หยานชิงเจ๋อก็ไม่ได้พูดอะไรเลย แล้วก็รีบคืนกล้องกลับไปให้หญิงสาว จากนั้นก็รีบวิ่งมุ่งตรงไปยังร้านหนังสือ
น่องขาของเขายังไม่ถือว่ากลับสู่สภาพเดินทั้งหมด ดังนั้นแล้วตอนที่หยานชิงเจ๋อวิ่งนั้นก็ยังคงมีอาการปวดเล็กน้อย
แต่ถึงอย่างไรเขาก็เหมือนว่าจะไม่ได้รู้สึกอะไร แล้วก็รีบวิ่งไปยังร้านหนังสือ !
*
เดิมทีซูสือจิ่นและซูเผิงฮวาได้จองตั๋วรถไฟที่จะออกจากเมืองโรมในอีกสี่วัน
แต่ถึงอย่างไรก็คิดว่าหยานชิงเจ๋อน่าจะอยู่ที่นี่แล้ว ฉะนั้นแล้วซูสือจิ่นจึงได้ทำการเปลี่ยนวันของตั๋วรถไฟ แต่ทว่าเนื่องจากวันนี้ตั๋วได้หมดไปแล้ว ฉะนั้นแล้วเธอจึงต้องเปลี่ยนเป็นเที่ยงวันของวันถัดไป
ทั้งสองคนก็ได้ทำการจองโรงแรมใหม่อีกครั้ง และซูสือจิ่นก็บอกว่าเธออยากจะเดินคนเดียว ฉะนั้นแล้วก็เลยให้ซูเผิงฮวาเอาสัมภาระของตัวเองและไปเช็คอินที่โรงแรมก่อน ส่วนเธอจะขอไปดื่มกาแฟแถวข้างทางสักหน่อย จากนั้นก็ไปเดินเล่นตามท้องถนน
จนกระทั่งเธอไปถึงหน้าประตูของร้านหนังสือแห่งหนึ่ง เธอคิดว่ายังไงก็ไม่มีอะไรทำ ก็เลยเดินเข้าไป
ซูสือจิ่นก็หาหนังสือที่ชอบสักเล่ม จากนั้นก็ไปนั่งอ่านอยู่ตรงมุมอยู่สักพัก
เนื่องจากนั่งเป็นเวลานาน ขาของเธอก็เริ่มชาเล็กน้อย ดังนั้นก็เลยเก็บหนังสือและเดินออกมา
หน้าประตูของร้านหนังสือก็มีนักร้องพเนจรที่กำลังร้องเพลงอยู่ ซึ่งร้องเพลงที่เก่ามากเพลงหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็น่าฟังมากๆ
ซูสือจิ่นรู้จักเพลงนี้ ในตอนที่เรียนอยู่ชั้นมัธยม แล้วก็กำลังเพิ่งจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ครั้งแรกที่ได้ยินเพลงนี้ ก็ถูกดึงดูดด้วยน้ำเสียงที่แหบเล็กน้อยของนักร้องและท่วงทำนองของเพลงที่งดงาม
ดังนั้น เธอก็เลยยืนอยู่เงียบๆตรงหน้าประตูของร้านหนังสือและฟังเขาร้องเพลง
“ ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน หรือทำอะไร ฉันจะอยู่ตรงนี้ เพื่อรอคุณ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือหัวใจฉันมันจะแตกสลายไป ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะรอคุณอยู่ตรงนี้……”
นักร้องเป็นหนุ่มอิตาลี พอเห็นว่ามีสาวสวยชาวตะวันออกที่ยืนอยู่ตรงหน้าและฟังเขาร้องเพลงอยู่ตลอด มันทำให้เขารู้สึกอายจนหน้าแดง
เขาก็ได้ยิ้มให้กับเธอ ในระหว่างที่ ในระหว่างที่เพลงหยุด ก็ได้พูดกับเธอว่า : “ คุณครับ ทำไมคุณถึงได้สวยจังเลย !”
