เริ่มแรกนั้นทั้งคู่จะกระตุกหน่อย ๆ แต่บางทีต่างคนต่างคิดว่าเป็นคนในใจคนนั้นหรือเปล่า จากนั้นไม่นานอุณหภูมิในร่างกายก็ค่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ และต่างคนต่างก็หยุดอารมณ์ไว้ไม่ได้
ในตอนแรกฮั่วชิงชิงค่อยๆ แลบลิ้นของเธอออกมา เนื่องจากเธอมายั่วยวนแบบนี้ เหมือนเป็นการจุดไฟสวาทในตัวของหันจื่ออี้ยังไงอย่างนั้นแหละ เขาก็เปลี่ยนไปเป็นฝ่ายรุกทันที และเขาเริ่มบดขยี้เรียวปากเธออย่างเร่าร้อน
เดิมฮั่วชิงชิงกำลังนั่งอยู่บนเตียง และหันจื่ออี้ก็นั่งอยู่ข้าง ๆเธอ
มุมนี้จูบกันค่อนข้างลำบาก ทันใดนั้นหันจื่ออี้ก็อุ้มฮั่วชิงชิงจากเตียงแล้วมาวางไว้บนตักของตัวเอง
มือของเขาจับไหล่ของเธอค่อย ๆเลื่อนลงมาจนหยุดอยู่ที่ช่วงเอวของเธอ จากนั้นร่างของเขาเบียดชิดเข้ากับร่างของเธอทุกขณะ
กลิ่นแอลกอฮอล์กระจายไปทั่วปาก และหันจื่ออี้ซึ่งเดิมไม่ได้เมาในขณะนี้ ก็ตกอยู่ในภวังค์อย่างสมบูรณ์จนไม่สามารถแยกแยะอะไรได้
ฮั่วชิงชิงนั่งอยู่บนตักของเขา และการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติในร่างกายของเขาควบคุมอะไรไม่ได้นอกจากสัมผัสเรือนร่างของเธอไม่หยุด
เธอครางเบา ๆ และเขาก็อดไม่ได้ที่จะครางออกมาเช่นกัน
ร่างกายของพวกเขาแนบชิดสนิทกันจนแทบจะเป็นร่างเดียวกันอยู่แล้ว หันจื่ออี้พลิกตัวและฮั่วชิงชิงก็หมดเรี่ยวแรงล้มลงบนเรือนร่างเขาอัตโนมัติ
ผิวของเธอนุ่มเนียนน่าลูบไล้ ความรู้สึกปรารถนาถูกกระตุ้นทำให้เขาบ้าคลั่งจนเลือดในกายมันเดือดพล่าน
เขาอดไม่ได้ที่จะพลิกตัวกลับมากดเธออยู่ใต้เรือนร่างของเขาและจูบริมฝีปากนุ่มนั้นต่อไป
เสื้อผ้าของพวกเขาค่อย ๆ หลุดออกทีละชิ้น จนกระทั่งเรือนร่างของทั้งสองคนเปลือยเปล่า
ฮั่วชิงชิงรู้สึกเวียนหัวจาการถูกจูบอย่างเร่าร้อน เธอหลับตาและตอบสนองต่อหันจื่ออี้ แก้มของเธอแดงระเรื่อ หน้าอกของเธอก็ขยับขึ้นตามอารมณ์ความปรารถนา และร่างกายของเธอก็อ่อนระทวยจนไม่สามารถต้านทานได้
แม้ว่าในห้องจะมีฮีตเตอร์ แต่ว่าเมื่อหันจื่ออี้ถอดผ้าออกจนหมด เขาก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นเล็กน้อย
ความหนาวเย็นนี้ทำให้สติของเขากลับมาอีกครั้ง เขาก้มหน้ามองดูและเมื่อเขาเห็นฮั่วชิงชิงอยู่ใต้เรือนร่างของเขา เขาก็ตะลึงงันไปในทันที
ดูเหมือนว่าเมื่อกี้นี้เขาคิดว่าเธอเป็นหลานเสี่ยวถาง ……
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเขาคิดว่าเธอเป็นหลานเสี่ยวถางเมื่อเจ็ดปีก่อน ……
แต่อย่างไรก็ตาม ความจริงก็ยังคงเป็นความจริง ไม่ว่าเขาจะหลอกตัวเองมากแค่ไหน เขาไม่สามารถเอาอะไรกลับคืนมาได้อีกแล้ว
