บทที่ 276.2 แกะเข้าถ้ำเสือ (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 276 แกะเข้าถ้ำเสือ (2)
“รถเสียรึ” ม่านรถถูกเลิกขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงที่ทุ้มและยิ้มแย้มของคุณชายแปลกผู้นั้น

กู้เหยี่ยนพอเห็นดังนั้นก็เริ่มรู้สึกรำคาญ!

ชายผู้นั้นกระโดดลงจากรถม้า นั่งยองลงเพื่อตรวจสอบล้อที่พังแล้วเอ่ย “ล้อมันพังแล้วล่ะ ถ้าพวกเจ้าไม่ว่าอะไร ข้าจะพาพวกเจ้าไปส่งเอง บอกมาซิว่าพวกเจ้าอาศัยอยู่ที่ไหน”

“คือว่า…” ฟังจากรูปประโยคที่ดูเป็นกันเอง หลิวเฉวียนจึงเกิดความสงสัยว่าพวกเขารู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่

แต่พอเห็นสีหน้าของกู้เหยี่ยนและกู้เสี่ยวซุ่นที่ดูไม่อยากรับแขกเท่าใด ก็เข้าใจในทันที ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป “คงไม่ขอรบกวนท่านจะดีกว่าขอรับ พวกเรากลับกันเองได้”

“แถวนี้ไม่มีรถผ่านไปมานะ” ชายผู้นั้นตบมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “น้องชายของข้าก็เป็นบัณฑิตของสำนักชิงเหอเหมือนกัน ข้าเห็นพวกเขาสวมเครื่องแบบของชิงเหอและดูเหมือนพวกเจ้าจะพักอยู่บนถนนเส้นเดียวกันกับข้า ก็เลยคิดว่าจะไปส่งพวกท่านเสียหน่อย แต่ก็ถูกต้องแล้วที่พวกท่านระวังตัว ด้านหน้า ไปทางทิศตะวันออก ตรงแยกที่สาม และไปอีกประมาณสองลี้ มีพ่อค้ารถอยู่ตรงนั้น พวกเจ้าลองไปเช่ารถตรงนั้นดูก็ได้”

เอ่ยจบ ชายผู้นั้นก็เอ่ยลา

หลิวเฉวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด แต่กระนั้น เช่ารถเองก็ดีกว่าจะได้ไม่เดือดร้อนคนอื่น

หลิวเฉวียนออกไปที่ร้านเช่ารถ

ส่วนกู้เสี่ยวซุ่นและกู้เหยี่ยนนั่งรอในรถ

ระหว่างที่รอ พวกเขาดันเผลอหลับไป

กู้เสี่ยวซุ่นรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่ากู้เหยี่ยนหายไปแล้ว

กู้ฉังชิงควบม้าไปที่เรือนหนานเฟิง

“พวกเขากลับไปได้ชั่วยามกว่าแล้ว ยังไม่ถึงเรือนกันอีกหรือ” หนานเซียงขมวดคิ้ว

หนานเซียงสวมผ้าคลุมหน้า ดังนั้นกู้ฉังชิงจึงไม่เห็นใบหน้าที่น่าเกลียดของนาง แต่ต่อให้เขาเห็น เขาก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

กู้ฉังชิงเอ่ยจอบ “บางทีอาจจะกลับไปถึงกันแล้วก็ได้ ข้าลองกลับไปดูก่อนแล้วกัน”

ระหว่างที่กู้ฉังชิงกลับมาทางถนนไป๋สือ ก็เจอเข้ากับหลิวเฉวียนและกู้เสี่ยวซุ่น

“กู้เหยี่ยนเล่า” กู้ฉังชิงเอ่ยถาม

“หะ หาย หายไปแล้ว!” กู้เสี่ยวซุ่นเอ่ยอย่างร้อนรน

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึ” กู้ฉังชิงเอ่ยถาม

กู้เสี่ยวซุ่นจึงเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้ฟัง

กู้ฉังชิงหรี่ตาพลางเอ่ยถาม “ชายคนนั้นรูปพรรณสันฐานเป็นอย่างไร”

กู้เสี่ยวซุ่นอธิบายอย่างละเอียด พอเล่าจบสีหน้าของกู้ฉังชิงก็พลันเย็นชาทันที “ถัง หมิง!”

