บทที่ 181 นี่จะให้ข้าขาดอากาศตายหรือ!

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 181 นี่จะให้ข้าขาดอากาศตายหรือ!
ครั้นเห็นเขาไม่มีความคิดเห็น โจวกุ้ยหลานก็นอนลง กอดเจ้าก้อนน้อยนอน

ทั้งสองคนสนทนากันพักหนึ่งแล้วโจวกุ้ยหลานก็ผล็อยหลับไป

ทว่าตกดึกกลับรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย นางจึงสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมา เห็นตัวเองถูกสวีฉางหลินกอดอยู่ในอ้อมอก หน้าผากแอบอิงอยู่กับบ่าของเขา

มิน่าล่ะถึงอึดอัด…

โจวกุ้ยหลานแอบขยับศีรษะตนเองไปด้านหลัง ทว่ามือที่อยู่บนศีรษะกลับไม่ขยับเขยื้อนราวกับทองแดงดั่งเหล็ก

ตาคนนี้ไม่รู้อย่างไรสิน่า ขนาดหลับไปแล้วยังมีแรงเยอะขนาดนี้อีก

เพื่อชีวิตน้อยๆ ของตัวเอง โจวกุ้ยหลานยื่นมือออกไปแกะมือของสวีฉางหลิน แต่น่าเสียดายที่ไม่กระดิกสักนิด

โจวกุ้ยหลานโมโหยิ่ง เปลี่ยนเป้าหมายไปที่เอวของเขา หยิบแรงๆ ทีหนึ่ง แต่ผลลัพธ์คืออีกฝ่ายปราศจากปฏิกิริยาใดๆ

ฮึ่ย!

นางจะอึดอัดตายอยู่แล้ว! ต้องทำอย่างไรเขาถึงจะตื่นเนี่ย! หายใจไม่ออกแล้วนะ!

โจวกุ้ยหลานแอบไถลลงข้างล่างนิดหนึ่ง พยายามขยับตัวไปด้านหลังอีกนิด ดึงระยะห่างได้ไม่น้อย หายใจได้สักที นางกระหืดกระหอบคำโต

“นี่จะให้ข้าขาดอากาศตายหรือ!” โจวกุ้ยหลานอัดอั้นบ่นไปประโยคหนึ่ง

พยายามหอบหายใจ จากนั้นนางจึงพบว่าขาของตนเองยังเกยอยู่กับขาของสวีฉางหลิน จึงลอบเก็บกลับมาเงียบๆ

บุรุษด้านบนยังคงหลับตาอยู่ รับรู้กิริยาของภรรยาตัวน้อย มุมปากยกยิ้มนิดๆ ทว่ายามนี้ภรรยาหายใจรดตัวเขา ทำให้เขายิ่งอยากกดนางลงอยู่เบื้องล่างแน่นๆ…

ขณะกำลังคิดก็รู้สึกว่ามือของภรรยาตนยื่นมาตรงเอว เขาพลันตัวแข็งทื่อ ลืมตา ก้มหน้ามองภรรยาตัวน้อยที่กำลังลูบไล้กล้ามตรงเอวของเขา

โจวกุ้ยหลานได้สัมผัสความยืดหยุ่นที่ส่งมาจากมือ อิ่มเอมใจได้อีกระยะ

ไอ้หยา สัมผัสนี่ยังดีเหมือนเดิมเลย สมกับที่เป็นผู้ชายที่นางเลือก

ไม่รู้ว่าเขาฝึกกล้ามเนื้อนี่อย่างไรกันสินะ

บิดอีกสองทีนางก็ดึงมือกลับ มองสีของท้องฟ้า อื่ม ยังดึก นอนๆ พรุ่งนี้ยังมีงานต้องทำ

นางพลิกตัวจากนั้นก็หลับต่อ

สวีฉางหลินลืมตาขึ้น สายตาที่มองโจวกุ้ยหลานไม่พอใจอย่างยิ่ง

ไม่ใช่ว่าสนุกกับการลูบหรือ ไยไม่ลูบแล้วเล่า?

ร่างกายร้อนจนกระวนกระวาย แต่พอคิดว่าพรุ่งนี้นางยังต้องเหน็ดเหนื่อยอีกวัน จึงพยายามข่มความร้อนที่ทะยานขึ้นเมื่อครู่ แล้วเอื้อมมือไปกอดภรรยาให้อยู่ในอ้อมแขนแน่นๆ

โจวกุ้ยหลานสะลึมสะลือรู้สึกไม่สบายตัว อยากดิ้น แต่จนใจด้วยมือที่กำลังกอดนางอยู่ไม่ขยับ

“สวีฉางหลิน! เจ้าทำอย่างนี้ข้าจะนอนอย่างไร?”