บางทีอาจเป็นเพราะเมื่อกี้นี้อารมณ์มันพาไป เขารู้สึกว่าร่างกายส่วนล่างของเขาบวมและเจ็บปวดมาก แม้ว่าเขาจะได้สติกลับคืนมา แต่อารมณ์ความปรารถนาของเขาก็ยังคงเดือดพล่านจนเขายากจะหักห้ามได้
เขามองฮั่วชิงชิงที่อยู่ใต้เรือนร่างของเขา แก้มของเธอแดงก่ำและริมฝีปากของเธอก็ เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ยั่วยวนใจ บางทีอาจเป็นเพราะว่าเขาหยุดกะทันหัน เธอจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น และมองเขาด้วยแววตาที่งุนงงสงสัย
ท่าทางงุนงงนั้นยิ่งทำให้ยั่วยวนใจอย่างมาก
เขาเชื่อว่าเขาสะอาดและมีสติสัมปชัญญะอยู่เสมอและมีความพากเพียร แต่เมื่อเขาเห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของฮั่วชิงชิง เขาก็รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว และเลือดในกายของเขาเดือดพล่านอย่างควบคุมไม่ได้
เขาต้องการเธออย่างมาก ด้วยความปรารถนาและความต้องการทางร่างกายตามสัญชาตญาณของผู้ชาย
แต่……
หันจื่ออี้กลืนน้ำลายสองสามครั้งและบังคับตัวเองให้สงบลง
หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยพบกับสิ่งล่อใจใด ๆ มีอยู่หลายครั้งตอนที่เขาพักอยู่ในโรงแรมนั้นได้มีผู้หญิงสวมแค่ชุดคลุมบาง ๆมาเคาะอยู่หน้าประตูห้องพัก
แต่อย่างไรก็ตาม เขาจะนึกถึงหลานเสี่ยวถางตลอด ดังนั้นเขาจึงผ่านพ้นเหตุการณ์เหล่านั้นมาได้
เมื่อพูดออกมาเกรงว่าคนอื่นต้องหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน นี่เขาอายุ 27 ปีแล้ว ยังเป็นผู้ชายที่เวอร์จิ้นอยู่เลย ……
หันจื่ออี้ค่อย ๆลุกออกห่างฮั่วชิงชิงทีละเล็กทีละน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะรับรู้บางอย่างผิดปกติ และเธอก็รั้งเขาไว้ด้วยน้ำเสียงยั่วยวน: “สีเกอ สีเกอ คุณจะไปไหน?”
“ผมจะไปอาบน้ำ” หันจื่ออี้หยุดมองฮั่วชิงชิง เพราะกลัวว่าจะมีบางสิ่งที่ควบคุมไม่ได้เกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงหันหลังและเดินไปที่ห้องน้ำทันที
ด้วยความกังวลกลัวว่าฟู่สีเกอพวกเขาจะคอยเป็นเวลานาน เขาจึงรีบเร่งอาบน้ำเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายของเขากลับสู่สภาพเดิมแล้วจึงรีบเช็ดตัวแล้วเดินออกมา
ในขณะนี้ ฮั่วชิงชิงหลับไปแล้ว
หันจื่ออี้เดินไปที่เตียงของเธอและเห็นเธอนอนเปลือยกายอยู่ ดังนั้นเขาจึงเดินไปห่มผ้าให้เธอ
เพียงแต่ว่า–
ถ้าพรุ่งนี้เธอตื่นขึ้นมา เธอจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ได้ไหม?
