บทที่ 354 เสี่ยวจิ่น ฉันมารับเธอกลับบ้านแล้ว

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

หลานเสี่ยวถางเชื่อในตัวสือสูเฉินมาโดยตลอด ขอเป็นเพียงแค่สิ่งที่เขาพูด โดยส่วนใหญ่แล้วเขาก็มักจะทำมันได้เสมอ

ดังนั้น เธอแทบจะมองไม่เห็นหัวใจแห่งความหวังเลย แต่ในทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่ามันจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง : “ กลอุบายในธุรกิจอย่างนั้นหรอ ?”

“ เสี่ยวถาง ก่อนหน้านี้คุณบอกผมไม่ใช่หรอว่า สิ่งที่โอหยางจวิ้นต้องการนั้นคือผลประโยชน์และมูลค่ามหาศาลที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างทั้งสองวงศ์ตระกูลไม่ใช่หรอ ?” สือมูเฉินก็พูดว่า : “ หรือว่าบริษัทเทคโนโลยีรายย่อยในตอนนี้จะสู้เนื้อหาที่แฝงอยู่ในแบรนด์ออเนอร์ไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามผมยังสามารถที่จะทุ่มสุดตัวเพื่อทำให้มันดีที่สุดให้ และใช้ผลประโยชน์อันมหาศาลที่บริษัทสร้างขึ้นนั้นมาใช้ในการแลกเปลี่ยนและเป็นแต้มต่อให้คุณ ”

เมื่อหลานเสี่ยวได้ยินก็ถึงกับซาบซึ้งและดวงตาก็อดไม่ได้ที่จะร้อนผ่าวขึ้นมา : “ มูเฉิน ถ้าอย่างนั้นคุณจะต้องเสียสละตั้งเท่าไหร่……”

“ เพื่อลูกและคุณ ไม่ว่าจะอะไรมันก็คุ้มที่จะทำ ” สือมูเฉินก็พูดว่า : “ คุณเป็นภรรยาของผม และในท้องของคุณก็เป็นลูกของผม สำหรับผมแล้วพวกคุณเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าผมจะไม่มีอะไรเลย แต่ผมก็สามารถที่จะใช้ความสามารถ เอาชนะทุกอย่างที่สูญเสียไปกลับคืนมาทั้งหมด !”

“ โอเคค่ะ ” ความรู้สึกที่เร้าร้อนของสือมูเฉินก็ทำให้หลานเสี่ยวถางรู้สึกเช่นเดียวกัน และรู้สึกว่าอัตราการเต้นจะค่อยๆเร็วขึ้น พอหยุดไปได้นาทีครึ่ง เธอถึงจะเริ่มพิมพ์ตัวหนังสืออีกบรรทัด : “ มูเฉิน ฉันเชื่อคุณ ”

“ เพราะฉะนั้นอย่าเศร้าไปเลยนะ ” สือมูเฉินก็พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล : “ เรียนรู้ที่จะปล่อยวางจิตใจ ดูแลตัวเองให้ดี ผมทำได้แค่ขอโทษเท่านั้น ในตอนที่คุณไม่สบายและผมไม่สามารถอยู่เคียงข้างคุณได้ ”

หลานเสี่ยวถางก็รีบพูดเลยว่า : “ ไม่เลย ฉันสบายดี สามเดือนก่อนความอยากอาหารไม่ค่อยจะดี ในตอนนั้นคุณก็อยู่เคียงข้างฉันมาตลอด แต่ทว่าตั้งแต่สี่เดือนหลังนี้มา ความอยากอาหารของฉันก็ดีขึ้น แต่ก็ในบางครั้งก็รู้สึกชอบง่วง ก็เลยค่อนข้างจะเหมือนกับแมลงสัปหงกก็เท่านั้นเอง ”

“ ถ้าอย่างนั้นก็พักผ่อนให้ดีๆ นอนเยอะๆ ” สือมูเฉินก็พูดว่า : “ หลับจากนี้ไปผมอาจจะยุ่งมากขึ้น เพราะผมจะยิ่งตั้งใจกับงานของบริษัทมากขึ้น ”

“ อื้ม ฉันรู้แล้ว ” หลานเสี่ยวถางที่มองสือมูเฉินอยู่ในหน้าจอ ในใจก็รู้สึกเต้น จากนั้นก็เข้าไปใกล้และจูบลงไป

เขาดูเหมือนจะงง จากนั้นก็หัวเราะออกมาในทันที ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยแสงและเงาที่สวยงาม : “ ภรรยา มา สามีก็ขอจุ๊บจุ๊บหน่อย !”