กดเสียงต่ำเรียกทีหนึ่ง แต่น่าเศร้าที่คนด้านหลังเงียบฉี่

“ไม่รู้ว่าเจ้าหลับอยู่จริงหรือกำลังแกล้งหลับกันแน่!” โจวกุ้ยหลานบ่น แต่พอความง่วงบุกโจมตี นางจึงปล่อยเขากอดไป

ไม่นานนางก็หลับไปอีกครั้ง

แต่สวีฉางหลินทางนี้กลับไม่ได้สบายอย่างนั้น

ตรงจมูกเป็นกลิ่นหอมเรือนกายของภรรยา ในอ้อมแขนเป็นร่างนุ่มนิ่มของนาง ผิวพรรณก็เรียบเนียน กอดจนเขากระสับกระส่าย แต่ก็ไม่อยากละมืออีก ช่างเป็นความทรมานอันหวานชื่นเสียนี่กระไร

เขามุดศีรษะอยู่ตรงท้ายทอยของโจวกุ้ยหลาน หลับตาทั้งคู่ พยายามสงบไฟในตัว

เมื่อไรภรรยาตัวน้อยจะยินยอมสมัครใจให้เขาสุขสมด้วยเสียที?

ไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องให้นางตื่นสายหน่อยอีกดีกว่า

คิดแล้วก็ใช้มือกดตัวของโจวกุ้ยหลานทีหนึ่ง ทางโจวกุ้ยหลานหายใจราบเรียบช้าๆ

ขณะที่โจวกุ้ยหลานตื่นขึ้นมาอีกทีฟ้าก็สว่างโร่แล้ว เจ้าก้อนน้อยก็นั่งตาตื่นอยู่บนเตียงแล้ว

จบกัน!

นางตื่นสายอีกแล้ว!

แถมยังสายกว่าเมื่อวานด้วย นี่มันยอดแย่เลย!

โจวกุ้ยหลานคิด รีบสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว จัดการหวีผมล้างหน้าให้เจ้าก้อนน้อย หลังจากกินอาหารเช้าด้วยกันแล้วก็รีบขึ้นเขา ครั้นเห็นทุกคนกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้นก็รู้สึกละอายใจ

ไม่รอให้นางเอ่ยปาก ผู้ชายคนหนึ่งที่เห็นนางชิงเอ่ยขึ้นก่อน “กุ้ยหลาน เมื่อคืนเหนื่อยอีกแล้วล่ะสิ?”

ครั้นสิ้นเสียง คนอื่นๆ ก็พากันหัวเราะชอบใจ

ต่อให้โจวกุ้ยหลานหนังหน้าหนา ยามนี้ก็เริ่มอยู่เฉยไม่ได้แล้ว ก้มหน้าก้มตาวิ่งไปทางเหล่าไท่ไท่อย่างหมดสภาพ

ไหนเลยจะคิด เสียงใสของสวีฉางหลินที่อยู่ข้างๆ กลับดังขึ้น ”ทำงานเถอะ นางอาย”

นี่ถือเป็นการยอมรับแล้วไหม!

โจวกุ้ยหลานถลึงตาใส่สวีฉางหลินหนักๆ ตาคนนี้กลับหยอกนางเรื่องพรรค์นี้กับคนอื่น! คิดว่าหนังหน้านางหนาเหมือนเขาหรืออย่างไร?

คนด้านข้างเมื่อได้ยินคำพูดของสวีฉางหลินแล้วก็เก็บอาการหัวเราะ ทว่ากลับมีรอยยิ้มชนิดรู้ดีอยู่แก่ใจอยู่บนใบหน้า ชายที่อยู่ข้างตัวตบบ่าสวีฉางหลิน “สหาย คนหนุ่มก็ต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจนะ”

ยับยั้งชั่งใจกับผีสิ!

โจวกุ้ยหลานกัดฟันกรอด แทบอยากกัดสวีฉางหลินให้ตาย

ตาคนนั้นกลับกล้าพูดเรื่องพรรค์นี้กับคนอื่นเป็นครั้งที่สอง! รนหาที่ตายชัดๆ!

