ตอนที่ 210 ขั้นตอนเล็กๆ ของการแก้ไขโลกบรรพกาล (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 210 ขั้นตอนเล็กๆ ของการแก้ไขโลกบรรพกาล (2)
หลี่ฉางโซ่วตบหน้าผากตัวเองทันที เขาลืมผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นไปได้อย่างไรกัน!?!

จิ่วจิ่วกะพริบตา “ไยต้องตีตัวเองด้วยเล่า? เจ้ากำลังพยายามแสดงความเสียใจกับการกระทำที่มากเกินไปเช่นนี้หรือ?”

“ไม่ จู่ๆ ศิษย์ก็นึกถึง… เคล็ดลับเล็กๆ ในการฝึกบำเพ็ญขึ้นมาได้ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ขอบคุณท่านอาจารย์อาที่เตือนข้า ต่อไป ข้าจะอ่อนโยนกับหลิงเอ๋อร์ให้มากขึ้น อาจารย์อาโปรดเล่นกับหลิงลี่ไปก่อน ข้าจะขอเข้าปิดด่านไปสักพักขอรับ!”

“หือ? ไฉนปกติข้าไม่เห็นเจ้าจะขยันขันแข็งมากเช่นนี้เลย” จิ่วจิ่วพึมพำอย่างไม่พอใจ “เจ้าเพียงแค่ว่า พออยู่ต่อหน้าเหล่าปรมาจารย์ในสำนัก ก็อยากจะแสดงความสามารถให้เห็นเท่านั้นเอง!” หลี่ฉางโซ่วยิ้มตาหยีทว่ามิได้โต้แย้งแต่อย่างใด..

อาจารย์อาน้อยช่างเป็นดาวนำโชคของเขาจริงๆ

ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วหลับตา เพ่งสมาธิส่วนใหญ่จดจ่อไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าที่ใต้วิหารของสำนักเทพทะเล

เขาแทนที่มันด้วยตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่มี “พลังเซียน” แล้วลอยออกไปที่วิหารเงียบ ๆ จากนั้นก็เข้าไปในห้องที่จัดเตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์โดยเฉพาะ… บาทีน่าจะทางอยู่

น่าจะมีทาง นอกเหนือจากปรมาจารย์จอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยคนเดียวที่สามารถควบคุม จ้าวกงหมิง และฉยงเซียวได้แล้ว ก็ย่อมไม่ใช่ท่านนักพรตตั๋วเป่า ผู้เป็นศิษย์พี่ใหญ่อย่างแน่นอน

ทว่าเป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่ในซานเซียว ศิษย์น้องรองของจ้าวกงหมิง เทพธิดาอวิ๋นเซียว!

สามเทพธิดาซานเซียวเป็นผู้ที่คุ้นเคยกับหลี่ฉางโซ่วในชีวิตก่อนหน้านี้

เหตุผลที่ถูกเรียกว่า เป็นคนเหี้ยมโหดไร้ความปรานี ก็เพราะได้จัดวางค่ายกลเวทฮวงโหเก้าโค้งเพื่อล้างแค้นให้พี่ชายของพวกนาง จ้าวกงหมิง ซึ่งกำลังจะเผชิญกับการข้ามผ่านมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพที่กำลังจะมาถึง และด้วยความช่วยเหลือของถังทองคำ พวกนางจึงได้ทำลายสามบุปผาบนยอดศีรษะ[1]ของสิบสองเซียนจินส่วนใหญ่[2]

นั่นเป็นเพียงความเสียหายส่วนน้อยจากการต่อสู้ของพวกนางที่ถูกบันทึกเอาไว้ได้เท่านั้น

ทว่าวีรกรรมสุดแสบทรวงก็คือ ปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพต้องลงมือกำราบพวกนางด้วยตัวเอง และเซียนซานเซียวก็กล้าโจมตีท่านจอมปราชญ์เทพอย่างไร้ความปราณีจริงๆ…

และแน่นอนว่า ด้วยเหตุนั้น ชะตากรรมของพวกนางจึงค่อนข้างน่าเศร้านัก

อวิ๋นเซียวคนโต ถูกจอมปราชญ์เทพ เหล่าจื้อนำตัวไปกักขังไว้ที่ใต้ผากิเลนหลังวังอวี้ซวี

ส่วนคนที่เหลือ ฉยงเซียว และปี้เซียวล้วนถูกสังหาร วิญญาณที่เหลือของพวกนางถูกวางลงในทะเบียนรายนามเทพที่กลายเป็นหุ่นเชิดรับใช้ เต๋าสวรรค์ พวกนางติดอยู่ในเทวรูปแห่งเต๋าสวรรค์อย่างไร้อิสระ

ตำแหน่งเทพของพวกนางก็พิเศษมากเช่นกัน พวกนางเป็นที่รู้จักกันในนาม “หมอตำแย” ในแดนมนุษย์