ในขณะที่พูดนั้น ก็ขยับเข้ามาใกล้

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทั้งๆที่มีหน้าจอที่เย็นเจี๊ยบนั้นกั้นเอาไว้ แล้วก็ทั้งๆที่ระยะเวลาในการแต่งงานนั้นก็ถือไม่ได้ว่าสั้น หลานเสี่ยวถางก็ยังคงรู้สึกว่า ทันทีที่สือมูเฉินขยับเข้ามาใกล้กล้องหน้าจอนั้น หัวใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้นอย่างพรวดพราด

เช่นเดียวกับเด็กสาวที่ตกหลุมรักครั้งแรก เธอกัดริมฝีปากด้วยความลนลานทำอะไรไม่ถูก

เขาค่อยๆ ออกจากหน้าจอ ใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อ และเธอก็ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขาอยู่สักพัก

“ ภรรยา หลับเช้าหน่อยละ ” สือมูเฉินก็พูด : “ ผมจะพยายามทำให้พวกเราได้เจอกันเร็วขึ้นนะ !”

“ ค่ะ ” หลานเสี่ยวถางก็ยิ้มมุมปาก : “ คุณก็ดูแลตัวเองดีๆด้วยนะคะ ไว้เจอกันคราวหน้า แล้วก็อย่าให้ฉันเห็นนะว่าคุณผอมลง ถ้าไม่อย่างนั้นละก็ฉันจะลงโทษคุณ ”

สือมูเฉินก็ได้ส่งอิโมจิสติ๊กเกอร์ไป จากนั้นก็พิมพ์ตอบกลับไปว่า : “ ลงโทษยังไง ? คืนหนึ่งคุณจะจัดการผมสามครั้งอย่างนั้นหรอ ?”

หลานเสี่ยวถางกัดไปที่ริมฝีปากด้านล่างและมองไปยังสือมูเฉินที่อยู่บนหน้าจอ : “ แบบนี้มันเรียกว่าลงโทษได้ยังไงกัน !”

“ นั้นมันถือว่าเป็นสวัสดิการต่างหากละ ?” สือมูเฉินหรี่ตาลงและพูดว่า : “ น่าเสียดายจัง ที่คุณไม่ได้อยู่ใกล้ผม ถ้าไม่อย่างนั้นละก็……”

หลานเสี่ยวถางที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สือมูเฉินก็พูดขึ้นมาอีกว่า : “ ผมรีบเปลี่ยนเรื่องพูดดีกว่า มิฉะนั้นในฤดูหนาวแบบนี้ก็ต้องมาอาบน้ำเย็น ”

“ โอเคพอแล้ว หยุดคิดได้แล้ว อย่างเป็นหวัดละ ” หลานเสี่ยวก็หัวเราะ

“ ครับ ผมจะเชื่อฟังภรรยาครับ ” สือมูเฉินก็พูด

ทั้งสองคนก็จู๋จี๋กันอยู่สักพัก จากนั้นสือมูเฉินก็เห็นว่าหลานเสี่ยวถางนั้นได้หาวนอน ก็เลยพูดว่า : “ เสี่ยวถางคนดี รีบนอนได้แล้ว ”

“ โอเคค่ะมูเฉิน ราตีสวัสดิ์นะคะ ” หลานเสี่ยวถางก็พูดว่า : “ ฝันดีนะคะ ”

ในเวลาต่อมานั้น สือมูเฉินก็แทบจะยุ่งกับงานของบริษัททุกวัน

ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายย่อยหรือว่าTimes Group ในช่วงเวลานั้น เรื่องทุกอย่างก็ได้สะสมเป็นกองใหญ่ขึ้นมา ถ้าเขาไม่ได้เชิญนักโภชนาการเฉพาะด้านละก็ ไม่อย่างนั้นครั้งหน้าที่เจอกับหลานเสี่ยวถางก็คงจะผอมลงไปจริงๆ

เป็นเวลาหนึ่งเดือน ที่หลานเสี่ยวถางและสือมูเฉินไม่ได้วิดีโอคอลหากันทุกคืน

และในเวลาหนึ่งเดือนนั้น หยานชิงเจ๋อก็แทบจะส่งอีเมล์หาซูสือจิ่นทุกวัน

เขาได้ตั้งค่าให้ผู้ส่งได้รับการแจ้งเตือนเมื่อผู้รับเปิดอ่าน แต่ไม่รู้เป็นเพราะว่าเธอตั้งใจไม่เปิดอ่าน หรือว่าเธอเปิดอ่านแล้วแต่เลือกไม่ให้เห็นว่าเปิดอ่านแล้ว