ประเดี๋ยว เอาไว้ไม่มีคนก่อนนะ ดูสินางจะจัดการเขาอย่างไร!

“ท่านแม่ ยับยั้งชั่งใจอะไรหรือ?” เจ้าก้อนน้อยฉงนฉงาย แหงนหน้ามองโจวกุ้ยหลานแล้วถาม

ใบหน้าโจวกุ้ยหลานแข็งทื่อ อธิบายความเป็นไปไม่ออกชั่วขณะ

“เสี่ยวเทียน เรื่องนี้เจ้าไม่รู้เรื่องหรอก เอาไว้ช้างน้อยเจ้าเติบใหญ่แล้วก็จะเข้าใจเอง!”

คนทำงานที่อยู่ด้านข้างยิ้มตาหยีเอ่ยกับเสี่ยวเทียน

นี่คือพูดเรื่องสัปดนต่อหน้าลูกชายของนางหรือ?

สวีฉางหลินที่อยู่ด้านข้างตบบ่าอีกฝ่าย เอ่ยอย่างเป็นมิตร “ถ้าไม่ทำงานอีก จะหักค่าแรงนะ”

“หา? ไอ้หยา ข้าแค่ล้อเล่น เจ้าคิดเป็นจริงเป็นจังไปได้ จะเอาใจลูกเมียก็ไม่ทำกันแบบนี้กระมัง?” ว่าแล้วชายคนนั้นก็หาบดินเดินออกไปข้างนอก

ครั้นคนอื่นที่อยู่ละแวกนั้นได้ยินเขาว่าเช่นนี้ ก็รู้ว่าพวกเขาหยอกล้อเกินเลยไปแล้ว ดังนั้นจึงสงบเสงี่ยมแล้วรีบทำงานในมือ

โจวกุ้ยหลานเบะปาก นับว่าเขายังรู้จักคิด มิเช่นนั้นคืนนี้ก็อย่างฝันจะได้ขึ้นเตียงเตาเลย!

นางยังไม่ได้คิดบัญชีที่เมื่อคืนเกือบทำนางขาดอากาศหายใจเลยนะ!

นางช่วยเหล่าไท่ไท่ต้มน้ำชา ล้างถ้วยให้พวกเขาดื่มน้ำชา ต้มน้ำต้มซุปนิดหน่อยให้พวกเขาชิมเป็นพักๆ รอจนช่วงกลางวันต่างคนต่างกลับไปทำกับข้าวที่บ้านแล้ว โจวกุ้นหลายและครอบครัวจึงกลับบ้าน

ครั้นเข้าประตูบ้าน โจวกุ้ยหลานก็ลากแขนของสวีฉางหลินไปทางห้องของตัวเอง ปากยังกำชับกับเหล่าไท่ไท่ว่า “ท่านแม่ อาหารกลางวันนี้ท่านทำกับหลิวเซียงนะ ข้ามีบัญชีต้องคิดกับสวีฉางหลิน”

“ได้ พวกเจ้าค่อยๆ คิดไปเถอะ อย่าคิดผิดเล่า ใช้จ่ายเท่าไรต้องลงบันทึก!” เหล่าไท่ไท่ตะเบ็งเสียงบอก

โจวกุ้ยหลานกัดฟันตอบ “ข้ารู้แล้ว!”

กล่าวจบก็พาสวีฉางหลินมาที่ห้องของตัวเอง คล้องประตู ครั้นหมุนตัวก็เห็นสวีฉางหลินกำลังก้มมองนางอยู่ ชิดนางมาก

“ชิดขนาดนี้ทำไม? รีบออกไปเลย!” โจวกุ้ยหลานเอ่ย ยื่นมือผลักสวีฉางหลิน

แต่ด้วยกำลังของนาง ไหนเลยจะเป็นคู่ปรับของสวีฉางหลิน? สวีฉางหลินไม่ขยับสักนิด

“เจ้าจะพูดอะไรกับข้า?” สวีฉางหลินจับมือน้อยๆ ที่กำลังผลักเขาของโจวกุ้ยหลาน ใช้มือใหญ่ของตัวเองละเมียดลูบไล้

ท่าทางใกล้ชิดเช่นนี้ ทำจนโจวกุ้ยหลานพลันหน้าแดง แต่พอนึกถึงเรื่องในหลายวันนี้แล้ว ไฟโกรธก็ทะลักขึ้นมาอีก

บทที่ 180 เอาแต่ทำข้าโกรธ!

บทที่ 182 เฝ้ายามกลางคืน