เมื่อนึกขึ้นได้หันจื่ออี้ก็หยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมา จากนั้นก็อุ้มฮั่วชิงชิงและสวมใส่เสื้อผ้าให้กับเธอ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสผู้หญิงแบบนี้ ผิวของเธอนุ่มนวล และลมหายใจอุ่น ๆ ของเธอเริ่มกระตุ้นประสาทสัมผัสความปรารถนาของเขาอยู่ตลอดเวลา
ลูกกระเดือกของเขาขยับสองสามครั้ง และเขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
เขาหงุดหงิดเล็กน้อย และบีบต้นขาของตัวเองอย่างแรงก่อนจะสวมเสื้อผ้าให้กับฮั่วชิงชิงจนเสร็จ จากนั้นก็วางเธอลงบนเตียงแล้วคลุมผ้าห่มให้กับเธอ
เขากำลังจะจากไป แต่จู่ ๆ เธอก็เอื้อมมือออกไปคว้าเขาไว้
รอยยิ้มเอ็นดูผุดขึ้นมาจากริมฝีปากของเธอ น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาด้วยความเมา: “ฉันคิดถึงวันเวลาที่เราใช้ชีวิตร่วมกันจริง ๆ ……”
ก็ไม่รู้ว่าฮั่วชิงชิงได้สติกลับคืนมาหรือยัง หรือว่ายังเมาไม่ได้สติอยู่ แต่เมื่อหันจื่ออี้ได้ยินคำพูดของเธอก็เริ่มตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง
สมองของเขาว่างเปล่า: “ผมก็เช่นกัน”
“อืม–” ฮั่วชิงชิงสูดลมหายใจเข้า ยกตัวขึ้นเล็กน้อยและวางหัวลงบนต้นขาของหันจื่ออี้: “ฉันรู้ว่าฉันกำลังฝันไป ดังนั้นในความฝัน คุณช่วยอยู่เป็นเพื่อนฉันนานกว่านี้หน่อยได้ไหม?”
น้ำเสียงของเธอเบามาก แต่น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอนเและขอร้อง หันจื่ออี้ไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้ชั่วขณะ อีกทั้งเขาก็ไม่สามารถพูดปฏิเสธได้
ความทรงจำ ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะ!
ฮั่วชิงชิงพูดต่อสองสามคำด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ลมหายใจของเธอตกลงไปที่ต้นขาของหันจื่ออี้ ทำให้ร่างกายที่เดือดพล่านของเขาที่หายไปแล้วมันลุกเป็นไฟขึ้นมาอีกครั้ง
“ชิงชิง พอแล้ว ผมจะไปแล้ว” น้ำเสียงของหันจื่ออี้เริ่มแหบแห้ง
“อย่านะ–” ฮั่วชิงชิงรู้สึกว่ามันเป็นเพียงความฝัน และอยากจะทำตามใจของตัวเองดูสักครั้ง
เธอกอดขาของหันจื่ออี้ไว้แน่น แต่เมื่อเธอกอดมัน มือของเธอก็ดันไปโดนบางอย่างที่แข็งโดยไม่ได้ตั้งใจ
ดังนั้นตามสัญชาตญาณความอยากรู้เธอจึงยื่นมือออกไปสัมผัสอีกครั้ง
มันทั้งแข็งและร้อนแปลก ๆ
หันจื่ออี้รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว และรีบคว้ามือของฮั่วชิงชิง เพื่อเอามือที่อยู่ไม่นิ่งของเธอออกไป
แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเธอจะอยากรู้อยากเห็นจริง ๆ เธอทั้งสัมผัสและบีบมันไม่พอยังโน้มศีรษะไปด้านหน้าเพื่อดมดูอีก
ลมหายใจอุ่น ๆ ของเธอส่งตรงไปยังส่วนที่ละเอียดอ่อนที่สุดของหันจื่ออี้ผ่านกางเกง หันจื่ออี้รู้สึกว่าสมองของเขาจะระเบิดทันทีและดวงตาของเขาก็เริ่มแดงก่ำ
“อ้า มันดีดฉัน!” ฮั่วชิงชิงบ่นพึมพำและอยากค้นหาต่อ
ดวงตาของหันจื่ออี้เป็นสีแดง และน้ำเสียงของเขาก็แหบมาก: “ฮั่วชิงชิง อย่าท้าทาย ความอดทนของผมมันมีขีดจำกัดนะ!”