เมื่อพิเคราะห์คราแรก พวกนางก็คือ ผู้ดูแลเรื่องการสืบเชื้อสายในการกำเนิดของวิญญาณมนุษย์ ซึ่งสำคัญมาก ทว่าเมื่อคิดดูดีๆ แล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ตระหนักได้ว่า สถานะของพวกนางทั้งสามนั้น เทียบได้กับท่านเทพจันทราเท่านั้น

หัวหน้าศิษย์ชั้นนอกแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย … ช่างน่าอดสูจนทำให้ผู้คนต้องถอนหายใจจริงๆ

แต่แม้ว่า หลี่ฉางโซ่วจะรู้เรื่องนี้มานานแล้ว เขาก็ไม่อาจจัดการสิ่งต่างๆ ส่วนที่เหลือได้มากมายในอนาคต

เขาคิดจะกระโดดหนีออกจากมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ และไม่ปรารถนาจะเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน

ในยามนี้ สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วต้องการทำคือ บอกอวิ๋นเซียวว่า บัดนี้ จ้าวกงหมิงและฉยงเซียว กำลังเที่ยวหลอกลวงชาวบ้านไม่เลือกอยู่ข้างนอก และดูว่านางจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเยี่ยงไร …

หลี่ฉางโซ่วไม่รู้จักอวิ๋นเซียวมากนัก และในนิยายก็ไม่ได้กล่าวถึงว่าแท้จริงแล้วนางเป็นคนอย่างไร

หากนางจะเข้าร่วมคณะต้มตุ๋นต่ำช้าเพราะหวงน้องสาวมากไป…ก็คงได้คึกคักกันน่าดู

ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน หลี่ฉางโซ่วจึงไม่เพียงแต่ต้องการให้อวิ๋นเซียวรับรู้เรื่องนี้เท่านั้น แต่ยังอยากให้นางรู้ว่า เรื่องนี้จะสร้างกรรมให้จ้าวกงหมิงและฉยงเซียวอย่างไม่รู้จบ

ข้าควรทำอย่างไรดี?

หลี่ฉางโซ่วนั่งหลังเก้าอี้แล้วเคาะนิ้วลงบนโต๊ะโดยไม่รู้ตัว

ทุกคนล้วนมีนิสัยคลั่งไคล้เฉพาะบางอย่างแปลก ๆ ไปบ้างไม่มากก็น้อยใจคอเล็กน้อย

ตัวอย่างเช่น หลิงเอ๋อร์ชอบอาบน้ำเวลาเบื่อ บางครั้ง นางจะอาบน้ำสามครั้งในตอนเช้า เที่ยง และเย็น และชอบโปรยกลีบบุปผาลงไปในน้ำแล้วทำให้เป็นลวดลายด้วย

อืม… อย่าถามว่าเขารู้ได้อย่างไรนะ นั่นไม่สำคัญ!

หลี่ฉางโซ่วยังให้ความสนใจอย่างมากกับ “นิสัยเล็กๆ น้อยๆ” ของเขา นอกเหนือจากที่เขาจะชอบใช้นิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะขณะกำลังครุ่นคิดแล้ว เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อควบคุมตัวเองมากนัก

ข้าน่าจะให้ผู้บำเพ็ญเหวินจิงไปที่เกาะซานเซียนเพื่อไปร้องร่ำพร่ำบ่น ทำตัวน่าสงสารกับอวิ๋นเซียวดีหรือไม่?

ในขณะนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงไม่ได้เปิดเผยตัวตนของนาง นางสามารถไปที่เกาะซานเซียนได้ แต่หากใช้วิธีนี้ ก็เกรงว่า นางอาจจะกระตุ้นให้จอมปราชญ์เทพแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมให้รู้สึกสงสัยขึ้นมาได้

ข้าควรเขียนจดหมายแล้วขอให้อ๋าวอี่ส่งมันไปที่เกาะซานเซียนดีหรือไม่?

หลี่ฉางโซ่วคิดในใจ

ในเมื่อยามนี้ อ๋าวอี่ยุ่งอยู่กับการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของเขา จึงไม่เหมาะนักที่เขาจะมอบหมายงานให้อ๋าวอี่ตลอดเวลา…

ข้าอาจใช้สถานะของข้าในฐานะเทพแห่งท้องทะเลทักษิณเพื่อบอกความจริงกับเทพธิดาอวิ๋นเซียว น่าจะดีกว่า

ข้าเกรงว่ามันจะกลายเป็นส่งผลเสียแทนได้ หากข้าวางแผนมากเกินไป

บางครั้งวิถีแห่งความมั่นคง ก็ไม่ได้ซับซ้อน แต่เรียบง่ายเท่านั้น

หลี่ฉางโซ่วค่อยๆ หยุดคิด หยิบพู่กัน หมึกและผ้าออกมาแล้วเริ่มเขียนจดหมาย

การหาว่าเกาะซานเซียนอยู่ที่ใดนั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่อ๋าวอี่สอบถามไปรอบๆ เกาะเต๋าทอง เขาก็ย่อมสามารถหาที่ตั้งทั่วไปได้เสมอ

ความยากลำบากในเรื่องนี้อยู่ที่ว่า เขาจะได้พบกับเทพธิดาอวิ๋นเซียวได้อย่างไร…

แสงสุริยายามอัสดงสาดส่องผ่านกระดาษหน้าต่างมาที่กระดาษบนโต๊ะ

หลี่ฉางโซ่วยกพู่กันแล้วสะบัดมือเขียนลงไป เพื่อที่จะได้พบกับเทพธิดาอวิ๋นเซียว เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากและไตร่ตรองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อเขียนและส่งจดหมายนี้ออกไป

เมื่อเขียนจดหมายเสร็จ ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้… โชคดีที่เขาคิดไว้แล้วว่าจะไปตามหาเทพธิดาอวิ๋นเซียวที่เกาะซานเซียนเพื่อชี้แจงเรื่องนี้

หากพวกของจ้าวกงหมิงจะก่อเรื่องใหญ่ในภายหน้า เป็นไปได้ว่าเทพธิดาอวิ๋นเซียวคงจะมาหาเขาถึงที่แล้วเอาความผิดทั้งหมดมากล่าวโทษเขา!

“ทุกย่างก้าวในโลกบรรพกาลนี้ ล้วนไม่แน่นอน”

ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วเหยียดยืดกายออกอย่างเกียจคร้านแล้วเก็บเทียบเชิญก่อนจะหยิบแส้หางม้าและใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเพื่อมุ่งหน้าไปยังทะเลทักษิณ

การใช้หลีกลี้วารีซ่อนกายเพื่อเดินทางไปในน้ำทะเลจะช่วยประหยัดพลังเซียนของเขาได้กว่าครึ่งหนึ่ง

ในเวลาเดียวกันนั้น…บนเกาะร้าง ลึกเข้าไปในทะเลทักษิณ มีร่างสามร่างนั่งอยู่ในพื้นที่โล่งในป่า พวกเขากำลังแบ่งคลังเวทจัดเก็บกันทีละคน

มือนุ่มของฉยงเซียวขยับไปมาในขณะที่กำลังนับอย่างจริงจัง

“หนึ่งสำหรับพี่ชาย หนึ่งสำหรับข้า หนึ่งสำหรับหานจื่อ และอีกหนึ่งสำหรับข้า หนึ่งสำหรับข้า หนึ่งสำหรับข้า หนึ่งสำหรับพี่ชาย หนึ่งสำหรับข้า…”

จ้าวกงหมิงรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกขึ้นมาทันที แน่นอนว่า เขาจะไม่โต้แย้งกับน้องสามของเขาในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้เท่านั้น

ทว่าในทางกลับกัน หานจื่อกำลังตกตะลึงอึ้งงัน นางอยากจะบอกว่า นางไม่กล้ารับผลประโยชน์เหล่านี้ แต่ก็กลัวว่าจะถูกเทพธิดาฉยงเซียวสั่งสอน

ไม่นานหลังจากแบ่งของที่ริบมาได้เสร็จสิ้นลง ฉยงเซียวก็ปรบมือและยิ้มอย่างพึงพอใจ

“รู้สึกดีจริงๆ ที่ได้มาโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เลย พี่ชาย พวกเราไปซื้อของที่ทะเลประจิมกันดีหรือไม่?”

“ก็ได้” จ้าวกงหมิงยิ้มขณะลูบเคราของเขา “แต่ต่อไป อย่าเอาของเหล่านี้มาจากพวกเขาอีกเลย มันทำให้พวกเรา ดูเหมือนเป็นโจรปล้นบ้าน

น้องสาม เจ้าขาดสมบัติหรือไม่?”

“ข้าไม่ได้ขาดอะไร” ฉยงเซียวกะพริบตา “แต่พี่ชาย หากท่านไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ แล้วที่พวกเราทำ จะมีประโยชน์อะไร? เราต้องทำในสิ่งที่เราสัญญาไว้! ต่อไปเราก็จะไปหาเซียนที่ไร้โชคในสำนัก แล้วแบ่งปันสิ่งเหล่านี้ให้กับพวกเขาได้”

จ้าวกงหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและอดจะมองไปที่หานจื่อ แล้วถามออกมาไม่ได้ว่า “จริงหรือไม่?”

ด้วยคุณธรรมที่มีอยู่ ทำให้หานจื่ออยากจะสั่นศีรษะ ทว่าฉยงเซียวก็แอบมองนางอยู่ลับๆ นางจึงทำได้เพียงพยักหน้าเห็นด้วยเบาๆ เพื่อยอมรับทันที…

…………………………………………………………………………………………………………………………

[1] คล้ายกับเป็นพลังจิตของผู้ที่ฝึกบำเพ็ญเต๋า

[2] คือสังหารสิบสองเซียนจินไปได้มากกว่าครึ่ง