ถูกต้อง คนที่กระหายอยากผูกมิตรกับกู้เหยี่ยนก็คือถังหมิง หลังจากที่ลุงของเขากลายเป็นจอมพลหยวนไซว่แห่งกองทัพ ถังหมิงก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพลโทรองแม่ทัพทันที

ซึ่งยศของถังหมิงได้แซงหน้ากู้ฉังชิงไปแล้วเรียบร้อย

ครั้งแรกที่ถังหมิงเห็นกู้เหยี่ยนที่ร้านอาหารในวันนั้น เขารู้สึกประทับใจอย่างมาก

ตอนนั้นกู้เหยี่ยนถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมของกู้ฉังชิงอย่างแน่นหนา มีเพียงเรียวขาและมืออันเรียวเล็กที่โผล่ออกมาให้เห็นเท่านั้น

และด้วยความที่กู้เหยี่ยนใช้รถม้าของจี้จิ่วอาวุโส ซึ่งดูเรียบง่ายไร้ซึ่งความหรูหรา ถังหมิงจึงมองว่ากู้เหยี่ยนคงเป็นคนสามัญชนทั่วไปและคิดจะทำอะไรด้วยก็ได้

ณ ตอนนี้ กู้เหยี่ยนกำลังนอนสลบไสลอยู่บนเตียงนุ่มๆ เขาหายใจถี่ขึ้นเนื่องจากโดนวางยา ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวจนแก้มของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ

เด็กชายรูปร่างผอมสูงมีลูกกระเดือกตัวเล็กแต่บอบบาง

ถังหมิงเคยลองลิ้มชิมเด็กผู้ชายมามากหน้าหลายตา แต่เขาไม่เคยเห็นใครที่งดงามเช่นนี้มาก่อน

แค่มองก็รู้สึกราวกับวิญญาณกำลังหลุดลอยไป

กู้เหยี่ยนค่อยๆ ลืมตาขึ้น ฤทธิ์ของยายังคงอยู่ และเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเคลื่อนไหว

หัวใจของเขาเต้นแรง และพอเขากวาดสายตา ก็เจอกับใบหน้าของคนที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด ความรู้สึกรังเกียจอย่างรุนแรงก็ผุดขึ้นในใจเขา!

ถังหมิงเริ่มคลี่ยิ้มออกมา

พลางนึกในใจ สมกับเป็นหนุ่มรูปงาม ขนาดทำหน้าโกรธยังดูดีขนาดนี้

ถังหมิงยื่นมือเข้าไปหากู้เหยี่ยน เนื่องจากการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาหลายปี ฝ่ามือและปลายนิ้วของเขามีหนังด้านบางๆ เขาสัมผัสใบหน้าของกู้เหยี่ยนเพียงเบาๆ และรอยแดงก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วบนผิวที่บอบบางนั้น

ดวงตาของถังหมิงเป็นประกาย

อันที่จริงรูปร่างหน้าตาของถังหมิงก็ไม่เลว เขาเด็ดเดี่ยวและหล่อเหลา ทั้งยังหนุ่มแน่น ทำให้มีเด็กหนุ่มหลายคนติดตามเขาด้วยความเต็มใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา

แต่กู้เหยี่ยนไม่ใช่หนึ่งในนั้นแน่นอน

กู้เหยี่ยนรู้สึกคลื่นไส้ และพยายามตะโกนด้วยเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่: “เจ้า… ออกไป!”

เสียงของเขาไร้ซึ่งพลัง

ถังหมิงยิ้มออกมา จากนั้นเขาค่อยๆ ขยับนิ้วและเลิกเสื้อของกู้เหยี่ยนขึ้น

กล้ามเนื้ออันงดงามนี้

ทันใดนั้นถังหมิงก็เอนตัวไปและหายใจรดที่คอของกู้เหยี่ยน “เจ้าตัวหอมมาก”

กู้เหยี่ยนพยายามเบนมองไปที่ศีรษะของชายคนนั้นด้วยความรังเกียจ “เจ้า…รนหา…ที่ตาย!”

คำพูดเหล่านี้ทำให้ถังหมิงหยุดการกระทำชั่วคราว

เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่กู้เหยี่ยน “ที่แท้เจ้าก็เป็นม้าพยศนี่เอง ข้าละชอบใจยิ่งนัก! แล้วอย่ามาร้องขอชีวิตจากข้าก็แล้วกัน!”

“ข้าคือ…บุตรแห่งจวนติ้งอันโหว…”

“ติ้งอันโหวรึ” ถังหมิงหัวเราะ “บุตรชายของติ้งอันโหวน่ะหรือจะนั่งรถม้าบุโรทั่งแบบนั้น ไม่ลองพูดละว่าเจ้าคือบุตรชายของเซวียนผิงโหวน่ะ”

ชื่อของเซวียนผิงโหวเด่นกว่าอันติ้งโหวหลายขุม หากบอกว่าเป็นบุตรของเซวียนผิงโหวล่ะก็แน่นอนว่าถังหมิงคงไม่กล้าแตะต้องเขาหรอก

อันติ้งโหวอย่างนั้นหรือ

เลยพลอยทำให้ถังหมิงนึกถึงกู้ฉังชิงไปด้วย

เสี้ยนหนามชัดๆ

แต่เขาจำไม่ได้แล้วว่ากู้ฉังชิงมีน้องชายอายุน้อยขนาดนี้ หรือว่า…จะเป็นบุตรของแม่เลี้ยง

ดูเหมือนกู้ฉังชิงจะไม่ลงรอยกับแม่เลี้ยงคนนั้นเท่าใดนัก

ถ้าเป็นกู้ฉังชิงคงไม่สนหรอกว่าบุตรของแม่เลี้ยงจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรหรอก!