แต่อย่างไรก็ตามฮั่วชิงชิงเมาแล้ว จะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไรกัน
เธอแค่รู้สึกว่าถ้าเธอแตะมัน มันก็จะกระโดดหนึ่งครั้ง ทุกครั้งที่แตะมันก็จะกระโดดแรงขึ้น เธอคิดว่ามันสนุกดี เธอจึงเอนไปข้างหน้าเพื่อดมอีกครั้ง
“ฮั่วชิงชิง!” น้ำเสียงของหันจื่ออี้ดังขึ้น และเมื่อเธอกำลังจะเอนตัวเข้ามาใกล้ เขาก็ดันร่างกายของเธอกลับไปทันที: “ผมก็เป็นเพียงผู้ชายธรรมดา ๆคนหนึ่งเท่านั้นเอง!”
ในขณะที่เขาพูดอยู่นั้น เขาก็เอื้อมมือเพื่อถอดเสื้อผ้าของเธอ แต่เมื่อเขาแตะเสื้อผ้าของฮั่วชิงชิงอยู่นั้น เขาก็หยุดกะทันหัน
เขารีบผละออกจากเธอ เขาหันหลังหนีและเดินจากไปทันที
หันจื่ออี้ไม่ได้กลับไปที่ห้องโถงที่ฟู่สีเกอและคนอื่น ๆ อยู่ แต่ตรงไปที่ห้องของตัวเองแล้วปิดประตูทันที
เมื่อกี้นี้เขาเกือบจะสูญเสียการควบคุมแล้ว และในเวลานี้ร่างกายของเขายังคงบวมและรู้สึกเจ็บปวดอยู่
ถึงกระนั้น เขาก็ยังรู้สึกอยากจะหันหลังกลับไปและอยากทำให้เธอมีความสุขจนหลับไปจริง ๆ
เขาเอนหลังพิงประตู และใช้เวลาอยู่นานก่อนที่เขาจะค่อยๆ ควบคุมไฟในร่างกายของเขาได้
หันจื่ออี้เดินไปที่ห้องรับแขกและเห็นซองบุหรี่อยู่บนโต๊ะ ดังนั้นจึงแกะบุหรี่ออกมาสูบ
เมื่อสมัยที่เขายังเด็ก เขาก็เริ่มสูบบุหรี่เป็นแล้ว
ในขณะนั้น คุณพ่อของเขาทั้งดื่มสุราและเล่นการพนัน และในบางครั้งถ้าคุณพ่อแพ้พนันกลับมาก็ทุบตีเขา ไม่ว่าแม่ของเขาจะอ้อนวอนร้องขอยังไง คุณพ่อของเขาก็ไม่เคยใจอ่อนเลย ตรงกันข้ามในบางครั้งเมื่อคุณพ่อหงุดหงิดก็ตบหน้าคุณแม่ของเขาฉากใหญ่
ในเวลานั้นเขาใช้บุหรี่เพื่อบรรเทาความเครียดของตัวเอง
จนกระทั่งได้พบกับหลานเสี่ยวถาง
อาจกล่าวได้ว่า หลานเสี่ยวถางในเวลานั้นเป็นแสงสว่างในชีวิตของเขา
ครั้งแรกที่เขาเห็นเธอ เขาถูกทุบตีเลือดไหลอาบแก้ม แต่เธอกลับไม่รู้สึกกลัวแล้วพาเขาไปทำแผลซะงั้น
เป็นครั้งแรกที่คนแปลกหน้าคนหนึ่งปฏิบัติต่อเขาอย่างดี และทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ดังนั้นเขาจึงเก็บเธอไว้ในใจตลอด
แม้ว่าในเวลานั้นหลานเสี่ยวถางจะเป็นลูกบุญธรรม เทียบไม่ได้กับหลานเล่อซินที่ทำตัวเหมือนคุณหนูผู้สูงส่ง แต่สำหรับคนอย่างเขาที่ใช้ชีวิตในทางที่ผิดมาโดยตลอด เธอเปรียบเสมือนเจ้าหญิงตัวน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อเขาไปหาเธอและกำลังสูบบุหรี่อยู่นั้น เธอก็สำลักอยู่สองสามครั้งแล้วบอกว่าเธอไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ดังนั้นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่สูบต่อหน้าเธออีกเลย
และตอนนี้……
เขานึกถึงสมัยตอนที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ เมื่อเขาคิดถึงเธอแต่กลับไม่สามารถพบเจอได้ หลังจากที่เขาเลิกบุหรี่ไปแล้วหลายปีและเขาก็กลับมาติดบุหรี่อีกครั้ง
จนกระทั่งกลับประเทศจีนเขาก็เลิกบุหรี่อีกครั้ง
หันจื่ออี้จุดบุหรี่และดูดเข้าไปเต็มปอด ปล่อยให้รสฉุนพุ่งเข้ามาในปอดของเขา แล้วเขาก็ค่อย ๆ พ่นควันออกมา
หลังจากได้รู้ข่าวว่าหลานเสี่ยวถางกำลังตั้งครรภ์ แม้ว่าเขาจะมีความหวังเล็กๆครั้งสุดท้ายมันก็ไร้ประโยชน์
ฟ้าลิขิตไว้แล้วว่าพวกเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กัน และที่มันเป็นไปไม่ได้ก็เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อคุณแม่ของเขาเมื่อเจ็ดปีก่อน!
