ตอนที่ 193 ปรมาจารย์เต๋าน้อยพร้อมด้วยใบรับรอง (1)
“ปรมาจารย์เต๋าน้อยเสวียนตูหรือ?”
บนเกาะซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่โดดเด่นสะดุดตามากในทะเลทักษิณ ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิง ซึ่งสวมชุดกระโปรงผ้าโปร่งสีแดงโลหิต กำลังนั่งอยู่ในเงามืดของแนวปะการัง นางค่อยๆ ลืมดวงตายาวรีราวตาหงส์ที่เปล่งประกายวิบวับ หรือว่านี่อาจเป็นผู้ที่ทำลายแผนการทำร้ายสำนักตู้เซียนของนางใช่หรือไม่?
แน่นอนว่า นางย่อมได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่ปรมาจารย์เต๋าน้อยเสวียนตูทำลายหุ่นเชิดของนาง ทว่าไม่เพียงเห็นเท่านั้น แต่ในขณะที่พวกเขาทั้งสองประมือกันในระยะประชิด นางยังรู้สึกได้ในยามที่เสี้ยวแห่งจิตของนางในยุงเลือดควบคุมเซียนจินปลอมผู้นั้นอยู่
หากไม่เป็นเพราะอีกฝ่ายออกกระบวนท่าโจมตีรวดเร็วยิ่ง และแปลงกาย มีร่างจริงและปลอมหลอกล่อจนนางงุนงงจนไม่อาจตอบสนองได้ทันเวลา ในยามนั้นนางคงจะส่งเจตจำนงวิญญาณออกไปแล้วรู้ว่า เป็นคนคนเดียวกันใช่หรือไม่
“ทั้งที่ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับเซียนเทียนน่าจะเป็นเช่นมดตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ไยเขาจึงทำลายหุ่นเชิดได้ …”
บัดนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็นึกถึงค่ายกลเวทที่ปรากฏขึ้นมาของอีกฝ่าย และพลังเวทแปลก ๆ ที่เปลี่ยนเป็นพลังสามขุ่น รวมถึงชื่อแปลกๆ ที่ทำให้ผู้คนจินตนาการวุ่นวาย…
แล้วนางก็ค่อยๆ ครุ่นคิดไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย
หรือว่าปรมาจารย์เต๋าน้อยเสวียนตูผู้นี้จะเป็นศิษย์ของบุรุษผู้นั้น?
ไม่เช่นนั้น บุรุษผู้นั้นจะปล่อยให้เขาใช้ชื่อเช่นนี้ง่ายๆ ได้อย่างไร…
นางไม่สนใจว่าเหตุใดสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินจึงเข้ามาแทรกแซงเรื่องของเผ่าทะเล และช่วยเผ่ามังกร รวมถึงฝ่าบาทที่ปรมาจารย์เต๋าน้อยเสวียนตูกล่าวถึงนั้นคือผู้ใด
เพราะคราวนี้ ผู้ที่วางแผนทำร้ายเผ่ามังกรก็คือศิษย์ของผู้อาวุโสจอมปราชญ์ทั้งสอง นางก็เป็นแค่ผู้ช่วยทำงานสกปรก และนางก็ไม่ใช่คนที่วางกับดักลอบโจมตีองค์ชายรองแห่งวังมังกรทะเลบูรพา
หากเป็นนาง ไยนางต้องทำให้ยุ่งยากมากเรื่องด้วยเล่า?
นางเพียงแค่แอบควบคุมองค์หญิงเงือกแล้วปล่อยให้นางจัดการอ๋าวอี่โดยตรง
แต่ขนาดปลุกระดมผู้คนมาจัดการเป็นกองทัพเช่นนี้แล้ว ก็ยังถูกคนทำลายได้อีก
ในขณะที่นางกำลังเม้มปาก ทันใดนั้น ก็มีอักขระเต๋าลอยขึ้นมา แล้วเสียงของนักพรตเต๋าชราก็ดังขึ้นที่ข้างหูของผู้บำเพ็ญเหวินจิงว่า “เหวินจิง ให้หุ่นเชิดของเจ้าเตรียมตัวถอยหนีออกมาก่อน วันนี้มีคนมาก่อปัญหาจนทำลายสถานการณ์แล้ว น่ากลัวว่าจะมีปรมาจารย์คอยแอบช่วยเหลือพวกนั้นอยู่ในที่ลับ”
จากนั้นอักขระเต๋าก็จางหายไป
‘อืม ทั้งคู่เป็นศิษย์ของจอมปราชญ์เช่นกัน แต่ต่างกันมากเกินไป…’
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงมุ่ยปากเล็กน้อยแล้วสั่งหุ่นเชิดเซียนเทียนเผ่าทะเลในใจ จากนั้นก็ไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป
ขณะที่อยู่ในภวังค์ ก็มีม่านน้ำปรากฏขึ้นในใจของนางพร้อมด้วยร่างหนึ่งที่บิดเบี้ยวเล็กน้อยอยู่ด้านหลังม่านน้ำนั้น
แล้วความรู้สึกกังวลกระวนกระวายใจอย่างอธิบายไม่ได้ซึ่งไม่เคยปรากฏขึ้นมาเป็นเวลานาน จู่ ๆ ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเงียบๆ ในใจนาง…
หือ?
ไยข้าจึงมีความคิดเช่นนั้น? หรือว่าข้าจะตกหลุมรักปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่คนนี้เข้าแล้ว?
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ทำใจให้สงบขณะขมวดคิ้วเล็กน้อยและครุ่นคิด แต่ในท้ายที่สุด นางก็เผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์พร้อมด้วยดวงตาฉายแววเย็นชาเล็กน้อย
เลือดของบุรุษผู้นั้นต้องพิเศษไม่เหมือนผู้ใดอย่างแน่นอน
ในเมืองเงือกที่อยู่ในส่วนลึกของทะเลบูรพา ขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วกลับไปยังลานซึ่งเป็นสถานที่ที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูอยู่ เขาเหยียบอยู่บนแผ่นหินที่ทำจากวัสดุที่ไม่รู้จัก ในที่สุด บัดนี้ เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
แม้จะมีเจดีย์เล็ก ๆ คอยคุ้มครองในยามที่ร่างหลักของเขาออกไปต่อสู้ แต่หลี่ฉางโซ่วก็ยังรู้สึกว่า มันเสี่ยงอันตรายเกินไป
หลี่ฉางโซ่วทำการคารวะเต๋าให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็พยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม ในขณะนั้น ดูราวกับว่า เขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ทำให้หลี่ฉางโซวไม่กล้ารบกวน
แล้วหลี่ฉางโซวก็สลายการแปลงร่างและลวงตาทั้งหลาย พร้อมทั้งถอดหน้ากากออกมาเผาด้วยเพลิงสมาธิแท้
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ยกมือขึ้นถูใบหน้าอีกครั้งเพื่อฟื้นคืนรูปลักษณ์เดิมของเขา
ต่อหน้าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ การปลอมตัวเช่นนี้ ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติ
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เริ่มสงสัยว่า เหตุใดโอสถเพลิงหัวใจทั้งสองจึงถูกทำลายในครั้งนี้
ไพ่ตายที่ไม่อาจควบคุมได้อย่างอิสระตามต้องการนั้น หาใช่ไพ่ที่ดีไม่
ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาที่กระบวนการหลอมโอสถ…
ครั้งล่าสุดที่โอสถเพลิงหัวใจแตกสลายอย่างกะทันหัน ก็เป็นเพราะเขาเปิดและปิดการใช้งานมันบ่อยเกินไป เป็นผลให้สัตว์วิญญาณในละแวกใกล้เคียง ล้วนแตกตื่น และทำให้ร่างชราที่บริสุทธิ์ผุดผ่องมานานนับพันปีของท่านอาจารย์ของเขาเกือบต้องถูกทำลาย…
แค่กๆ แค่เกือบ เกือบ
ทว่าครั้งนี้ เหตุผลที่โอสถพิษเพลิงหัวใจได้แตกสลายไป ก็เป็นเพราะคุณสมบัติทางยาของโอสถนั้นถูกใช้หมดไปชั่วระยะหนึ่งแล้วโดยที่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใด เม็ดโอสถได้สูญเสียพลังวิญญาณและสรรพคุณทางยาไปแล้ว จึงทำให้มันถูกทำลาย เป็นเพราะสัมผัสเซียนรับรู้ของเซียนจินแข็งแกร่งมากเกินไปหรือไม่? หรือเป็นเพราะมีสัมผัสเซียนรับรู้ตรวจจับเขามากเกินไปเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้น?
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็แผ่สัมผัสเซียนรับรู้ออกไปสังเกตส่วนต่างๆ ในเมืองใหญ่ และได้คำตอบที่แน่ชัดในทันที…
เห็นได้ชัดว่าเป็นอย่างหลัง
ในเมืองใหญ่ ชั่วขณะนั้น มีเหล่าทหารและกบฏเผ่าทะเลอยู่ไม่ห่างจากสถานที่ที่มีการสู้รบกันเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทว่าบัดนี้ พวกเขากำลัง… ถอดชุดเกราะออกและเปิดเผยตัวเอง แล้วทันใดนั้น ในส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของเมืองก็เกิดความโกลาหลอย่างมาก[1]…
แม้แต่สิ่งมีชีวิตในทะเลที่มีฐานพลังปราณในระดับที่สูงกว่า ก็ยังอยู่ดูผิดแปลกไป เวลานี้ ยังมีแม้แต่ปลาวิญญาณเซียนเทียน สองสามตัวที่คืนกลับสู่ร่างที่แท้จริงแล้วเริ่มมีอาการกระสับกระส่าย ปั่นป่วน…
ภาพการต่อสู้ดุเดือดในเมืองเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้อย่างรวดเร็ว…
มันอาจจะเป็น!
หลี่ฉางโซ่วกระตุกมุมปาก
ก่อนหน้านั้น เขาก็รู้ว่าโอสถพิษเพลิงหัวใจมีผลกระทบต่อสัตว์วิญญาณมากมายหลายเท่านัก
เป็นไปได้หรือไม่ว่า เผ่าทะเลและสัตว์วิญญาณ… มีหลักการเดียวกัน?
“เกิดอันใดขึ้น?” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูสังเกตเห็นเช่นกันขณะที่ขมวดคิ้วและมองดูภาพเหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้มากขึ้นในเมือง
ในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วก็เดินไปที่ด้านหลังปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูแล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มช้าๆ แล้วพวกเขาทั้งสองก็เฝ้าสังเกตสภาพแวดล้อมรอบข้างทั้งหมดพร้อมๆ กัน
หลี่ฉางโซ่วพลันค่อยๆ ตระหนักว่าสิ่งต่างๆ ล้วนเริ่มเลวร้ายลง… อันที่จริง ความสามารถในการควบคุมตนเองของพวกเผ่าทะเลก็อ่อนแอลงเช่นกัน ขณะนี้ มีเหตุผลที่จะบอกว่า เม็ดโอสถแตกและสรรพคุณทางยาก็หายไปแล้ว
อันใดกันนี่… ภายในละแวกไกลนับสิบลี้ มีดอกท้อเบ่งบานสะพรั่งไปทั่วทั้งเมืองและพื้นที่ทั้งเมืองนี้ก็เต็มไปด้วยเนื้อปลา[2]?
ชนเผ่าทะเลเหล่านี้คงเกิดอาการกำหนัดแรงกล้า พุ่งพล่านร่วมสัมพันธ์รักกันใช่หรือไม่?
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หันไปมองหลี่ฉางโซ่วทันที เขารู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกในขณะที่ถามอย่างสงสัยว่า “ฉางโซ่ว… เจ้าแอบไปทำอันใดมา?”
“เมื่อยามที่ศิษย์ต่อสู้กับเซียนจิน ศิษย์ได้ใช้โอสถพิเศษนี้ ขอท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่โปรดดูมันด้วยเถิดขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วไม่กล้าปิดบังใดๆ จึงรีบหยิบโอสถพิษสัมผัสเซียนรับรู้ออกมามอบให้กับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ทันที
จากนั้น เขายังกล่าวอีกว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ โอสถเม็ดนี้คือโอสถพิษสัมผัสเซียนรับรู้ที่ว่านหลินหยุนซึ่งเป็นผู้อาวุโสเซียนเทียนได้สกัดกลั่นขึ้นมา เขาเป็นผู้ศึกษาเต๋าแห่งการหลอมโอสถในสำนักตู้เซียน ศิษย์เพิ่งเติมน้ำพิศวาสซึ่งทำมาจากหนอนกู่พิษรักลงไปเล็กน้อยให้เข้ากับรากฐานของโอสถพิษสัมผัสเซียนรับรู้ที่ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนสกัดกลั่นขึ้นมาขอรับ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูมองดูเม็ดยาอย่างระมัดระวัง แน่นอนว่า เขาย่อมไม่ได้รับผลกระทบจากโอสถเม็ดนี้ ดังนั้นจึงอดหัวเราะออกมาดังๆ อีกครั้งไม่ได้…
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ามันไม่ธรรมดาจริงๆ! ช่างเป็นพรอันประเสริฐของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินยิ่งนักที่ได้มีศิษย์ปีศาจน้อยเจ้าเล่ห์เช่นเจ้าเยี่ยงนี้!” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูกล่าวชื่นชมพลางเก็บโอสถเพลิงหัวใจเอาไว้เสียเองอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นเขาก็ยิ้มและกล่าวว่า “หากเจ้าเกิดมาเมื่อหลายหมื่นปีก่อนหน้านี้ แล้วไยข้าต้องไปรบกวนเทพเฒ่าจันทราอีกเล่า?”
หลี่ฉางโซ่วทำได้เพียงก้มศีรษะลงแล้วฝืนยิ้มแหย ดูเหมือนจะไม่เหมาะสมเล็กน้อยที่จะใช้คำว่า ‘ปีศาจน้อยเจ้าเล่ห์’ กับผู้ฝึกบำเพ็ญที่มีวัยเพียงสองร้อยปีเช่นเขา แต่โชคยังดีที่เขาไม่ถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะน้อยหรืออะไรทำนองนั้น…
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยืนไพล่มือเอาไว้ข้างหลังและกล่าวอย่างสงบว่า “ดูท่าแล้ว คิดว่าพวกกบฏในเมืองจะตกใจกลัวปรมาจารย์เต๋าน้อยจนหัวหด แล้วถอยหนีกลับกันไปหมดแล้ว เจ้าเล่ามาให้ข้าฟังทีว่า เจ้าคิดถึงการใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เลียนแบบพลังเวทของปรมาจารย์ซันชิงได้อย่างไรกัน?
“เรียนท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะฐานพลังปราณของศิษย์อ่อนด้อยเกินไป และยังอยู่ในสถานที่ที่ไม่มั่นคง เต็มไปด้วยอันตรายเฉกเช่นโลกบรรพกาล ดังนั้นนอกเหนือจากการฝึกบำเพ็ญแล้ว ศิษย์จึงต้องคิดหาวิธีป้องกันตัวในยามที่ตกอยู่ในอันตรายขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ท่านประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมแล้ว ยังต้องมากังวลในเรื่องของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินอยู่ทุกวันอีก ดังนั้น จึงเป็นธรรมดาที่ท่านจะไม่คิดถึงกลอุบายเล็กๆ เหล่านี้ขอรับ”
เห็นได้ชัดว่า หลี่ฉางโซ่วกำลังพูดเป็นนัยอะไรบางอย่างอีกครั้ง …ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยิ้มและส่ายศีรษะพลางเอ่ยถามว่า “ดูเหมือนเจ้าจะจงใจให้ปรมาจารย์เต๋าน้อยเสวียนตูสร้างความประทับใจที่ไม่ค่อยดีนักให้กับผู้อื่น ไยจึงทำเช่นนี้เล่า?”
………………………………………………………………….
[1] ด้วยโอสถของหลี่ฉางโซ่วที่กระตุ้นกำหนัด พวกเขาจึงต้องการมีร่วมอภิรมย์กัน แล้วถอดชุดเกราะออก เผยร่างเปลือยเปล่าเพื่อกระทำตามต้องการ
[2] หมายถึง มีคนร่วมอภิรมย์กันทั่วทั้งเมือง และพวกเขาก็ทำเรื่องน่าอายนั้นกันอย่างโจ๋งครึ่มเต็มไปหมด