บทที่ 311 เผ่ามนุษย์สามัคคี พรสวรรค์ของหลงเฮ่า

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 311 เผ่ามนุษย์สามัคคี พรสวรรค์ของหลงเฮ่า

“ฮึ เจ้ารู้วิธีโอ้อวดจริงๆ เชียว!”

จักรพรรดิปีศาจแค่นเสียงเย็น เขาจะไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเจ้าแห่งวังเทพได้อย่างไร

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องการพลังของวังเทพ เขาจะทำให้เจ้าแห่งวังเทพได้รู้ว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันเสียตอนนี้เลย

“เอาละ อย่าพูดถึงเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเลย หลี่เต้าคงกับหลี่เสวียนเอ้าพักนี้จับตามองวังปีศาจของพวกเราไม่วางตา ก่อนหน้านี้หลี่เสวียนเอ้าช่วยวังปีศาจต่อต้านวังสวรรค์ ตอนนี้กลับแปรพักตร์ ศิษย์พี่ศิษย์น้องนิกายเหรินคู่นี้ล้ำเส้นแล้ว ข้าต้องการให้วังเทพกำราบพวกเขาเสีย”

จักรพรรดิปีศาจกล่าวเสียงเข้ม สีหน้าสงบนิ่ง

เจ้าแห่งวังเทพเอ่ยอย่างเนิบนาบว่า “ศิษย์พี่น้องคู่นี้ไม่ธรรมดา จักรพรรดิเซียนปะทะพวกเขาต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะหลี่เต้าคง ผู้ทรงพลังระดับเทพธรรมดาร่วมมือกันก็กำราบพวกเขาได้ยากนัก สิ่งสำคัญที่สุดคือจุดยืนของพวกเขาไม่ชัดเจน ช่วยเจ้าปราบปรามพวกเขา วังเทพจะต้องเผชิญกับปัญหามากมาย”

จักรพรรดิปีศาจสะบัดแขนเสื้อ แค่นเสียงหยันบอก “ในดินแดนสุดตะวันตก วังเทพเลือกอาณาเขตใดๆ ก็ได้สามแห่ง!”

“ดี! ฝ่าบาทจักรพรรดิปีศาจตรงไปตรงมาดังคาด!”

จู่ๆ เจ้าแห่งวังเทพก็เผยรอยยิ้มออกมา สิ่งที่วังเทพต้องการมากที่สุดคือก็อาณาเขต

อาณาเขตหนึ่งแห่งของแดนเซียนใหญ่กว่าโลกมนุษย์มากนัก

จักรพรรดิปีศาจแค่นเสียงฮึ “ส่วนเต้าจื้อจุน ถ้าเราฆ่าเขา วังเทพของพวกเจ้าต้องร้อนรนจนอยู่ไม่สุขแน่ เอาเช่นนี้แล้วกัน เราจะไม่ฆ่าเขาก็ได้ แต่เขาต้องชดใช้ที่ลอบสังหารเรา เราจะให้เขาอยู่เคียงข้างข้าพันปี หลังจากพันปีแล้วจะคืนให้วังเทพโดยไร้รอยขีดข่วน เราจะไม่ใช้กลอุบายใดๆ ล้างสมองเขา ต่อให้คุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลทรยศพวกเจ้า พวกเจ้าก็ไม่ยอมถอดใจแน่นอน ข้อนี้เราเข้าใจ”

เจ้าแห่งวังเทพตอบด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็ขอบคุณฝ่าบาทมาก!”

เจ้าแห่งขุมอำนาจทั้งสองมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ก่อนเริ่มชนจอกกันและกัน

……

สถานการณ์ในแดนเซียนเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกชั่วขณะ เมื่อมีการแทรกแซงของเผ่าพันธุ์บรรพกาลที่สำคัญแต่ละเผ่า ก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่เจ้าผู้ปกครองทั้งสี่ฝ่ายต่อสู้กันเองอีกต่อไป

แต่ว่าทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ย

เขากำลังฝึกบำเพ็ญสุดกำลัง

นับตั้งแต่ที่รู้ว่าตี้ไท่ไป๋เป็นจักรพรรดิเซียนวัฏจักร หานเจวี๋ยก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่อาจดูแต่ระดับความประทับใจได้

ระดับความประทับใจยังคลุมเครือเกินไป ระบบไม่สามารถแนะนำตัวตนของคนบางคนได้หมดภายในสองสามบรรทัด

ผู้ทรงพลังในแดนเซียนมักจะมีร่างแยกมากมาย เป็นผลให้ร่างแยกก็มีตัวตนที่แยกเป็นเอกเทศด้วย

สี่สิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยเข้าใกล้จักรพรรดิเซียนห้าวัฏมากขึ้นอีกก้าว

ในวันนี้ ตี้ไท่ไป๋เป็นฝ่ายติดต่อมาหาก่อนด้วยเป็นห่วงเรื่องตบะของเขา

นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ตี้ไท่ไป๋มักจะถามไถ่เกี่ยวกับการฝึกบำเพ็ญของเขา เมื่อก่อนเขาไม่ได้คิดมาก คิดว่าตี้ไท่ไป๋แค่กังวลล้วนๆ ตอนนี้ดูไปแล้วบางทีอาจจะมีเหตุผลอื่นแฝงอีกชั้น

หานเจวี๋ยกล่าวตอบว่า “เป็นเช่นเคย ราบรื่นแต่ไม่ถือว่าเร็วนัก”

ตี้ไท่ไป๋หัวเราะก่อนบอก “หากเจ้ายังไม่ถือว่าเร็วมาก ปวงสวรรค์หมื่นโลกาก็ไม่มีใครกล้าพูดว่าตัวเองบำเพ็ญตบะได้เร็วแล้ว”

“พักนี้สถานการณ์ในวังสวรรค์เป็นอย่างไรบ้าง”

“ยังดีกระมัง หลักๆ คือรูปแบบโครงสร้างของแดนเซียนกำลังเปลี่ยนไป…”

ตี้ไท่ไป๋เริ่มเล่าความเคลื่อนไหวของแดนเซียนให้หานเจวี๋ยฟัง

ทั้งเผ่าเทพอีกาทอง เผ่ามังกรแท้ เผ่าวิหคชาด เผ่ากิเลน เผ่าศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ยิ่งนานยิ่งมีเผ่าพันธุ์ทรงพลังถือกำเนิดขึ้น ทำให้ทั่วทุกแห่งหนในแดนเซียนเกิดการต่อสู้กัน

ไม่เพียงแค่นั้น นอกจากเผ่ามนุษย์เริ่มรวมตัวกันแล้ว ราชวงศ์ใหญ่ๆ ก็ผนึกกำลังเตรียมรวบรวมเป็นเผ่ามนุษย์ เริ่มเปิดศึกกับหมื่นเผ่าพันธุ์ในปวงสวรรค์ ช่วงชิงดวงชะตายิ่งใหญ่ ต้องการเป็นเจ้าเหนือหัวของแดนเซียนหลังจุดสิ้นสุดของมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต

แดนเซียนที่เผ่ามนุษย์เป็นใหญ่!

เล่ห์กลนี้น่าเย้ายวนใจมาก ทำให้เผ่ามนุษย์รวมตัวเป็นหนึ่งได้ง่ายดายนัก

ขณะที่หานเจวี๋ยฟังคำพูดของตี้ไท่ไป๋ ในใจก็ครุ่นคิดตาม

เหตุใดคนผู้นี้จึงมาบอกสถานการณ์ทั่วไปของฟ้าดินกับเขา

กำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่

เพราะอยากหลอกล่อให้เขาเข้าสู่เคราะห์หรือ

เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เขานับว่าเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิเซียนวัฏจักรเท่านั้น จักรพรรดิเซียนวัฏจักรยังไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายเขาในตอนนี้ ตี้ไท่ไป๋ยิ่งไม่มีเข้าไปใหญ่

“บางทีข้าอาจจะคิดมากเกินไป อย่างไรข้าก็ไม่อาจเข้าสู่เคราะห์เด็ดขาด”

หานเจวี๋ยคิดเช่นนั้น

จู่ๆ ตี้ไท่ไป๋ก็ยิ้มและกล่าวว่า “จริงสิ ฝ่าบาทหลงเฮ่าแสดงฝีมือโดดเด่นที่สุดในงานชุมนุมคุณสมบัติเซียน เขาได้รับคำชื่นชมจากรองเจ้านิกายฉ่าน ดวงชะตาก็พุ่งสูงขึ้นอยู่ตลอด คาดว่าแม้แต่ตบะของเขาก็เป็นเช่นนี้ด้วย เจ้าสอนลูกศิษย์ได้ดีนัก”

ทันทีที่หานเจวี๋ยได้ยิน ก็อดเรียกค่าความสัมพันธ์ออกมาตรวจดูไม่ได้

ไม่ดูก็ไม่รู้ แต่พอดูถึงกับสะดุ้งโหยง

เจ้าเด็กนี่ถึงกับอยู่ระดับเซียนทองไท่อี่ระยะต้นแล้ว!

พรสวรรค์ช่างน่ากลัวจริงๆ

บุตรจักรพรรดิสวรรค์บวกกับดวงวิญญาณของเฮ่าเทียน เกรงว่าไม่ด้อยไปกว่าคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลเลย

หานเจวี๋ยยิ้มพูดว่า “เพราะสายเลือดของฝ่าบาทดีต่างหาก”

“เอาละ เจ้าฝึกบำเพ็ญต่อเถอะ แล้วข้าจะมาหาเจ้าภายหลัง”

ตี้ไท่ไป๋ยิ้ม จากนั้นก็จบการสนทนา

หลังจากวางป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ลง หานเจวี๋ยก็ส่ายหัว

เขาต้องรีบทำเวลาฝึกบำเพ็ญ

นับตั้งแต่มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตเริ่มต้นขึ้น ตบะของสหายในแดนเซียนของเขาล้วนพัฒนาขึ้น

เขาเคยได้ยินมาว่าเหตุที่มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตทำให้ผู้คนบ้าคลั่ง นอกเหนือจากการช่วงชิงโชคชะตาแล้ว ไอเซียนในแดนเซียนก็ยังจะพุ่งสูงขึ้น ยังผลให้ตบะของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดก้าวหน้าเร็วกว่าเดิม วิญญาณเซียนที่บรรลุถึงขีดสูงสุดพวกนั้นมีหรือจะนั่งดูศัตรูแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นจึงเข่นฆ่ากันอเนจอนาถมากกว่าเดิม

…….

ภายใต้ท้องฟ้าเมฆาม่วง ภายในลานบ้านแห่งหนึ่ง

หลงเฮ่า หลงซั่น ฟางเหลียง โจวฝาน โม่ฟู่โฉว หานมิ่ง และคนอื่นๆ อีกหลายสิบคนมารวมตัวกัน

“ยินดีด้วยที่ท่านได้รับคำชื่นชมจากรองเจ้านิกายฉ่าน” โม่ฟู่โฉวยกแก้วขึ้นพลางกล่าวด้วยยิ้ม

คนอื่นๆ พากันยกจอกสุราขึ้นมา ล้วนมองไปทางหลงเฮ่าอย่างกระตือรือร้น

ในงานชุมนุมคุณสมบัติเซียนครั้งนี้ หลงเฮ่าทำผลงานได้ดีที่สุด ความสามารถและคุณสมบัติของเขาทำให้คนยอมรับจากใจจริง แม้แต่โจวฝานก็ยอมรับด้วยเช่นกัน

หานมิ่งมองหลงเฮ่าอย่างสับสน หลังจากได้รู้จักกับพวกฟางเหลียง เขาก็รู้บางอย่างเกี่ยวกับหานเจวี๋ย บุตรแห่งฟ้าดินตรงหน้าคนนี้คือลูกศิษย์ของหานเจวี๋ย

ในงานชุมนุมคุณสมบัติเซียนคราวนี้ หลงเฮ่าเรียกได้ว่าทำเอาผู้คนตกใจ!

พลังอยู่เหนือคนรุ่นหลังทั้งปวงสวรรค์ กลายเป็นบุตรแห่งสวรรค์แห่งยุคที่ทุกคนยอมรับ บารมีสะเทือนไปทั้งแปดทิศ!

สามารถฟูมฟักศิษย์ระดับนี้ออกมาได้ หานเจวี๋ยจะแข็งแกร่งแค่ไหนกัน

ดูเหมือนอาจารย์ของเขาจะไม่ได้โกหกเขา ช่องว่างระหว่างหานเจวี๋ยกับเขาช่างยากเกินจะจินตนาการจริงๆ

หลงเฮ่าหัวเราะลั่น “ภายหน้าหากทุกท่านต้องการเข้าร่วมวังสวรรค์ ก็มาหาข้าได้ตลอดเวลาเลย ข้าจะแนะนำให้เป็นการส่วนตัว!”

เขาดูมีชีวิตชีวาร่าเริงอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีท่าทีจะถ่อมตัวเลยแม้สักนิด

หลังออกจากสำนักซ่อนเร้น ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าพรสวรรค์ของตนน่ากลัวเพียงใด

ถึงขั้นใช้คำว่าไร้ศัตรูมาอธิบายได้!

โลกภายนอกไม่ได้อันตรายอย่างที่อาจารย์บอกขนาดนั้น!

แน่นอน ในขณะเดียวกันหลงเฮ่าก็ตระหนักว่าสำนักซ่อนเร้นเป็นกลุ่มอิทธิพลที่มีศักยภาพสูงขนาดไหน

ตอนฝึกบำเพ็ญในสำนักซ่อนเร้นเขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน แต่เมื่อออกจากสำนักซ่อนเร้นกลับผงาดขึ้นมา เพียงพอจะอธิบายปัญหาได้

เมื่อได้ยินคำพูดของหลงเฮ่า ทุกคนก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น ยังคงชมเชยหลงเฮ่าต่อ

ที่ลานบ้านข้างๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังฉลองอยู่เช่นกัน คนเหล่านี้ล้วนเป็นศิษย์ของนิกายเจี๋ย หวงจุนเทียนก็เป็นหนึ่งในนั้น

ครั้นได้ยินเสียงหัวเราะลั่นของพวกหลงเฮ่า สภาพจิตใจของบรรดาศิษย์นิกายเจี๋ยก็ซับซ้อนอย่างมาก

งานชุมนุมคุณสมบัติเซียนครั้งนี้ พวกเขาได้รับประโยชน์มามากมาย แต่เมื่อเทียบกับหลงเฮ่าแล้ว พวกเขาก็เหมือนดวงดาวที่อยู่ข้างดวงจันทร์สว่าง ประกายแสงริบหรี่

‘ก่อนหน้านี้เหมือนจะเคยเห็นหลงเฮ่า เขาอยู่ใต้ต้นไม้เทพต้นนั้น ไม่คิดเลยว่าบุตรแห่งสวรรค์ผู้อยู่เหนือคนรุ่นเยาว์ในปวงสวรรค์จะเป็นศิษย์ของนายท่าน’

หวงจุนเทียนคิดเงียบๆ

เขาเคยเป็นผู้อาวุโสในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ เคยพบกับฟางเหลียง หลังจากเข้าเขาเพียรบำเพ็ญเซียนก็เคยได้พบกับหลงเฮ่า แต่เขากับหลงเฮ่าไม่เคยพูดคุยกันเลย

เขาทำตัวไม่โดดเด่นอยู่เสมอ เพราะกลัวว่าจะถูกฟางเหลียงและคนอื่นๆ ค้นพบ เลี่ยงไม่ให้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง

ผลงานของพวกหลงเฮ่าทำให้หวงจุนเทียนยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้นอีกว่า ต้องติดตามหานเจวี๋ยจึงจะมีอนาคตสดใส

ในบรรดาศิษย์ที่นิกายเจี๋ย ตัวตนของหวงจุนเทียนไม่โดดเด่น พูดจาน้อยครั้ง

เขาเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตลอด

ในบรรดาศิษย์เหล่านี้ซ่อนคนรุ่นหลังที่เป็นผู้ทรงพลังของนิกายเจี๋ยไว้จำนวนหนึ่ง ควรค่าจะผูกสัมพันธ์ด้วย มีส่วนช่วยให้เขาก้าวหน้าขึ้นได้

กระเรียนขาวบังคับให้เขามาที่งานชุมนุมคุณสมบัติเซียน ทำให้เขาตระหนักรู้ว่าตำแหน่งเจ้าเกาะนั้นยังไม่เพียงพอ

เขาต้องปีนให้สูงขึ้นไปอีก!

…………………………………………………