ดังนั้นจะใช่หรือไม่ใช่ ก็ไม่เห็นจะสำคัญตรงไหน!

พอกู้เหยี่ยนเห็นว่าไม่ได้ผล จึงพยายามเอ่ยต่อ “ไท…ไทเฮา…ตัดหัว…เจ้า…แน่”

“อ้อ เหตุใดไทเฮาถึงต้องตัดหัวข้าด้วยเล่า” ถังหมิงหัวเราะงอหายพลางเอ่ยถาม

“เพราะ…ไทเฮา…คือ…ท่านย่าของข้า…”

ถังหมิงอึ้งชะงักไปสักพัก ก่อนจะหัวเราะหนักกว่าเดิม “ไทเฮาเป็นย่าเจ้ารึ เป็นย่าเจ้ารึ ข้าไม่เห็นจะรู้จักเจ้าเลย แต่ที่แน่ๆ ข้าน่ะรู้จักไทเฮา! คนในตระกูลจวงข้าก็รู้จักมากกว่าเจ้าเสียอีก!”

ถังหมิงเคยเจอกับบุตรหลานของตระกูลจวง รวมถึงอันจวิ้นอ๋องด้วย

น่าเสียดายที่อันจวิ้นอ๋องเป็นหลานรักของไทเฮาและราชครูจวง เขาจึงเล่นของสูงไม่ได้

กู้เหยี่ยนจ้องเขม็งไปที่ถังหมิงด้วยสายตาเหยียดหยาม แต่ด้วยฤทธิ์ของยาพิษ ทำให้เขาเริ่มรู้สึกอยากจะหลับอยู่ทุกเวลา จึงพยายามทำให้ตัวเองตื่นให้ได้มากที่สุด “ถ้าเจ้า…ไม่ยอมปล่อยข้าออกไป…ไทเฮา…ตัดหัวเจ้า…แน่นอน…”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” ถังหมิงหัวเราะอย่างเย่อหยิ่ง “ข้าไม่รู้ว่าไทเฮาจะฆ่าข้าหรือเปล่า หรือว่าจะให้ข้าบอกเจ้าก่อนดีไหมว่าข้าเป็นใคร ข้าน่ะ เป็นหลานชายของจอมพลทหารม้า ท่านอาของข้าเป็นทหารคนสนิทของไทเฮา สิ่งแรกที่ไทเฮาทำเมื่อเสด็จกลับเมืองหลวงคือการเลื่อนตำแหน่งท่านอาของข้าจากนายพลเป็นจอมพลทหารของแคว้น คิดหรือว่าไทเฮาจะตัดหัวข้าเพียงเพราะแตะตัวคนตัวเล็กๆ อย่างเจ้าน่ะ”

กู้เหยี่ยนไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะเอ่ยต่อ

การต่อต้านของเขาเมื่อครู่ ทำให้ใบหน้าอันโกรธจัดของกู้เหยี่ยนเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นอีก และถังหมิงก็ชอบมันมาก

ถังหมิงยกคางของกู้เหยี่ยนขึ้น “นี่ ไม่ต้องกลัว ข้าจะทะนุถนอมเจ้าอย่างดี และเจ้าจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ หลังจากกินยานี้”

ขณะที่เขาพูด เขาหยิบขวดลายครามออกมาจากกระเป๋าและเทยาเม็ดสีแดงเข้มลงบนฝ่ามือ

กู้เหยี่ยนกัดฟันแน่น

น่าเสียดาย อย่าว่าแต่ถูกมอมยาเลย แม้ว่าเขาจะไม่ถูกวางยา เรี่ยวแรงเพียงเล็กน้อยของเขานั้นสู้แรงของถังหมิงไม่ได้เลยแม้นิด

ถังหมิงจับคางของเขาและบังคับให้เขากลืนยา

กู้เหยี่ยนดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง แต่มันก็ไร้ประโยชน์

หลังจากที่กลืนเม็ดยาลงอย่างไม่เต็มใจ สติของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป

ถังหมิงยิ้มอย่างมีชัย ปลดผ้าม่านออก และฉีกเสื้อผ้าของเขาทั้งหมด…