ซูสือจิ่นก็อมยิ้มและพูดว่า : “ ขอบคุณค่ะ ! เพลงที่คุณร้องก็เพราะมากเลยค่ะ นี่ก็เป็นหนึ่งในเพลงอังกฤษที่ฉันชอบมากเหมือนกัน ”
“ ขอบคุณครับ ” นักร้องก็ได้ดีดกีตาร์พร้อมกับพูดว่า : “ อันที่จริงได้ยินมาว่าเบื้องหลังของเพลงนี้ มีเรื่องราวอยู่”
เขาได้เล่าเรื่องนี้ว่า : “ เป็นเพลงที่ชายหนุ่มได้แต่งให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาแอบชอบ เป็นเพราะว่าผู้หญิงคนนั้นมีอายุมากกว่าเขาเก้าปี ดังนั้น มันก็เลยทำให้เขามีความกังวลใจอยู่ตลอด ไม่กล้าที่จะผิดประเพณีและอยู่กับเธอ ต่อมา วันหนึ่งเขาก็ได้โทรหาเธอ และได้ร้องเพลงต้นฉบับของเพลงนี้ทางโทรศัพท์ แล้วในที่สุดก็ทำให้ผู้หญิงคนนั้นประทับใจ และทั้งสองก็ได้อยู่ด้วยกัน ”
“ เก้าปีหรอ……” ซูสือจิ่นเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ และนัยน์ตาของเธอก็มีความลึกซึ้งและยาวไกลเล็กน้อย : “ พวกเขานี่กล้าหาญจริงๆเลย มันทำให้คนรู้สึกอิจฉาจริงๆ ”
นักร้องคนนี้ได้มองไปยังใบหน้าอันงดงามของเธอและพูดว่า : “ คุณครับ คุณสวยขนาดนี้ แน่นอนว่าคุณจะต้องมีความสุของคุณ !”
ซูสือจิ่นหัวเราะอยู่สักแป๊บ จากนั้นนัยน์ตาก็เริ่มเปลี่ยนมาซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เดิมทีเรื่องที่เก็บซ่อนไว้ในก้นบึ้งหัวใจนั้น พอเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนที่ไม่รู้จักแล้ว กลับง่ายที่จะเปิดวาล์วระบายความรู้สึกในใจออกมา : “อันที่จริงแล้ว เมื่อก่อนฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน และเฝ้ารอความรู้สึกสงสัยแคลงใจที่หมดไปนั้นให้กลับมาเบิกบาน แต่ต่อมาฉันก็ได้เริ่มเข้าใจเล็กน้อย ”
“ อะไรหรอครับ ?” ชายคนนั้นก็ถาม
“ เมื่อก่อนพ่อกับแม่เคยบอกกับฉันว่า ถ้าเกิดว่าชอบก็ต้องพยายามเพื่อให้มันได้มา ขอเพียงแค่พยายาม ไม่มีอะไรที่จะไม่ได้มันมา ” ซูสือจิ่นก็หัวเราะ และมุมริมฝีปากที่ยกขึ้นนั้นก็เผยให้เห็นถึงการเยาะเย้ยตัวเอง : “ แต่แล้วต่อมาฉันก็เพิ่งจะเข้าใจ แท้ที่จริงแล้วบนโลกนี้มีของอยู่หนึ่งสิ่ง ที่ต่อให้ตัวเองจะพยายามมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางได้มันมา ”
นักร้องคนนั้นก็ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ราวกับว่ากำลังได้อ่านความโศกเศร้าและความจริงใจบนใบหน้าของหญิงสาวตะวันออกคนนี้ และเขาก็อดที่จะถามไม่ได้ : “ มันคืออะไรครับ ? แล้วผมสามารถที่จะช่วยคุณได้หรือเปล่า ?”
“ ใจคน ” ซูสือจิ่นหัวเราะ ความเศร้าโศกที่อยู่ในแววตาก็ได้หายไป และถูกแทนที่ด้วยความโล่งใจ : “ ไม่มีอะไรแล้ว จู่ๆฉันก็แค่รู้สึกหดหู่ใจก็เท่านั้นเอง ! ไม่เป็นไรแล้ว ถึงอย่างไรฉันก็ได้ปล่อยวางมันแล้ว ! ก็เหมือนราวกับสิ่งที่คุณพูด ฉันสวยขนาดนี้ แต่ทำไม่ถึงหาความสุขของตัวไม่ได้ !”
“ ใช่ครับ ผมขออวยพรให้คุณมีความสุขจากใจจริงครับ !” นักร้องคนนั้นก็ได้พูด
“ ขอบคุณนะคะ !” ซูสือจิ่นก็ได้กระพริบตาด้วยหน้าตาที่ทะเล้นพร้อมกับพูดว่า : “ เมืองโรมก็เป็นเมืองที่โรแมนติก ไม่แน่ฉันอาจจะมีโอกาสได้เจอกับใครสักคนก็ได้นะคะ !”
ในขณะที่พูดนั้น เธอก็หยิบเงินจากกระเป๋าเงิน และใส่เข้าไปในหมวกที่อยู่ข้างๆนักร้อง : “ ฉันไปแล้วนะคะ แล้วฉันหวังว่าคุณจะสู้ๆนะคะ และหลังจากนี้ก็หวังว่าคุณจะนำเพลงเพราะๆมาให้ทุกคนได้ฟังมากขึ้นนะคะ ”
“ ขอบคุณนะครับ ผมก็ขอให้คุณมีแต่ความสุขตลอดไปนะครับ !” พอนักร้องคนนั้นพูดจบ ก็ได้เริ่มดีดกีตาร์และร้องเพลงขึ้นมาอีกครั้ง
พอซูสือจิ่นกำลังหันและเดินไปนั้น ก็เห็นว่ามีผู้หญิงสองคนที่ถือกล้อง กำลังจะถ่ายรูป และหนึ่งคนในนั้นก็ได้พูดว่า : “ ว้าว ผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวได้หนามาก !”
กำลังพูดถึงเธออย่างนั้นหรอ ?
เป็นเพราะการผ่านตัดครั้งใหญ่ของเดือนที่แล้ว ดังนั้น เธอในตอนนี้จึงกลัวหนาวมากๆ บวกกับในทวีปยุโรปนี้ก็หนาวอยู่แล้ว ฉะนั้นเธอก็เลยใส่เสื้อหนาวที่หนาเป็นพิเศษ และยังพันด้วยผ้าพันคอขนแกะสีแดงอีกด้วย
ซูสือจิ่นก็ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปตัวเอง
ดูเหมือนว่าจะมีความคล้ายหมีจริงๆเล็กน้อย ?
เธอก็หัวเราะ ช่างเขาเถอะ ! หมีก็หมีเหอะ ยังไงแล้วสุขภาพก็สำคัญที่สุด ! เธอยังคงต้องสร้างเว็บไซต์ของตัวเอง และต้องกลายเป็นนักออกแบบที่มีชื่อเสียง !
แต่ทว่าในอนาคตอาจจะต้องใช้ชื่อภาษาอังกฤษที่ตั้งขึ้นใหม่ว่า Fiona สักแล้วสิ……
ซูสือจิ่นยักไหล่และเดินต่อไปข้างหน้า แต่ทว่าพอเดินไปได้ไม่ไกลนัก ก็รู้สึกว่าเหนื่อยเล็กน้อย ประจวบเหมาะพอดีที่ด้านหน้ามีรถราง ดังนั้นเธอก็เลยหาเศษเหรียญ และรีบวิ่งไปยังรถราง
ในเวลานี้ หยานซิงเจ๋อก็เพิ่งจะมาถึงหน้าประตูของร้านหนังสือ เขารีบวิ่งเข้าไปหาในร้านหนังสือหาแล้วหนึ่งรอบแต่ก็กลับไม่เจอแม้แต่เงาของซูสือจิ่น ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เดินออกมา จากนั้นก็มองไปยังรอบๆ
บนท้องถนนที่มีรถรางวิ่งผ่านไปมา และผู้คนที่เดินเร่งรีบอยู่ตามถนนแล้วก็นักท่องเที่ยวที่กำลังเดินเล่น แต่ทว่ากลับไม่เห็นแม้แต่เหงาของเธอเอง
หยานชิงเจ๋อรู้สึกว่าทุกครั้งก่อนที่จะมาในใจก็รู้สึกอ้างว้างมากก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกงุนงง และก็มองดูผู้คนที่เดินไปมา ไม่รู้ว่าโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้ ควรจะไปที่ไหนถึงจะหาเธอเจอ
ในเวลานี้ เสียงเพลงของชายหนุ่มที่ผ่านความโชกโชนมานั้นก็ได้ลอยเข้ามาในหู และหยานชิงเจ๋อก็เพิ่งจะเห็นว่าตรงหน้าประตูร้านหนังสือนั้นมีนักร้องพเนจรอยู่คนหนึ่ง
แล้วก็นึกอะไรขึ้นได้ เขาจึงเปิดรูปของซูสือจิ่นออกมาและถามนักร้อนคนนั้น : “ สวัสดีครับ ขอถามหน่อยนะครับเมื่อกี้คุณเห็นผู้หญิงคนนี้บ้างหรือเปล่าครับ ?”
นักร้องคนนั้นพอเห็นรูปก็นึกขึ้นได้ในทันที : “ ใช่ครับ เมื่อกี้ผมเพิ่งเจอกับสาวสวยคนนี้ !”
หยานชิงเจ๋อก็ถึงกับกลั้นหายหายใจ : “ แล้วคุณรู้ไหมว่าเธอไปที่ไหนแล้ว ?”
นักร้องคนนั้นก็ส่ายหัว : “ พอเธอฟังผมร้องเพลงจบ ก็คุยเล่นกับผมไม่กี่ประโยค จากนั้นก็ไปละครับ แต่ไม่ได้บอกว่าไปไหน ”
หยานชิงเจ๋อก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย และกำลังจะหาต่อไปอย่างไร้จุดหมาย ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ ดังนั้นก็เลยถามว่า : “ บอกผมหน่อยได้ไหมครับว่าเธอพูดอะไรกับคุณบ้าง ? ผมเป็นสามีของเธอ และกำลังตามหาเธอยู่ ”
“ เธอแต่งงานแล้ว ?” นักร้องพเนจรก็กับตกใจเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรก็รู้สึกว่าซูสือจิ่นก็ไม่พูดความลับอะไรที่จะไม่สามารถบอกได้ ดังนั้นก็เลยพูดไปว่า : “ พอเธอได้ฟังเพลงที่ผมร้องแล้ว ก็รู้สึกหดหู่ใจเล็กหน่อย แล้วก็บอกว่าก่อนหน้านี้คิดว่าขอเพียงแค่พยายาม ไม่มีอะไรที่จะไม่ได้มันมา แต่ต่อมาก็เพิ่งจะเข้าใจว่าแท้ที่จริงแล้วบนโลกใบนี้ยังมีของหนึ่งสิ่งที่เรียกว่าใจคนที่ต่อให้ตัวเองจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะได้มันมา ”
หยานชิงเจ๋อก็ถึงกับใจสั่น รู้สึกเพียงแค่ว่าความเจ็บปวดที่คุ้นเคยนั้นมันก็ได้ลุกลามขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ในปากของเขานั้นรู้สึกขมขึ้นมาเล็กน้อย
เธอบอกว่าใจคน ใช่ใจของเขาไหม ?
ไม่รู้ว่าเธอจะรู้ไหมนะ อันที่จริงแล้วตั้งแต่หลายปีก่อนใจของเขาก็ได้ตกไปอยู่ที่เธอแล้ว
ตอนนี้ เธอจากไปแล้ว และเขาก็หาเธอไม่เจอ รู้สึกราวกับว่าหัวใจของตัวเองถูกดึงออกมา ซึ่งอ้างว้างจนไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
เขาอยากจะบอกกับเธอว่า อันที่จริงแล้วเธอไม่ต้องพยายามเลย เพราะเขาได้มอบหัวใจทั้งดวงนั้นออกมาให้เธอแล้ว ซึ่งให้เธอเพียงแค่คนเดียว
หยานชิงเจ๋อยังไม่ทันได้ถามต่อ นักร้องคนนั้นก็พูดมาว่า : “ แต่ไม่นานเธอก็ยิ้มแล้ว แล้วก็บอกว่าเธอได้ปล่อยวางแล้ว และไม่แน่ว่าเธออาจจะได้เจอกับใครสักคนในเมืองนี้ก็ได้……”
ทันใดนั้นสีหน้าของหยานชิงเจ๋อก็ขาวซีดขึ้นมาในทันที และการหายใจของเขาก็แรงขึ้น : “ เธอพูดแบบนั้นจริงๆหรอ ?”
“ ใช่ครับ !” นักร้องคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองเขา : “ คุณครับ คุณเป็นสามีของเธอจริงๆหรอ ?”
“ แต่ก่อนก็ใช่ ต่อไปก็ใช่เหมือนกัน !” พอหยานชิงเจ๋อพูดประโยคนี้จบก็รีบวิ่งออกไป
เธอบอกว่าเธอปล่อยวางแล้ว และเธอก็รอที่จะได้เจอกับใครสักคนงั้นหรอ ?
เธอไม่ต้องการเขาแล้วหรอ แล้วก็จะไปอยู่กับคนอื่นแล้วอย่างนั้นหรอ ?
หยานชิงเจ๋อก็รู้สึกลุกลี้ลุกลนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าเกิดว่าเธอไม่ต้องการเขาแล้ว เขาควรจะทำยังไง ?
เขาก็รีบไล่ตามไปข้างหน้า แท้ที่จริงแล้วก็ไม่รู้เลยว่าควรจะไปหาเธอจากที่ไหน และตรงน่องขาก็รู้สึกเจ็บมากๆแต่ก็ไม่มีวิธีที่จะหยุดฝีเท้าได้
เขาพูดกับตัวในใจว่า เร็วหน่อย เร็วขึ้นอีก บางทีเขาอาจจะตามเธอทันก็ได้ !
ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะรู้สึกเจ็บปวดและทรมานมากๆ แต่เมื่อเขานึกถึงตอนที่เธอแอบชอบเขาอย่างเงียบเมื่อสิบปีก่อน ในสิบปีนั้น เขาไม่เข้าใจหัวใจของตัวเอง อีกทั่งยังมีแฟนอีกตั้งหลายคน และทำให้เธอเสียใจ หยานชิงเจ๋อรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นยังไม่ดีพอ
เมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอได้รับ ยังไงมันก็ไม่พอ !
ไม่รู้ว่าเดินมานานแค่ไหนแล้ว หยานชิงเจ๋อก็ไม่เห็นร่องรอยของซูสือจิ่นอีกเลย ที่น่องขาของเขาเจ็บจนแทบจะยกขึ้นมาไม่ได้แล้ว จะไม่หยุดก็ไม่ได้ ตัวเองก็เลยต้องโทรหาผู้ช่วย
เขาคิดแล้วว่า เธอน่าจะไม่ได้พักอยู่ที่เมืองโรมแล้ว เพราะฉะนั้น ไม่กี่วันนี้ขอเพียงแค่เขาเฝ้ารออยู่ที่สถานีรถไฟหรือไม่ก็ที่สนามบิน ซึ่งเขาไม่เชื่อเลยว่าจะรอเจอเธอไม่ได้ !
เมื่อกำหนดวิธีการเรียบร้อยแล้ว หยานชิงเจ๋อก็ได้ให้ผู้ช่วยไปรออยู่ตรงหน้าทางเข้าของสนามบิน ส่วนเขาก็จะไปรออยู่ตรงทางเข้าของสถานีรถไฟ และจะรอจนกว่าฟ้าจะมืด
อากาศหนาวมาก หยานชิงเจ๋อได้แน่นอนเวลานี้แล้ว ซูสือจิ่นน่าจะไม่ขึ้นรถไฟในตอนกลางคืน จากนั้นหาร้านค้าที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง และเขาก็ไปนั่งรอจนรุ่งสาง
ตั้งแต่ที่เห็นเธอปกป้องเขาจากมีดในคืนนั้น และทำให้เสื้อผ้าของเธอเปียกโชกไปด้วยเลือด ในหนึ่งเดือนที่ผ่านั้น หยานชิงเจ๋อแทบจะไม่มีสักครั้งที่หลับอย่างสบาย
ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้ว ในเวลาที่เขาหลับสนิทก็จะฝันถึงแต่เธอเท่านั้น แต่พอตื่นขึ้นมาจากฝันเสื้อผ้าที่สวมไว้ก็เต็มไปด้วยเหงื่อ
ทุกครั้ง เขาจะใช้เวลาหลายนาทีเพื่อให้แน่ใจว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันร้ายในฉากของคืนนั้นที่เล่นซ้ำไปซ้ำมา เธอก็ยังมีชีวิตอยู่ เพียงแค่ว่าไม่เจอเธอแล้วเท่านั้นเอง
หยานชิงเจ๋อเพียงงีบหลับไปในร้านชั่วครู่เท่านั้น จากนั้นก็ไม่ง่วงอีกเลย
จนกระทั่งถึงเช้าวันรุ่งขึ้นในวันที่สอง เขาก็ได้ฮึกเหิมจิตวิญญาณขึ้นมาอีกครั้ง โดยที่ไม่คำนึงว่าไม่ได้พักผ่านมาแล้วสามสิบชั่วโมงกว่าจนหัวแทบจะแตกร้าวออกมา จากนั้นก็มายังหน้าประตูทางเข้าและยังคงรอซูสือจิ่นต่อไป
เวลาก็ค่อยๆผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งใกล้เที่ยง