? เหมือนของจริงมากเลย ! ”

หลินเว่ยเว่ยยกผีเสื้อสานขึ้นมาดู “ขอบใจ ข้าชอบมาก ! ”

“พี่รอง ข้าวราคาถูกขายที่ไหน ? พวกเราจะต้องถามจากใครสักคนหรือไม่ ? ” เจ้าหนูน้อยยกแมลงปอไม้ไผ่และผีเสื้อสานให้เสี่ยวร่างถือ จากนั้นก็ยกเจ้าดำที่อยู่ในอ้อมกอดขึ้น…เหมือนว่าเจ้าดำจะอ้วนขึ้น รู้สึกหนักขึ้นมาก !

หลินเว่ยเว่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องถาม เพราะตรงไหนมีคนต่อแถวยาวที่สุดก็คือตรงนั้น ! ”

เจ้าหนูน้อยชี้ไปที่ถนนเบื้องหน้าเพราะมีคนต่อแถวยาวแทบสุดถนน “ข้ารู้แล้ว ที่นั่น พวกเรารีบไปกันเถิด…”

“ต่อแถว ไปต่อแถวข้างหลัง ! คนหนึ่งซื้อได้แค่ 20 ชั่ง ! ” ผู้ที่ได้รับคำสั่งให้ดูแลความสงบกำลังลากตัวคนที่คิดจะแซงแถวออกไปต่อยังท้ายแถว

“หืม ? นี่คือชิงเฟิงไม่ใช่หรือ ? ” ขณะมองชายหนุ่มที่เปล่งเสียงจนแทบแหบแห้งผู้นั้น หลินเว่ยเว่ยก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตา หมายความว่า…ร้านนี้ก็เป็นร้านของตระกูลลู่ใช่หรือไม่ ? ก็สงสัยอยู่ว่าหากไม่มีกำลังมากพอ ใครที่ไหนจะมาทำการค้าที่ได้กำไรน้อยเช่นนี้ ?

“ไอหยา ! หลินกู่เหนียง ! คุณชายของข้าน้อยได้ยินเรื่องของหมู่บ้านฉือหลี่โกวและกำลังจะไปหาท่านอยู่พอดี ท่านสบายดีหรือไม่ขอรับ ? ” พอเห็นนางแล้ว ชิงเฟิงก็รีบเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม

หลินเว่ยเว่ยยักคิ้วพลางถามว่า “คุณชายรองของเจ้าก็มาด้วยหรือ ? ”

“มา มาขอรับ ! ” ชิงเฟิงกล่าวพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณชายของเราอยู่ที่เรือนด้านหลังขอรับ หลินกู่เหนียง บัณฑิตเจียงเชิญ…”

เขาหันไปมองชาวบ้านฉือหลี่โกวที่ด้านหลังของหลินเว่ยเว่ย จากนั้นก็พูดกับลูกจ้างผู้ชั่งข้าวสารว่า “ชั่งให้คนในหมู่บ้านเดียวกับหลินกู่เหนียงก่อน ! พวกเขาต้องการเท่าไหร่ก็ขายให้ ! ”

ผู้ที่ต่อแถวอยู่ด้านหน้าจึงไม่พอใจมาก “ไม่ได้บอกว่าต้องต่อแถวหรือ ? เหตุใดพวกเขาถึงแซงได้ เหตุใดจึงมีสิทธิพิเศษ ? ”

ชิงเฟิงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้ารู้หรือไม่ว่ากู่เหนียงท่านนี้คือใคร ? นางเป็นผู้มีพระคุณที่เคยช่วยชีวิตคุณชายของพวกเราไว้ ทำไมหรือ ? เราจะอำนวยความสะดวกให้ผู้มีพระคุณของคุณชายไม่ได้หรือไร ? ถ้าเจ้ามีปัญหาก็ไม่ต้องซื้อ ! ข้าบอกพวกเจ้าตามตรงเลยแล้วกันว่าที่พวกเจ้าได้ซื้อข้าวในราคาถูกก็ต้องขอบคุณกู่เหนียงท่านนี้ ! หากนางไม่ใช่คนของเขตเริ่นอันและเพื่อความสะดวกสบายของนาง ตระกูลลู่แห่งเมืองหลวงไม่มีทางมาตั้งร้านขายข้าวในพื้นที่ทุรกันดารเช่นนี้หรอก”

ไม่พอใจก็ไม่ต้องซื้อ ! ใครง้อเจ้าหรือ !

“พอเถิด พอ! พี่ชิงเฟิง พาข้าไปพบคุณชายของท่านได้แล้ว ! ” บ่าวรับใช้คนนี้อารมณ์ร้ายเสียจริง เห็นจะมีก็แค่คนนิสัยอย่างลู่เหวินจวินเท่านั้นที่จะตามใจบ่าวจนกลายเป็นเช่นนี้ได้

เมื่อเผชิญหน้ากับหลินเว่ยเว่ยแล้ว ชิงเฟิงก็เปลี่ยนสีหน้าทันควัน ใบหน้าของเขากลับมาเปื้อนยิ้มหวานหยด “ได้เลยขอรับ ! กู่เหนียงเชิญตามข้าน้อยมาเถิด ! เมล็ดสนปากอ้าที่คุณชายขนไปคราวก่อนก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า คุณชายเอ่ยปากแล้วว่าจะไปหาท่านเพื่อขอซื้ออีกสักลำเรือขอรับ ! ”