ตอนที่ 629 ออดอ้อน (3) ตอนที่ 630 การจากลากะทันหัน

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 629 ออดอ้อน (3) / ตอนที่ 630 การจากลากะทันหัน
ตอนที่ 629 ออดอ้อน (3)

จวินอู๋เย่าหยุดเดิน เขาหรี่ตาที่มีเสน่ห์คู่นั้นมองสำรวจบรรดาหญิงสาวที่ส่งเสียงดังอยู่ตรงหน้าเขา หลังจากไม่พบอันตรายใดๆ จากพวกนาง เขาก็ไม่มองพวกนางอีกและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

“กรี๊ดดด! เขามองข้าใช่หรือไม่! อ๊า! เขาช่างหล่อเหลามากจริงๆ…” หนึ่งในบรรดาหญิงสาวที่ซ่อนอยู่หลังต้นไผ่กรีดร้องพลางจับหน้าอกไว้แน่น ใบหน้าของนางขึ้นสีชมพูสดใส

“หมายความว่าอย่างไรมองเจ้า! เขามองข้าต่างหาก!”

“พวกเจ้าออกไปให้พ้นทางข้า! อย่ามาบังภาพแผ่นหลังอันแสนหล่อเหลาแข็งแกร่งของเขา!”

“กรี๊ดดด…เขากำลังไปแล้วหรือ ตามเขาไปกันเถอะ!”

กองกำลังหญิงสาวยกกระโปรงขึ้นแล้วเบียดเสียดกันขึ้นไปเพื่อตามให้ทันฝีเท้าของจวินอู๋เย่าพร้อมดวงตาเป็นประกาย พวกนางกลัวว่าถ้าชักช้าไปแม้แต่ก้าวเดียว พวกนางอาจจะพลาดการได้ชมเชยความหล่อเหลาของเขา

เดิมทีจวินอู๋เย่าตั้งใจจะใช้พลังของเขาเพื่อออกเดินทางอย่างรวดเร็วทันทีที่เขาออกจากลานป่าไผ่ แต่ตอนนี้เขาถูกศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวกลุ่มหนึ่งตามอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงรอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้และดูเหมือนไม่ได้รู้ตัวว่าถูกตามเลย ในขณะที่เขาเดินไปที่ทางเข้าออกของสำนักศึกษาเฟิงหัว เสียงกรีดร้องและเสียงกระซิบก็ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ

ทันทีที่เขาก้าวออกจากบริเวณของสำนักศึกษาเฟิงหัว เสียงทั้งหลายก็ค่อยๆ หายไป

หลังจากจวินอู๋เย่าทิ้งฝูงชนเอาไว้เบื้องหลังแล้ว เขาก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว ทำให้บรรดากลุ่มหญิงสาวที่แอบตามมาคลาดสายตาจากเขาและพากันกระทืบเท้าอย่างขุ่นเคือง

จวินอู๋เย่าปรากฏตัวอีกครั้งไม่ไกลจากสำนักศึกษาเฟิงหัวมากนัก และเยี่ยเม่ยก็ปรากฏตัวข้างๆ เขาด้วย

“มีคนสังเกตเห็นข้าแล้วใช่หรือไม่” จวินอู๋เย่าถามพร้อมคิดย้อนกลับไปถึงเสียงกระซิบที่เขาได้ยินที่สำนักศึกษาเฟิงหัวและหรี่ตาลงอีกครั้ง

ถ้าเป็นวันอื่นเขาคงจะกำจัดพวกแมลงน่ารำคาญพวกนั้นให้หมดไปโดยไม่ต้องคิดอะไร แต่วันนี้เขาไม่ทำเพราะไม่ต้องการสร้างความลำบากให้กับจวินอู๋เสีย

เยี่ยเม่ยสับสน เขาลังเลอยู่นานก่อนจะถามอย่างระมัดระวังว่า “นายท่านหมายถึงในแง่ใดหรือขอรับ”

จวินอู๋เย่าชำเลืองมองเยี่ยเม่ย เขากลืนน้ำลายก่อนจะรีบถามว่า “นายท่านหมายถึงกลุ่มศิษย์เมื่อสักครู่นี้หรือขอรับ”

จวินอู๋เย่าพยักหน้า

เยี่ยเม่ยกระแอมอย่างอึดอัดใจแล้วพูดว่า “พวกเขา…ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะรู้ถึงตัวตนของนายท่านหรอกขอรับ”

“ให้เยี่ยซาคอยจับตาพวกมันไว้ ถ้ามีใครเดาได้ ก็ฆ่ามันทิ้งซะ” จวินอู๋เย่าสั่งอย่างเย็นชา

“ขอรับ…” เยี่ยเม่ยตอบอย่างปลงตก ขณะที่แอบไว้อาลัยให้บรรดาหญิงสาวขี้อายที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอยู่ในใจ