สำหรับคุณพ่อของเขา เขาบอกได้เลยว่าเขาแทบจะไม่มีความผูกพันอะไรเลย แต่สำหรับคุณแม่ของเขานั้น เขาไม่สามารถลืมช่วงเวลาที่ทั้งสองกอดกันเพื่อมอบความอบอุ่นให้แก่กันในวันที่มืดมนเหล่านั้นได้!
และทุกอย่างก็เป็นเพราะตระกูลฮั่ว! หรือพูดอีกอย่างนั้นก็คือเป็นเพราะคุณพ่อของฮั่วชิงชิง!
เพราะความแค้นนั้นทำให้เขาต้องสูญเสียคุณพ่อและคุณแม่ไปในชั่วข้ามคืน และในขณะเดียวกันเขาก็ต้องสูญเสียผู้หญิงที่เขารักไปด้วย!
ตระกูลฮั่วได้ทำลายครอบครัว และความรักของเขา ในขณะนั้นแม้ว่าเขาจะไปประเทศอังกฤษแล้ว เหมือนเขาหลุดออกจากขุมนรกและได้เจอชีวิตใหม่
แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดมันได้สูญเสียไปตลอดกาลแล้ว!
หันจื่ออี้ยืนอยู่ที่หน้าหน้าต่างสูง สูบบุหรี่ทีละมวนอย่างต่อเนื่อง จนในห้องนั้นหายใจไม่ออก แม้แต่เขาเองก็แทบจะหายใจไม่ออก จากนั้นเขาก็เปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศบริสุทธิ์เข้ามา
ความหนาวเย็นอย่างกะทันหันทำให้สมองปลอดโปร่งมาก หันจื่ออี้รู้สึกว่าโทรศัพท์สั่น เขาจึงหยิบขึ้นมาดู
สายที่โทรเข้ามาคือฟู่สีเกอ ฟู่สีเกอถามเขาว่าทำไมเขาไม่กลับไป
เขารีบพูดเฉไฉว่าตัวเองนั้นเวียนหัวเล็กน้อยและผล็อยหลับไป ดังนั้นกดวางสายทันที
ทันทีที่กำลังจะเก็บโทรศัพท์ จู่ ๆหันจื่ออี้ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และคลิกที่กล่องจดหมาย
เขาเปิดดูกล่องจดหมาย และพบอีเมลที่เก่ามากฉบับหนึ่ง และเมื่อคลิกเปิดดูข้างในเป็นรายงานการเสียชีวิตของคุณพ่อและคุณแม่ของตัวเอง
หันจื่ออี้ดูอยู่นานและคิดในใจว่า ในตอนแรกคุณพ่อของฮั่วชิงชิงเป็นคนฆ่าคุณพ่อและคุณแม่ของเขา แต่เขากลับช่วยลูกสาวของฆาตกรไว้
แล้วเขาจะพูดประชดตัวเองทำไม!
เขาดูเมลฉบับนั้นเป็นเวลานาน และมีแสงสว่างในดวงตาของเขาราวกับว่าการต่อสู้ระหว่างด้านมืดกับด้านดีดำเนินไปจนกระทั่งการต่อสู้นี้จบลง
สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจได้