บทที่ 310 ตัวตนของจักรพรรดิเซียนวัฏจักร

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 310 ตัวตนของจักรพรรดิเซียนวัฏจักร

หือ?

หานเจวี๋ยอึ้งงัน มีเครื่องหมายคำถามผุดเต็มหัว

เรื่องบ้าอะไรกัน!

ข้ามีผู้ใต้บัญชามากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดเล่า

หานเจวี๋ยเริ่มโมโหแล้ว

มีคนสร้างเรื่องในนามเขาอยู่สินะ!

จิตใต้สำนึกหานเจวี๋ยอยากถามว่าเป็นกลุ่มอิทธิพลใด จะได้เตรียมตัวสาปแช่งทีละฝ่าย

แต่คิดดูแล้วไม่ถูกต้อง ถ้าถามเช่นนี้ล่ะก็ เห็นได้ชัดว่าเขาใส่ใจเรื่องเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมาก และมีแนวโน้มที่จะเปิดเผยตัวตนออกไป

นอกจากนี้ เดิมทีเขาก็ไม่ได้สนใจฐานะตัวตนของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการด้วย!

‘บัดซบ ข้าชักจะปวดหัวแล้ว ไม่ได้ เป็นแบบนี้ไม่ได้’

หานเจวี๋ยแอบระวังตัว จากนั้นก็พูดกับป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ “เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นใครจากไหนกันแน่ เป็นต้าหลัวในตำนานหรือ”

ตี้ไท่ไป๋ตอบว่า “เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นต้าหลัว แม้แต่ฝ่าบาทจักรพรรดิสวรรค์กับบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ก็ยังถูกเขาสาป ยังไม่อาจหาเบาะแสเกี่ยวกับเขาได้เลย”

เช่นนั้นก็ดีแล้ว!

ในเมื่อพวกท่านคิดว่าเป็นต้าหลัว เช่นนั้นก็ต้องไม่สงสัยในตัวข้าแน่นอน!

หานเจวี๋ยรู้สึกพึงพอใจ

ทั้งสองคนคุยกันอยู่พักหนึ่ง หานเจวี๋ยก็วางป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ลง

ไม่ว่าอย่างไรหานเจวี๋ยก็ยังไม่สบายใจเล็กน้อย

แม้ว่าเขาจะบอกตัวเองอยู่เสมอว่าตนถูกเข้าใจผิดเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ และมีคนสวมรอยเขา เขาก็ยังไม่สบายใจอย่างมาก

ไม่ได้!

หานเจวี๋ยตัดสินใจใช้งานความสามารถวิวัฒนาการ

‘ข้าอยากรู้ว่าใครสวมรอยเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ!’ หานเจวี๋ยคิดในใจ

[จำเป็นต้องหักอายุขัยแปดสิบล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

แค่แปดสิบล้านเองหรือห

หานเจวี๋ยยิ้มอย่างดูถูกและลอบสบถ “เจ้าบ้าเอ๊ย เจ้ากล้าดีอย่างไรมาเล่นกับข้า มาดูกันว่าข้าจะหาตัวเจ้าเจอหรือไม่!”

หานเจวี๋ยเลือกดำเนินการต่อโดยตรง

ต่อจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าฟ้าหมุน

ในไม่ช้า เมื่อเขาลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่เหนือผืนฟ้าแถบหนึ่ง เบื้องหน้าเป็นอุทยานหลวงที่งดงามแห่งหนึ่ง

ภายในอุทยานมีศาลาหินหนึ่งหลัง

จักรพรรดิสวรรค์กล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกว่า “พักนี้ชื่อเสียงของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการขจรไกล เราตัดสินใจว่าจะยืมชื่อของเขาดึงเผ่าพันธุ์บรรพกาลบางส่วนมาเข้าพวก ทำให้สถานการณ์ของมหาเคราะห์วุ่นวาย ให้วังปีศาจไม่กล้ากำแหงเหิมเกริม เรื่องนี้มอบหมายให้เจ้าไปทำแล้วกัน”

เบื้องหน้าจักรพรรดิสวรรค์มีชายชุดคลุมดำคนหนึ่งยืนอยู่ กายเนื้อเหมือนควัน เห็นใบหน้าที่แท้จริงไม่ชัดเจน

ชายชุดดำประสานหมัดตอบรับ

หานเจวี๋ย “…”

ภาพโดยรอบพลอยแตกเป็นเสี่ยง

ครั้นหานเจวี๋ยกลับมาที่ถ้ำเทวาฟ้าประทาน เขากุมหน้าอกของตัวเอง

‘โอ้โห จักรพรรดิสวรรค์เล่นข้าแล้ว!’

หานเจวี๋ยเกือบจะอาเจียนเป็นเลือด

คิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิสวรรค์จะเป็นผู้บงการเบื้องหลัง ที่สำคัญที่สุดคือเขาเสียอายุขัยแปดสิบล้านปีไปเปล่าๆ

จักรพรรดิสวรรค์ดีกับเขาขนาดนั้น เขาย่อมไม่อาจสาปแช่งอีกฝ่ายได้

กระดานหมากรุกแห่งปวงสวรรค์นี้ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะเล่นได้จริงๆ

หานเจวี๋ยโชคดี ดีที่ตนไม่ได้เข้าสู่เคราะห์ ไม่เช่นนั้นอาจถูกลอบสังหารเมื่อไหร่ก็ได้

ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าจักรพรรดิสวรรค์โง่เขลา ถูกบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เล่นงานจนเหมือนกบในกะลา ไม่นึกเลยว่าจักรพรรดิสวรรค์จะมีแผนการของตัวเองเช่นกัน

ถ้าไม่ใช่เพราะมีระบบ หานเจวี๋ยคงคิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิสวรรค์คือผู้สวมรอยเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

‘ในเมื่อเสียอายุขัยแปดสิบล้านปีแล้ว จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นต่อไปจะสงบจิตใจฝึกบำเพ็ญได้ยาก’

หานเจวี๋ยตัดสินใจทำนายใหม่อีกครั้ง

‘ข้าอยากรู้ว่าจักรพรรดิเซียนวัฏจักรคือใคร’ หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ในใจ

ในตอนนี้เขายังไม่รู้ที่มาของจักรพรรดิเซียนวัฏจักร และไม่รู้แน่ชัดถึงจุดประสงค์ของฝ่ายตรงข้าม

[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าสิบล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

หานเจวี๋ยเวียนหัวอีกครั้ง

คราวนี้จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยไม่ได้เข้าไปในฉากวิวัฒนาการ ทว่ามีเงาร่างคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา

หานเจวี๋ยตกตะลึงอีกครั้ง

ไม่นึกเลยว่าจะเป็น…

ตี้ไท่ไป๋!

หานเจวี๋ยอึ้งไปแล้ว

ถูกต้อง เป็นตี้ไท่ไป๋จริงๆ!

เพียงแต่ตี้ไท่ไป๋ในหัวเขาสวมชุดคลุมสีดำ สีหน้าท่าทางเคร่งขรึม

หานเจวี๋ยรู้สึกสับสน

ตี้ไท่ไป๋ก็คือจักรพรรดิเซียนวัฏจักรหรือ

จักรพรรดิสวรรค์รู้เรื่องนี้หรือไม่

จักรพรรดิสวรรค์ดีกับเขาขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าเจรจากับจักรพรรดิเซียนวัฏจักรเรียบร้อยแล้ว?

หรือว่าจักรพรรดิเซียนวัฏจักรมีความทะเยอะทะยานอันยิ่งใหญ่ ดังนั้นจึงแฝงตัวซุ่มอยู่ข้างกายจักรพรรดิสวรรค์?

มิน่าเล่า แม้ว่าจะเคยโต้ตอบกับจักรพรรดิเซียนวัฏจักร แต่จักรพรรดิเซียนวัฏจักรก็ไม่เกิดความประทับใจหรือความเกลียดชังต่อเขาเลย ที่แท้เจ้าหมอนี่เป็นสหายของตนมาตลอด

หานเจวี๋ยคิดได้ว่าก่อนหน้านี้ตี้ไท่ไป๋โอ้อวดไว้ว่าเคยตัดขาดจากแม่น้ำโชคชะตาแล้ว ตอนนี้พอลองคิดดู เหตุใดตบะระดับเซียนทองไท่อี่ของตี้ไท่ไป๋ถึงทำได้

สภาพจิตใจของหานเจวี๋ยเรียกได้ว่าสับสนวุ่นวาย

ในที่สุดอารมณ์ทั้งหมดนี้ก็กลายเป็นเสียงถอนหายใจ

‘เฮ้อ! ช่างเถอะๆ ข้าแค่ต้องฝึกบำเพ็ญให้หนักก็พอ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ไปแย่งชิงอะไรอยู่แล้ว ตราบใดที่แผนของคนใหญ่คนโตเหล่านี้ไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของข้า’

หานเจวี๋ยคิดเช่นนี้ เขาฟื้นพลังใจและเริ่มฝึกบำเพ็ญอีกครั้ง

……

สามสิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์อีกครั้ง

เขาตรวจดูกล่องจดหมายต่อ มุ่งความสนใจไปที่สถานการณ์ในแดนเซียน

คล้ายกับก่อนหน้านี้ มีแต่การต่อสู้ต่างๆ นานา หานเจวี๋ยไม่เห็นจดหมายแจ้งเตือนพิเศษใดๆ ในขณะนี้

[ความประทับใจที่หานมิ่งมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

จู่ๆ ก็มีตัวอักษรแถวหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหานเจวี๋ย ทว่าเขาเมินเฉย

เจ้าน้องบ้าคิดจะเลียแข้งเลียขาข้าหรือ

หานเจวี๋ยไม่สนใจหานมิ่งอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ไม่เคยสุงสิงกัน หนำซ้ำเขายังมีความทรงจำในอดีตชาติอยู่

หลายวันต่อมา หานเจวี๋ยกำลังจะสาปแช่งจักรพรรดิปีศาจต่อ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จึงหยิบป้ายคำสั่งออกมาทันที

ป้ายอีกาทอง

เจียงอี้เรียกหาเขา

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังถอดพลังจิตเข้าไปในป้ายอีกาทอง

“ซือหม่าอี้ ข้าขอให้ท่านตรวจสอบเจดีย์บรรพชนจอมเวท ทำไมท่านถึงไม่ทำ” น้ำเสียงของเจียงอี้ไม่เป็นมิตรอย่างมาก

หานเจวี๋ยตอบว่า “อีกเดี๋ยว ไม่นานก็จะรู้ผลแล้ว”

เจียงอี้โกรธแทบตาย เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เจดีย์บรรพชนจอมเวทถูกคนแย่งไปแล้ว!”

“หา?”

หานเจวี๋ยแสร้งทำเป็นตกใจ

เจียงอี้กล่าวต่อว่า “เรื่องนี้ลืมไปเสียเถอะ เผ่าของข้าตัดสินใจจะส่งข้าไปยังแดนเทพหวนปัจฉิม ท่านจะไปกับข้าหรือไม่ จะได้พบต้าหลัวและได้คำชี้แนะจากเขาด้วย”

ได้พบต้าหลัว?

หานเจวี๋ยปฏิเสธทางอ้อม “ช่างเถอะ ข้าไม่อยากรบกวนท่าน ขอบคุณความหวังดีของสหายมาก”

“หือ? ไม่ไว้หน้าเลยหรือ”

“ไม่ใช่ มันไกลเกินไป ข้ากลัวว่าจะเกิดเรื่อง”

“ฮึ ดูอนาคตของท่านสิ ไม่ไปก็ไม่ไป ทำอย่างกับข้าขอร้องอย่างนั้นแหละ!”

“ขออภัยด้วย!”

หานเจวี๋ยถอนหายใจโล่งอก กลัวจริงๆ ว่าเจียงอี้จะยืนกรานให้เขาไปให้ได้

ถึงตอนนั้นหากความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองตึงเครียดและกลายเป็นศัตรูกัน เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเจียงอี้

เจียงอี้แค่นเสียงบ่นว่า “เมื่อข้ากลับมาจากแดนเทพหวนปัจฉิม ตอนนั้นข้าจะเป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่ชิงดวงชะตายิ่งใหญ่มาได้ ถึงตอนนั้นเด็กน้อยอย่างท่านเห็นข้าก็ต้องคุกเข่า อย่าเสียใจภายหลังแล้วกัน”

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้ท่านสมหวังทุกประการ”

หานเจวี๋ยพูดอย่างจริงใจ แต่กลับทำให้เจียงอี้โกรธมาก

เจียงอี้เคยปฏิบัติต่อคนคนหนึ่งแบบนี้ที่ไหนกัน!

เจ้าเด็กคนนี้!

“เช่นนี้ก็แล้วกัน!”

เจียงอี้ตัดขาดการติดต่อไป

หานเจวี๋ยเก็บป้ายอีกาทองทันที มีอาณาเขตเต๋าอยู่ เขาก็ไม่กลัวว่าผู้ทรงพลังของเผ่าเทพอีกาทองจะทำนายหาตัวเขาพบผ่านป้ายอีกาทอง

‘แดนเทพหวนปัจฉิม? ฟังดูแข็งแกร่งมาก รอให้ข้าบรรลุต้าหลัวก่อนอาจจะลองไปดูสักหน่อย’

หานเจวี๋ยคิดในใจเงียบๆ

หากอยู่กับเจียงอี้ต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน จะเลินเล่อไม่ได้ๆ

หานเจวี๋ยสาปแช่งจักรพรรดิปีศาจต่อ

อีกด้านหนึ่ง

ภายในวังจักรพรรดิปีศาจ

จักรพรรดิปีศาจกำลังสนทนาลับกับเจ้าแห่งวังเทพ ภายในโถงตำหนักมีเพียงพวกเขาสองคน

เมื่อรู้สึกถึงพลังคำสาปแช่งที่มาอย่างกะทันหัน จักรพรรดิปีศาจพลันกัดฟันกรอด

“เกิดอะไรขึ้น เจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งเจ้าอีกแล้วหรือ” เจ้าแห่งวังเทพเอ่ยถามยิ้มๆ

จักรพรรดิปีศาจแค่นเสียงเย็น “เรา บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ และจักรพรรดิสวรรค์ล้วนถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่ง แต่ทำไมเจ้าถึงไม่เป็นไร คงไม่ใช่ว่าเจ้าก็คือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเองหรอกนะ?”

เจ้าแห่งวังเทพโบกมือกล่าวว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร! ข้าถูกสาปแช่งบ่อยกว่าเจ้าอีก ไม่รู้ว่าทำไมเจ้าแดนต้องห้ามอันธการถึงเกลียดชังข้ามาก โชคดีที่พลังวิเศษของข้าแข็งแกร่งพอที่จะต่อต้านคำสาปของเขา”

………………………………………………