สรุปแล้ว เขาก็เลยไม่ได้รับการตอบกลับแม้แต่ครั้งเดียว

เนื่องจากกระดูกตรงน่องที่หักไม่ได้รุนแรงมากนัก ประกอบกับการดูแลเป็นพิเศษของแพทย์ จากเดิมทีที่ต้องใช้เวลาครึ่งเดือนถึงจะสามารถลงพื้นได้ แต่ในที่สุด

หยานชิงเจ๋อก็สามารถเดินหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน

ในวันนี้ เมื่อเขาทำงานเสร็จตามปกติแล้ว เขาก็ได้เข้าไปดูกล่องจดหมายของตัวเอง แต่ทว่าทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเตือนพิเศษดังขึ้น

เขารีบเปิดเข้าไปอ่าน ก็เห็นข้อความของซูสือจิ่นที่เปิดอ่านอีเมล์ฉบับแรกของเขา !

จู่ๆเขาก็รู้สึกแค่ว่าหัวใจนั้นเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกจากลำคอ หลังจากที่ได้เปิดซอฟต์แวร์ติดตามอีกอันและป้อนข้อมูลเข้าไป ด้านบนก็ได้ค่อยๆแสดงตำแหน่งที่อยู่ IPของซูสือจิ่น และก็ได้แสดงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ในขณะนี้ด้วย !

ประเทศอิตาลี ณ เมืองโรม

หยานชิงเจ๋อก็แทบจะปิดหน้าจอคอมลง จากนั้นก็ลุกขึ้นและบอกกับผู้ช่วยว่า : “ ตอนนี้ไปเมืองโรม แล้วจองเที่ยวบินที่เร็วที่สุด ”

ทั้งสองคนก็มุ่งตรงไปยังสนามบินในทันที ในระหว่างทางนั้นหยานชิงเจ๋อก็ได้โทรไปหากลุ่มDR ให้พวกเขาติดตามคลังข้อมูลสาธารณะอย่างใกล้ชิดอย่าง และให้ค้นหาว่าซูสือจิ่นได้มีการใช้ข้อมูลในการใช้บัตรเครดิตหรือไม่

ในขณะที่เขากำลังจะขึ้นเครื่อง กลุ่มDRที่อยู่ทางนั้นก็ได้ส่งข่าวกลับมาบอกว่าซูสือจิ่นและซูเผิงฮวาเพิ่งจะได้มีการรูดบัตรเครดิตที่โรงแรมท้องถิ่นแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังพบว่าเผิงฮวามีประวัติการเปิดห้องในโรงแรมนี้เมื่อสองวันก่อนอีกด้วย

เครื่องบินพุ่งขึ้นสู่บนท้องฟ้า ในขณะนั้น หยานชิงเจ๋อก็ได้มองไปยังเมืองที่อยู่ด้านล่างซึ่งค่อยๆกลายเป็นจุดสีดำ จากนั้นก็ค่อยๆหันออกไปนอกหน้าต่างและพูดว่า : “ เสี่ยวจิ่น ฉันมารับเธอกลับบ้านแล้ว ”

*

ซูสือจิ่นใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนกว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บให้หายดีขึ้น

เป็นเพราะว่าอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลานานแล้ว เพราะฉะนั้นเธอในขณะนี้จึงรู้สึกเบื่อมาก

แม้ว่าร่างกายยังคงไม่แข็งแรง แต่เธอก็ยังคงออกจากโรงพยาบาลพร้อมกับคุณพ่อ จากนั้นก็มุ่งตรงไปยังเยอรมนี

เธอยู่ในเมืองเล็กๆของเยอรมนีเป็นเวลาสองวัน จากนั้นถึงจะมาที่ประเทศอิตาลี

ก่อนหน้านี้เธอเคยเรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และตอนที่เธอเด็กๆก็ไปที่ทวีปยุโรปพร้อมคุณพ่อคุณแม่

ตอนนี้ถ้าเดินไปตามท้องถนนของยุโรป ได้ยินเสียงเพลงของนักร้องตามข้างทาง เดิมทีเธอรู้สึกแต่ความอึดอัดใจ ก่อนที่จะค่อยๆรู้สึกผ่อนคลายลง

พวกเธอพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองโรม ในเวลาว่างๆก็จะไปเดินเล่นในเมือง มองดูผู้คนที่ไปมาสองข้างทาง พร้อมกับฟังเสียงเพลงของนักร้องเร่ร่อนพเนจร

พอรู้สึกเหนื่อย ก็ไปนั่งตามร้านกาแฟที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็ฟังเพลง ดื่มกาแฟสักแก้ว สบายๆแถมยังโรแมนติกอีก

ก่อนหน้านี้วันหนึ่ง เพื่อนของเธอบอกกับเธอว่า เว็บไซต์ในหน้าเว็บเพจได้ออกแบบเสร็จแล้ว เพราะฉะนั้นงานหลักของเธอในตอนนี้ก็คือการขยายธุรกิจ บวกกับงานออกแบบชุดแรกของตัวเอง

ดังนั้น ซูสือจิ่นก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงจี้ปรารถนาของสโนว์เอลฟ์ที่หยานชิงเจ๋อเคยให้กับเธอในก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ก็ยังมีพวกรูปออกแบบที่เธอเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์

แล้วเธอก็เจอเข้ากับพวกอีเมล์นั้น จึงเปิดเข้าไปอ่าน จากนั้นดาวน์โหลดมันเก็บไว้

จริงๆแล้วเป็นไฟล์โครงการของเธอ และดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นซูสือจิ่นจึงเปิดไฟล์ที่ถูกบีบอัดขึ้นมา

แต่ทว่าในตอนที่กำลังเปิดไฟล์ที่ถูกบีบอัดขึ้นมานั้น เธอก็เห็นว่าในนั้นยังมีไฟล์เอกสารของ TXT

เธอรู้สึกงงเล็กน้อย จึงเปิดไฟล์เอกสารขึ้นมา แต่ก็กลับพบเพียงแค่หน้ากระดาษที่ว่างเปล่าเท่านั้น

หยานชิงเจ๋อเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบขนาดนั้น จะวางไฟล์เอกสารของ TXT ที่ว่างเปล่าโดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร?

ซูสือจิ่นไม่เข้าใจดังนั้นก็เลยคิดอยู่สักพัก แต่ก็คิดเหตุผลไม่ออกมา

ในคืนนั้น เธอและพ่อก็ได้กลับไปนอนที่โรงแรม แต่พอในเช้าวันรุ่งขึ้น จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นมาได้

เป็นไปได้ไหมว่า ที่จริงแล้วมันจะเป็นไฟล์เอกสารของTXTที่ปลอมแปลงขึ้นมา แต่ที่จริงแล้วเป็นอุปกรณ์ในการติดตาม ? !

ด้วยความคิดนี้ เธอก็รู้สึกตกตะลึงไปทั้งตัว จนกระทั่งพอจะนึกภาพออกว่า หยานชิงเจ๋อน่าจะซื้อตั๋วเครื่องบินมาที่นี้และกำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางแล้ว !

“ พ่อคะ พวกเราเช็คเอ้าท์กันเถอะค่ะ !” ซูสือจิ่นไปเคาะประตูห้องของคุณพ่อ

เป็นเพราะว่าทั้งสองออกมาเที่ยว แล้วก็แทบจะพกเสื้อผ้าและสกินแคร์มาเพียงเล็กน้อย ดังนั้นซูเผิงฮวาก็ได้เก็บของลงในกระเป๋าสัมภาระใบเล็กด้วยความรวดเร็ว จากนั้นทั้งสองคนออกจากโรงแรม

หลังจากที่ทั้งสองคนออกจากโรงแรมได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หยานชิงเจ๋อและผู้ช่วยก็เพิ่งจะไปถึงแผนกต้อนรับด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง

เขาอธิบายถึงความตั้งใจที่เขามาที่ด้วยความชัดเจน ถึงกระทั่งเอารูปคู่ที่ถ่ายด้วยกันของทั้งสองออกมาเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ของเขากับซูสือจิ่น

ก็ดูเหมือนว่าแผนกต้อนรับค่อนข้างจะประทับใจในตัวซูสือจิ่นเป็นอย่างมาก ดังนั้นพอเห็นรูปถ่าย ก็ได้บอกกับหยานชิงเจ๋อว่า ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมงแขกทั้งสองเพิ่งจะเช็คเอ้าท์ออกไป

หยานชิงเจ๋อก็ถึงกลับหยุดชะงัก รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองเตรียมการมากว่าสิบชั่วโมงนั้นจู่ๆความรู้สึกในใจก็กลับว่างเปล่าในทันที

เขาเดินออกมาจากโรงแรมด้วยความงุนงงเล็กน้อย ในเวลานั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะไปไหนดี

เป็นเพราะไม่มีอารมณ์จะกินอยู่ตลอด ดังนั้นแล้วผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆเขาก็เลยเตือนเขาว่า จะไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารสักหน่อยใช่หรือเปล่า

หยานชิงเจ๋อกำลังจะปฏิเสธ แต่จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าซูสือจิ่นจะเช็คเอ้าท์ออกไปแล้ว แต่ก็ไม่แน่ว่าจะไปที่ไหนสักแห่งใกล้ๆนี้ ?