ความจริงสถานการณ์นี้ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันแรกที่จวินอู๋เย่าเข้าไปในสำนักศึกษาเฟิงหัวแล้ว ข่าวได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วว่ามี ‘คนรับใช้ส่วนตัว’ ที่หล่อเหลาดูดีเสียจนผิดมนุษย์มนามาพักอยู่ที่ลานป่าไผ่ และได้ดึงดูดความสนใจของศิษย์หญิงของสำนักศึกษาเฟิงหัวมากมาย

สำนักศึกษาเฟิงหัวไม่ได้ขาดแคลนศิษย์ชายที่หล่อเหลา แต่พวกเขาไม่เคยเห็นใครที่ ‘หล่อเกินมนุษย์’ ดังนั้นบรรดาศิษย์หญิงที่แตกเนื้อสาวจึงเริ่มมาปักเขตกันที่ลานป่าไผ่ ถึงแม้พวกนางจะไม่สามารถมองเห็นจวินอู๋เย่าออกจากเรือนพักในลานป่าไผ่ได้ แต่ในตอนที่ฟ่านจิ่นไปที่นั่น พวกบรรดาหญิงสาวก็สามารถเห็นร่างที่ชวนหยุดหายใจได้แวบๆ ผ่านประตูที่เปิดออกในตอนที่ฟ่านจิ่นเข้าไปข้างใน

โดยทั่วไปแล้ว สตรีที่ได้เห็นจวินอู๋เย่าสักครั้งจะเฝ้าอยู่ที่ด้านนอกประตูใหญ่อย่างเหนียวแน่นนับจากนั้น โดยไม่ใช่เหตุผลอื่นใดเลย นอกจากจะได้เห็นร่างอันงดงามนั้นเพียงสักแวบในตอนที่ประตูเรือนพักเปิดออก

อย่างไรก็ตาม ความฝันของสาวน้อยพวกนั้นไม่เคยอยู่ในสายตาของจวินอู๋เย่าเลยแม้แต่น้อย

เยี่ยเม่ยไม่กล้าจินตนาการว่าถ้าบรรดาหญิงสาวเหล่านั้นรู้ว่าแค่การพยายามมองนายท่านของเขาแค่แวบเดียวอาจจะต้องสังเวยด้วยชีวิตของพวกนางแล้ว พวกนางจะยังยืนกรานไล่ตามบุรุษเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟอยู่หรือไม่

นายท่าน! บรรดาหญิงสาวไร้เดียงสาพวกนั้นก็แค่ตกหลุมรักแรกพบกับนายท่าน! พวกนางไม่สมควรถูกฆ่าด้วยเรื่องแค่นั้น!

ตอนที่ 630 การจากลากะทันหัน

ในตอนนั้นเอง จวินอู๋เย่าก็หรี่ตาลงและยิ้มอย่างชั่วร้าย เขาเงยหน้าขึ้นมองออกไปในป่าที่เงียบสงบนั้น

“พวกมันช่างดื้อด้านจริงๆ”

เยี่ยเม่ยตัวแข็งทื่อ แล้วตั้งท่าเตรียมป้องกันในทันที

จวินอู๋เย่าหันกลับไปมองและหัวเราะเสียงต่ำก่อนจะพูดว่า “ดูเหมือนครั้งนี้ข้าจะไม่สามารถให้ของขวัญแก่เสี่ยวเสียเอ๋อร์ด้วยตัวเองได้แล้ว เยี่ยเม่ย!”

“ข้าน้อยรอรับคำสั่งนายท่านขอรับ!”

“ไปหาเตาหลอมโอสถที่ดีที่สุดมาให้เสี่ยวเสียเอ๋อร์ บอกนางว่า…อีกสองสามวันข้าจะกลับมาหานาง”

“น้อมรับคำสั่งนายท่าน!” เยี่ยเม่ยคุกเข่าลงข้างหนึ่งรับคำสั่ง

จวินอู๋เย่าไม่พูดอะไรอีก เขาหายตัวไปจากจุดที่ยืนอยู่ทันที

เยี่ยเม่ยเงยหน้ามองผ่านพุ่มใบไม้หนาทึบเหนือศีรษะเขาขึ้นไป เขาเห็นแสงวูบวาบหลายสายพุ่งผ่านขึ้นไปบนท้องฟ้า

……

ภายในลานป่าไผ่ จวินอู๋เสียขมวดคิ้วมองเยี่ยเม่ยที่กำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้านาง

“คุณชายอู๋เย่ามีเรื่องด่วนให้ต้องรีบไปจัดการและไม่สามารถมาพบกับคุณหนูใหญ่ได้ชั่วคราวขอรับ เตาหลอมโอสถใบนี้คุณชายอู๋เย่าสั่งให้ข้านำมันมามอบให้กับคุณหนูใหญ่ขอรับ” เยี่ยเม่ยดึงเตาหลอมโอสถใบเล็กออกมา เตาหลอมโอสถสีทองสลักลายมังกรดูประณีตมากและเป็นของที่ทำมาอย่างดี

จวินอู๋เสียมองเตาหลอมโอสถอยู่นานและไม่พูดอะไรสักคำ ความเงียบทำให้เยี่ยเม่ยไม่กล้าขยับเขยื้อนตัวแม้แต่น้อย

“รู้แล้ว” พักใหญ่ต่อมา จวินอู๋เสียจึงพูดขึ้นในที่สุด

เยี่ยเม่ยถอนหายใจอย่างโล่งอก “คุณชายอู๋เย่าบอกว่า อีกสักพักเขาจะกลับมาหาคุณหนูใหญ่อีกขอรับ”

“ไปได้” จวินอู๋เสียพูดอย่างเย็นชา

เยี่ยเม่ยถอยออกไปจากห้องเงียบๆ

ในห้องเหลือเพียงจวินอู๋เสียคนเดียว เจ้าแมวดำตัวน้อยกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะและเดินพิจารณาไปรอบๆ เตาหลอมโอสถอย่างละเอียด หางสีดำของมันปัดผ่านเตาหลอมโอสถสองสามครั้ง

“ไม่ได้ทำมาจากทอง บอกไม่ได้ว่าทำมาจากวัสดุอะไร” เจ้าแมวดำตัวน้อยพูดอย่างจริงใจ

ทันใดนั้นจวินอู๋เสียก็ยื่นมือออกมากวาดเตาหลอมโอสถลงจากโต๊ะ

เตาหลอมโอสถหล่นลงมากระแทกพื้นเสียงดัง

เจ้าแมวดำตัวแข็งขณะที่มองใบหน้าเย็นชาของจวินอู๋เสีย

จวินอู๋เสียจ้องมองเตาหลอมโอสถ ความรู้สึกผิดหวังที่ไม่คุ้นเคยเกาะกุมหัวใจของนาง ถ้าไม่ใช่เพราะเตาหลอมโอสถบ้านี่ ถ้านางไม่ได้ทำให้จวินอู๋เย่าออกไปหาเตาหลอมโอสถให้นางอีกใบ ก็หมายความว่าเขาอาจจะไม่จากไปใช่หรือไม่

ความรู้สึกผิดหวังพวกนี้เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับนาง และนางไม่เข้าใจมันเลย นางรู้แค่ว่าความรู้สึกที่ไร้เหตุผลนี้ทำให้ใจที่สงบนิ่งและมีเหตุผลอยู่เสมอของนางไม่มั่นคงอย่างรุนแรง

ภายในห้องเงียบผิดปรกติ ไม่ใช่แค่เจ้าแมวดำเท่านั้นที่รู้สึกได้ แม้แต่ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่นอนนิ่งเงียบอยู่บนเตียงของจวินอู๋เสียก็สามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงแปลกๆ ที่มาจากจวินอู๋เสีย มันยังคงนอนนิ่งไม่ขยับอยู่บนเตียงต่อไป ดวงตาไร้เดียงสาเป็นประกายของมัน จับจ้องแผ่นหลังที่เด็ดเดี่ยวเย็นชาของจวินอู๋เสียตาไม่กะพริบ

อยู่ๆ จวินอู๋เสียก็ยืนขึ้น นางหยิบเตาหลอมโอสถที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา โดยไม่พูดอะไร นางหมุนตัวเดินไปที่ห้องข้างๆ ห้องอีกห้องเต็มไปด้วยสมุนไพรทุกชนิดซึ่งทั้งหมดถูกนำมาที่นี่ตามคำสั่งของฟ่านฉี ช่วงนี้สุขภาพของฟ่านจัวดีขึ้นมาก ฟ่านฉีชื่นชมความสามารถทางการแพทย์ของจวินอู๋เสียมาก ดังนั้นไม่ว่าจวินอู๋เสียจะขออะไร เขาก็จะสั่งให้คนนำมันมาให้นาง

และห้องนี้ก็ถูกเปลี่ยนเป็นห้องปรุงยาชั่วคราวสำหรับจวินอู๋เสียโดยเฉพาะ

จวินอู๋เสียวางเตาหลอมโอสถลงบนโต๊ะโดยไม่พูดอะไร และเริ่มหยิบสมุนไพรออกมาจากชั้นเก็บของด้านข้าง แล้วเคลื่อนไหวอย่างที่เคยทำอยู่ทุกวัน ท่าทางสงบนิ่งของนางทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเหมือนภาพลวงตา

ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกระโดดลงจากเตียง กีบเท้าของมันเคาะพื้นขณะที่ตรงไปยังประตูที่นำไปยังห้องปรุงยา มันยื่นศีรษะเล็กๆ ออกมาแอบดูจวินอู๋เสียพร้อมกับเจ้าแมวดำตัวน้อยขณะที่นางทำตัวเองให้ยุ่งอยู่ข้างใน

แบ๊ะ

ทำไม ‘ใต้เท้าเจ้านาย’ ของข้าถึงได้โกรธเล่า

เหมียว

เจ้านายของเรากำลังเข้าสู่กระบวนการกลายเป็นคนธรรมดา แต่บอก ‘เหมียว’ ซิ ข้าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดี