สนามรบทั้งหมดกลายเป็นน้ำแข็ง ทุกคนหันไปมองยังร่างสวยงามสุดน่าทึ่งที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ไม่เหมือนกับในอดีต ตอนนี้ใบหน้าของมิร่าถูกเปิดเผยออกมาอย่างเต็มที่ ทำให้ผู้ที่จ้องมองร่างของเธอแทบหยุดหายใจ แรงกดดันที่กระเพื่อมอย่างไม่มีใครเหมือนล้อมอยู่รอบเธอ หนึ่งในผู้มีอำนาจและพลัง

“เป็นไปไม่ได้…” 

ร่างที่สวมเสื้อคลุมคนหนึ่งพึมพำ เนื่องจากบุคคลที่มีระดับพลังนี้ไม่ควรเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ได้

“ถ้าพวกแกทำได้ แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้หล่ะ?” 

มิร่าถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา มานาที่เต็มพื้นที่ทั้งหมดล้อมรอบเธอด้วยคำสั่งของเธอ แม้แต่อิซาเบลล่า อัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ก็ทำได้เพียงมองดูด้วยดวงตาที่เบิกกว้างในขณะที่มานาภายใต้การควบคุมของเธอหายไป บัดนี้มานาทุกๆ ส่วนที่ลอยอยู่ในอากาศกลายเป็นของผู้หญิงบนท้องฟ้าแล้ว

“เรื่องตลกนี้ควรจบลงได้แล้ว” 

มิร่าประกาศ 

หลังจากที่เธอพูดจบ ร่างทั้ง 3 ที่เหลือก็หายไปจากจุดเดิมและโจมตีมิร่า พวกมันเริ่มใช้พลังบังคับให้ภูเขาที่มีขนาดใหญ่ปรากฏจากท้องฟ้าพุ่งเข้าใส่เธอ สายฟ้าที่ใหญ่พอที่จะกวาดล้างเมืองได้เคลื่อนเข้ามาหาเธอ ซึ่งแตกต่างจากสายฟ้าจริง สายฟ้านี้ไม่ได้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสง แต่ในทางกลับกันพลังที่มีอยู่ในนั้นก็มากเกินพอที่จะทำลายอาณาจักรได้ คลื่นลมขนาดยักษ์เคลื่อนเข้าหาเธอในแนวนอนพร้อมกับพลังมหาศาลบดขยี้พื้นที่ที่พวกเขาอยู่

เส้นทางพลังงานของภูเขา, สายฟ้าและลมที่แรงมหาศาลถูกปลดปล่อยออกมาและศูนย์กลางที่พลังเหล่านั้นกำลังพุ่งไปได้มีสาวสวยคนหนึ่งยืนอยู่ ซึ่งเธอดูไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่กำลังมุ่งเข้ามาหาตัวเธอเลยสักนิด

“อาณาเขต…ฉันคือมานา”

 มิร่ากระซิบเงียบๆ ก่อนที่โลกจะสั่นสะท้านขึ้นมา การโจมตีทั้ง 3 ที่ดูเหมือนถูกโลกทำให้หยุดนิ่งหรือพูดให้ถูกคือ พวกมันถูกบล็อกไว้ด้วยมานานั่นเอง มานาทั่วโลกเคลื่อนไหวราวกับว่ามีจิตใจเป็นของตัวเอง เพื่อปกป้องมิร่า

‘ไม่มีจอมเวทย์คนไหนที่สามารถทำร้ายเธอได้’

ออสตินคิดขณะมองดูการโจมตีที่นิ่งสนิท ในทางเทคนิคแล้วการโจมตีทั้ง 3 ที่บัญญัติไว้นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับมานา แต่มันมาจากกระแสพลังงานของกฎ(law : งงว่าทำไมใช้คำนี้ ใครรู้รบกวนแนะนำทีครับ)ที่ระดับจักรพรรดิสามารถควบคุมได้ หากการโจมตีของพวกมันขึ้นอยู่กับมานาอย่างแท้จริง มันคงจะไม่สามารถปล่อยออกมาได้ด้วยซ้ำ มิร่าอาจจะควบคุมการโจมตีได้ด้วยตัวมันเอง

มิร่าได้สร้างอาณาเขตที่เธอกลายเป็นมานา ทำให้มานาทุกอณูในโลกนี้กลายเป็นของเธอ แน่นอนว่ามีข้อจำกัดและเงื่อนไขบางประการอยู่ แต่โดยรวมแล้วมันเป็นกฎที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งสามารถยืนหยัดอยู่เหนือกฎที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา

‘ชักสงสัยแล้วสิว่าเราจะได้กฎอะไร?’