เขาพยักหน้าและเดินไปตามถนนของเมืองโรมพร้อมผู้ช่วย

เนื่องจากเป็นเช้าตรู่ คนที่เดินอยู่บนท้องถนนส่วนใหญ่ก็เลยเป็นกลุ่มคนทำงาน จึงเดินด้วยความรีบร้อน หยานชิงเจ๋อและผู้ช่วยก็ได้มาที่ร้านอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง จากนั้นก็สั่งอาหารอะไรได้ แล้วก็ค่อยใจเย็นๆลง และคิดว่าควรจะทำยังไงต่อไป

ดูจากสถานการณ์แล้ว ซูสือจิ่นเพิ่งจะมาเมืองโรมได้แค่สองวัน เพราะฉะนั้นน่าจะยังไม่ออกจากเมืองเร็วขนาดนี้

นอกจากนี้แผนกต้อนรับก็ได้บอกว่า เดิมทีนั้นซูสือจิ่นได้ทำการจองพักไว้หนึ่งอาทิตย์

ถ้าอย่างนั้น เธอน่าจะไม่ไปสนามบิน และน่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งของเมืองนี้

พอกินข้าวเสร็จ หยานชิงเจ๋อก็ให้ผู้ช่วยของตัวเองนั้นไปทำการจัดหาโรงแรมที่พักให้เรียบร้อย ส่วนตัวเองก็เดินไปตามถนนด้วยตัวคนเดียว

ในฤดูการแบบนี้คนมาเที่ยวก็ไม่ใช่น้อยๆ แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีโอกาสอยู่เล็กน้อย

หยานชิงเจ๋อเพิ่งจะเดินผ่านประตูโรงละครก็มีผู้หญิงสองคนได้เรียนเอาไว้

เขาก็หันกลับไปถามฝ่ายตรงข้ามว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า ผู้หญิงสองคนนั้นก็ได้ยกกล้องที่อยู่ในมือขึ้นมาและพูดว่า : “ คุณคะ รบกวนช่วยถ่ายรูปคู่ให้พวกเราสองคนได้ไหมคะ ?”

หยานชิงเจ๋อคิดว่าถ่ายรูปให้เพียงไม่กี่ใบก็คงจะไม่เสียเวลาอะไร ดังนั้นก็เลยพยักหน้าและช่วยทั้งสองคนนั้นถ่ายรูป

เขาก็ถามว่า : “ พวกคุณลองดูนะครับว่าโอเคไหม ?”

ทั้งสองคนหยิบมันไป จากนั้นก็เปิดไปยังอัลบั้มภาพในชั่วพริบตานั้นจู่ๆหยานชิงเจ๋อก็ถึงกับตาโตขึ้นมาในทันที !

สายตาของเขาก็หยุดชะงักกับภาพด้านหลังที่คุ้นเคยที่อยู่ด้านในหน้าจอ และรู้สึกเพียงแค่เลือดกำลังพรั่งพรูออกมา ใจก็เต้นก็ตึกๆ มันรุนแรงจนจะระเบิดออกจากอก

“ รูปเมื่อกี้นี้ถ่ายที่ไหนหรอครับ ?” เขาคว้ากล้องและชี้ไปยังรูปเดียวที่ถ่ายในกล้องแล้วก็ถาม

หญิงสาวนั้นถึงกลับตกใจสีหน้าท่าทางที่แสดงออกมาของหยานชิงเจ๋อ แต่ทว่าเห็นเขาหล่อๆแบบนี้ก็คิดว่าน่าจะไม่ใช่คนเลว ก็เลยค่อยๆปล่อยจิตใจที่ระแวดระวังลงและพูดว่า : “ เป็นรูปที่เพิ่งถ่ายตรงร้านหนังสือข้างหน้านี้ น่าจะประมานสิบนาทีก่อนนี้ละมั้งคะ !”