ออสตินสงสัย

[ กฎแห่งเซ็กส์และตัณหา? ]

ระบบตอบกลับ ทำให้ริมฝีปากของออสตินกระตุก 

ขณะที่ออสตินกำลังโต้เถียงกับระบบอยู่ มิร่าได้โบกมือทำให้มานาทั้งหมดที่อยู่รอบๆ บิดเบี้ยวทำให้การโจมตีถูกกลืนหายไป

“ไม่เลวสำหรับจักรพรรดิมือใหม่”

ร่างที่สวมเสื้อคลุมอีกคนหนึ่งพูด แต่มิราไม่ได้ตอบกลับในขณะที่เสียงของเธอแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง

“นักเรียน อย่าละสายตาแม้แต่วินาทีเดียวและจับตาดูฉันให้ดี บางทีนี่อาจนำชีวิตของพวกเธอไปสู่สิ่งใหม่ได้”

เมื่อเธอพูดจบ โลกก็กลายเป็นน้ำแข็ง…อย่างแท้จริง

มานาทั้งหมดที่มีอยู่ดังก้องในขณะที่มันแช่แข็งทุกสิ่งในสถานที่แห่งนี้ พื้นดิน, ต้นไม้, อากาศ ทุกสิ่งถูกแช่ไว้ด้วยมานาราวกับว่าเวลาหยุดลง

และในตอนนั้นเองที่ดวงตาของทุกคนเต็มไปด้วยความกลัวเมื่อเห็นดวงตาที่กำลังมองลงไปข้างล่าง ซึ่งเป็นดวงตาที่ไม่สามารถวัดขนาดได้เลย 

ดวงตาเปิดขึ้นเหนือมิร่า ขณะที่มันมองไปที่ศัตรู มานาทั้งหมดในสถานที่นั้นถูกใช้เพื่อประคองดวงตาเอาไว้เท่านั้น

“First layer of Mana Dilution : Stripping of Authority …” 

มิร่าพูดด้วยเสียงต่ำขณะที่ดวงตาที่เปิดกว้างจดจ่อไปที่จักรพรรดิในเสื้อคลุมทั้ง 3 ที่ตอนนี้ตัวสั่นอยู่กับที่ เมื่อเธอลืมตาขึ้นแล้วกลับไม่มีอะไรอยู่ข้างในเลย มันเป็นเพียงความมืดอันบริสุทธิ์ อย่างไรก็ตามมานาทั่วทั้งสถานที่ดูเหมือนจะเต้นด้วยความยินดี เป็นปฏิกิริยาที่คล้ายกับการต้อนรับกษัตริย์

ลำแสง 3 อันส่องลงมาจากดวงตาก่อนจะโจมตีเข้าไปที่จักรพรรดิทั้ง 3 และในไม่ช้าภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของทุกคน กฎที่อยู่ข้างหลังพวกเขาก็เริ่มสั่นคลอนและหายไปในไม่ช้า ภูเขาพังทลาย, สายฟ้ากลายเป็นอนุภาคและลมก็ปลิวหายไป

ภายในไม่กี่วินาทีต่อมาพวกเขาก็กลายเป็นมนุษย์และถูกกีดกันจากสิ่งที่เป็นของพวกเขาไปโดยสิ้นเชิง 

เมื่อเห็นแบบนั้นมิราก็ส่ายหัว 

“นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อพวกเธอใช้ทางลัด” 

เสียงของเธอก็ดังสนั่นไปทุกที่และในไม่ช้าอาณาเขตของมิร่าก็หยุดลงก่อนโลกจะกลับมาเป็นปกติพร้อมกับดวงตาบนฟ้าที่หายไป ทำให้ทุกคนได้ถอนหายใจออกมา แต่ไม่มีใครสามารถพึมพำอะไรได้เลยสักคำ พวกเขาต่างมองดูผู้หญิงที่น่าทึ่งซึ่งลอยอยู่บนท้องฟ้าด้วยความตกตะลึง

มิร่าควบคุมตัวศัตรูทั้ง 3 ไว้ขณะที่เธอพาพวกมันไปยังสถานที่อื่น ในไม่ช้าเธอก็หันไปมองเมือง มองลงมาที่พวกนักเรียน จนกระทั่งเธอสบตากับออสตินที่กำลังมองเธอด้วยรอยยิ้มแห่ง ‘ความสุข’, ‘ความภาคภูมิใจ’, ‘ความพึงพอใจ’ และ ‘ความรัก’ ที่ล้นออกมาจากออสตินเข้าหาเธอ ทำให้มิร่ามองเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเบนสายตาไปทางกลุ่มนักเรียน

เธอมองเห็นได้ในสายตาของทุกคนว่าพวกเขาเปลี่ยนไป และสิ่งนี้ทำให้เธอมีรอยยิ้มบางๆ ซึ่งนั่นทำให้ใจผู้ชายหลายๆ คนสั่นไหวอย่างรวดเร็ว

“พวกเธอทุกคนจะถูกส่งกลับ และไม่ต้องกังวล ทุกอย่างจะมีการอธิบายให้พวกเธอทุกคนทราบในไม่ช้า”

เมื่อทิ้งคำพูดเหล่านั้นเสร็จแล้ว มิร่าก็หายตัวไป ทิ้งให้กลุ่มนักเรียนที่ตกตะลึงมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้อยู่ในความคิดของพวกเขานานนักในขณะที่พวกเขาชูมือขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อเฉลิมฉลอง ภายในกรอบเวลาสั้นๆ มีสิ่งต่างๆ มากมายเกิดขึ้น และตอนนี้เท่านั้นที่พวกเขาสามารถผ่อนคลายได้ในที่สุด

ออสตินยิ้มขณะมองไปที่ทุกคน ในไม่ช้าผู้คนหลายคนก็ล้มลงกับพื้นเนื่องพวกเขาผ่อนคลายลง ในขณะที่บรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองเต็มไปทั่วทั้งเมือง จากนั้นดวงตาของเขาก็มองไปทางเลโอนาร์โดซึ่งดูเหมือนจะเฉลิมฉลองกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอยู่ ในที่สุดเขาก็ได้แสดงผลที่ยอดเยี่ยมในการต่อสู้…

‘มีความสุขไปเถอะในขณะที่ยังคงทำแบบนั้นได้…’ 

นี่คือความคิดของออสตินในขณะที่เขาเริ่มเคลื่อนไหว ยังมีอีกหลายสิ่งที่เขาต้องทำ

…..

มุมมองของออสติน :

เมื่อเห็นการเฉลิมฉลองทั้งหมดที่เกิดขึ้นรอบตัวเอง ผมก็ยิ้มออกมา ในที่สุดสิ่งต่างๆ ก็เป็นไปตามแผน แม้ว่าจะมีสะดุดบ้าง แต่สุดท้ายทุกอย่างก็จบลงด้วยดี 

เมื่อคิดอย่างนั้นเสร็จแล้วผมก็หายไปจากสายตาของทุกคนก่อนจะเคลื่อนตัวไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่มีใครสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของผมได้ในขณะที่ผมยืนอยู่หน้ากำแพงที่ดูปกติในเมือง

เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครสังเกตุเห็น ผมก็เดินทะลุกำแพงมาจนพบกับโถงทางเดินยาว ผมเดินต่อไปด้วยขั้นบันไดเล็กๆ จนกระทั่งถึงสถานที่คล้ายแท่นบูชา สิ่งที่ลอยอยู่เหนือแท่นบูชานั้นมี 3 สิ่ง สิ่งแรกคือลูกธนูที่เสียหายและดูเหมือนจะเหลือเพียงส่วนยาวตรงกลาง แต่พอเห็นมันแล้วผมก็ยิ้มออกมาพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ๆ มัน

ทันใดนั้นอยู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายพูดขึ้น

“คุณทำสำเร็จแล้ว…”

“แน่นอน” 

ผมตอบขณะไปถึงแท่นบูชาแล้วหยิบลูกธนูเล็กๆ นั่นขึ้นมา หลังจากนั้นสายตาของผมก็จับจ้องไปที่สิ่งของอีก 2 ชิ้นที่ลอยอยู่ข้างๆ ชิ้นส่วนลูกธนูนั่นคือหินก้อนเล็กๆ และหอก ซึ่งเป็นของที่ดูธรรมดาในสายตามนุษย์

สิ่งเหล่านี้เป็นไอเทมที่สามารถเข้าถึงได้เฉพาะในเมืองอันยิ่งใหญ่นี้เมื่อเกิดสงครามที่นี่เท่านั้น สงครามที่เกิดขึ้นนั้นสถานการณ์ควรจะเป็นว่าชาวเมืองเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ แต่พวกเขาทั้งหมดจะมารวมตัวกันเพื่อต่อสู้และชนะในที่สุด นี่เป็นเงื่อนไขสำหรับการทำให้ไอเทมเหล่านี้ปรากฏ

‘ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีสินะ’ 

ผมคิดขณะหยิบสิ่งของทั้ง 3 ชิ้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ท้ายที่สุดแล้วผมต้องวางแผนและควบคุมหลายอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งเหล่านี้ ขณะที่ผมคิดถึงแผนต่างๆ ของตัวเองก็รู้สึกได้ถึงมิติที่ล้อมรอบตัวผม เมื่อเห็นอย่างนั้นผมก็หัวเราะคิกคัก ดูเหมือนว่าเรื่องราวของดินแดนที่ซ่อนเร้นนี้จะจบลงแล้ว

‘ไปสู่อนาคตที่น่ากลัวยิ่งขึ้น’ 

ด้วยความคิดเหล่านั้น ผมหลับตาลงขณะที่ตัวเองและทุกคนในเมืองถูกเคลื่อนย้ายออกไป

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต