ตอนที่ 211 ขั้นตอนการกระทำของหลี่ฉางโซ่ว (1)
เขาใช้เส้นทางทะเลทักษิณและมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก
เมื่อหลี่ฉางโซ่วออกไป เขากังวลว่าจะพบกับพวกของจ้าวกงหมิง จึงเลือกใช้หลีกลี้วารีซ่อนกายไปตามแนวชายฝั่งทะเลทักษิณ
สามวันต่อมา เขาก็เดินทางมาถึงทะเลบูรพาอย่างราบรื่น
ก่อนหน้านี้ เขาได้ถามอ๋าวอี่ถึงที่ตั้งของเกาะซานเซียนเอาไว้แล้ว
เขาได้ข้อมูลมาว่า ให้เริ่มต้นออกเดินทางที่มุมตะวันออกเฉียงใต้ของดินแดนเทวะทักษิณ แล้วเดินทางไปทางตะวันออกหนึ่งแสนหกหมื่นลี้ จากนั้นก็ไปทางใต้หกหมื่นลี้ แล้วเขาจะได้เห็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเมฆ
นั่นคือ ค่ายกลชั้นนอกของเกาะซานเซียน
ในบรรดาสำนักต่างๆ มีผู้คนมากมายที่รู้จักที่ตั้งของเกาะซานเซียน และยังมีผู้คนมากมายที่ชื่นชมเทพธิดาซานเซียว ทว่าน้อยคนนักที่จะสามารถลงไปอยู่บนเกาะ ซานเซียนได้ได้อย่างแท้จริง…
เมื่อหลี่ฉางโซ่วไปถึงส่วนลึกของทะเลบูรพา พลังเซียนของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวนี้ได้ก็หมดลงไปแล้วราวหนึ่งในสิบส่วน
เพื่อให้มีลักษณะทางจิตวิญญาณที่ดีที่สุดเมื่อขอพบเทพธิดาอวิ๋นเซียวผู้มีชื่อเสียง หลี่ฉางโซ่วจึงได้นำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวใหม่ออกมาจากแขนเสื้อของเขาเข้ามาแทนที่ เมื่อใกล้ถึงเกาะซานเซียน
หลังจากนั้น เขาก็ออกมาจากทะเลและขี่เมฆไปที่เกาะซานเซียน
หลี่ฉางโซ่วคิดถึงสถานการณ์ที่เขาจะต้องเผชิญต่อไปในใจ ในขณะนี้ ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด เขาจึงสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาไม่เคยสนใจสังเกตมาก่อนหน้านี้…
ตัวอย่างเช่น ในบรรดาปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน ส่วนใหญ่เป็นเซียนบุรุษ ยกเว้นบางคนเช่น นักพรตเต๋าสือหาง และคนอื่นๆ อีกสองสามคน
ในบรรดาปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย เหล่าศิษย์ทั้งแปดของจอมปราชญ์เทพ ซึ่งมี จินหลิงเซิ่งหมู่ กุ่ยหลิงเซิ่งหมู่ และอู๋ตั้งเซิ่งหมู่[1] ไม่จำเป็นต้องพูดถึงสามเทพธิดาซานเซียวของสำนักชั้นนอก ส่วนใหญ่พวกเขาเป็นเซียนสตรี
แล้วหลี่ฉางโซ่วก็เริ่มหยอกล้อบุรุษสูงวัยที่ยังครองพรหมจรรย์ผู้หนึ่งจากสำนักของเขา
เห็นได้ชัดว่า ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ของข้าไปผิดทาง แทนที่จะให้จับคู่บำเพ็ญเต๋าแต่ในสำนักตัวเอง เขาควรจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะจับคู่บำเพ็ญเต๋านอกสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินและสำนักบำเพ็ญเต๋า…
การปล่อยให้สำนักบำเพ็ญเต๋าฉานและสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย สร้างความสัมพันธ์กันมากขึ้นผ่านคู่บำเพ็ญเต๋า ไม่เพียงแต่จะช่วยลดความทะเยอทะยานของผู้ฝึกบำเพ็ญของทั้งสองสำนักลงเท่านั้น แต่ยังช่วยชะลอการมาถึงของมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพอีกด้วย
นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองสำนักดีขึ้น เมื่อมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพจะมาถึง พวกเขาจะไม่ยอมทำร้ายกันเอง
ในช่วงระหว่างเกิดมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพต้นกำเนิด นักพรตเต๋าชราจะออกมากันทีละคนแล้วร้องตะโกนว่า “ตายเสียเถิด สหายเต๋า วันนี้ ข้าจะส่งเจ้าไปอยู่ในรายนามทะเบียนเทพ!”
ในด้านหนึ่งนั้น ในช่วงระหว่างมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพที่จะเกิดขึ้นหลังจากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เริ่มส่งเสริมให้มีคู่บำเพ็ญเต๋าแล้ว ในเวลานั้น บุรุษหนุ่มรูปงามและสตรีสาวแสนสวย แต่ละคนจะมองหน้ากันด้วยความเสน่หาสุดซึ้งอย่างเงียบๆ ในสนามรบแดนมนุษย์ในสมัยราชวงศ์ซางและราชวงศ์โจว
“สหายเต๋า เจ้าโหดเหี้ยมไร้เหตุผล บัดนี้ ได้เวลาที่เจ้าควรไปอยู่ในรายนามทะเบียนเทพแล้ว”
“โอ้ ไม่นะ เจ้าช่างเย็นชาและไร้หัวใจ แต่กลับกล่าวหาว่าข้าโหดเหี้ยมและไร้เหตุผล เช่นนั้น เจ้านั่นแหละที่ควรไปอยู่ในรายนามทะเบียนเทพ… ”
หลี่ฉางโซ่วเกือบจะหัวเราะลั่นออกมา
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงมุขตลกล้อเลียนปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในใจของเขา แต่เขาข้าย่อมไม่กล้าพูดออกไปอย่างเด็ดขาด…
แม้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของทั่วทั้งสำนักบำเพ็ญเต๋า แต่ก็ยังยากที่เขาจะส่งอิทธิพลไปถึงทั้งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย และสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานได้
ข้าจะไม่ล้อเล่นอีกต่อไปแล้ว
หากเขาสามารถกำจัดอันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่ของคณะต้มตุ๋นได้โดยเร็วที่สุด เขาจะกลับไปที่สำนักเซียนเพื่อจัดการเรื่องของเผ่ามังกร และเตรียมพร้อมสำหรับทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน
หลังจากที่ขี่เมฆบินไปได้ครึ่งวันแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็เห็นกำแพงเมฆปรากฏขึ้นในทะเลจากระยะไกล
ไม่น่าแปลกใจที่อมตะที่สกัดกั้นการสอน
ไม่แปลกเลยที่เหล่าเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยกล่าวกันว่า จะหาเกาะซานเซียน ได้ง่าย
กำแพงเมฆมีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าหนึ่งพันลี้ และพื้นที่โดยรอบในรัศมีพันลี้นั้น เต็มไปด้วยพลังวิญญาณมากมาย และรายล้อมด้วยแสงเซียน นอกจากนี้ สิ่งมีชีวิตในทะเลที่นี่ ยังล้วนฉลาดล้ำกว่าในทะเลอื่นๆ
หากเขาไม่ได้ค้นหาไปในทิศทางที่ผิด สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาย่อมจะสามารถตรวจพบสถานที่นั้นได้…
ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วยังอยู่ห่างจากขอบกำแพงเมฆไปอีกสองพันลี้ เขาก็พยายามแผ่ขยายสัมผัสเซียนรับรู้ให้ทะลุผ่านเข้าไปในกำแพงเมฆเพื่อตรวจสอบก่อน
ทว่าสิ่งที่น่าแปลกก็คือ สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาไม่ถูกปิดกั้นแต่อย่างใดเลย แต่กลับมองเห็นเพียงพื้นที่สีขาว…
ยิ่งเขาเข้าใกล้สถานที่นี้มากเท่าใด สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก็ยิ่งขยายขอบเขตได้กว้างขึ้นเท่านั้น ทำให้หลี่ฉางโซ่วยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเช่นกัน
เมื่อเขาเข้าไปใกล้เพียงพอแล้ว สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก็เข้าปกคลุมพื้นที่ในรัศมีพันลี้เอาไว้อย่างสมบูรณ์…
ไร้สิ่งกีดขวาง ไร้ค่ายกลเวทที่ผันผวน และไม่มีเกาะ นอกจากมีแต่เมฆธรรมดาอย่างเดียวเท่านั้น
ความแตกต่างที่แปลกไปเพียงอย่างเดียวก็คือ สถานที่แห่งนี้อุดมไปด้วยพลังวิญญาณ เทียบได้กับเคหาสน์ถ้ำเซียนสวรรค์ที่ร่ำลือกันว่า…
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่สักพัก
ในเมื่อเขามาอยู่ที่นี่แล้ว เขาย่อมไม่อาจจากไปโดยไม่ได้พยายามทำสิ่งใดๆ เลย
ดังนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วจึงขี่เมฆบินไปมาหลายครั้งภายในกำแพงเมฆที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางพันลี้โดยปราศจากอันตรายใดๆ และไม่ได้รับสิ่งใดเลย เขาไม่อาจพบแนวปะการังแม้แต่ครึ่งเดียว
แม้ว่าจะเป็นรูปแบบธรรมชาติที่หายาก แต่ก็ควรจะมีที่ที่สำหรับการเข้าไปในค่ายกล…
เขาเคยโกงใน ‘สี่ศาสตร์แห่งวิถีเซียน’…
แค่กๆ หลี่ฉางโซ่วหมกมุ่นอยู่กับเต๋าแห่งค่ายกลเวท โอสถ เครื่องมือ และยันต์ต่างๆ มากที่สุด…
และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เขารับรู้ได้ว่าค่ายกลเวทนี้มีสติปัญญาเกินกว่าความเข้าใจในเรื่องค่ายกลของเขาอย่างมาก
นั่นคือค่ายกลเวทที่ยอดเยี่ยมซึ่งปรมาจารย์แห่งค่ายกลที่แท้จริงเป็นผู้สร้างขึ้นมา!
ในบรรดาซานเซียว จะต้องมีผู้หนึ่งที่ประสบความสำเร็จในเต๋าแห่งค่ายกลเวทอย่างยิ่งใหญ่มาก!
ทว่านั่นไม่เกี่ยวอันใดกับเขา เขาเพียงยกย่องนางเท่านั้น เป็นการแสดงความชื่นชมต่อระดับการฝึกฝนของเทพธิดาซานเซียว
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งบนพื้นผิวทะเล และในไม่ช้าก็คิดวิธีแก้ปัญหาออกมาได้…
เขาไม่อาจร้องตะโกนออกไปตรงๆ ได้ว่า “ข้า ปรมาจารย์เต๋าน้อยเสวียนตูแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน มาเยี่ยมเยียนที่นี่เพื่อขอคารวะ”
ในขณะนี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นี้เป็นตัวปลอมที่เทพแห่งท้องทะเลทักษิณใช้เป็นพิเศษ หากมันถูกเปิดเผยที่นี่ จะก่อให้เกิดปัญหายุ่งยากบางอย่าง
ในยามนี้ บุคลิกหลักทั้งสามของเขาเผยให้เห็นชัดเจนยิ่ง
เทพแห่งท้องทะเลแห่งทะเลทักษิณ ปรมาจารย์เจ้าสำนักเทพทะเล ในภาพลักษณ์ของเซียนชราผู้เก่งกาจจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ซึ่งเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาแสนชาญฉลาดขององค์เง็กเซียนในอนาคต
ปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ซึ่งเป็นนักพรตเต๋าวัยกลางคน เดินออกไปข้างนอกด้วยระดับฐานพลังปราณที่แท้จริงของเขา เขาเป็นผู้พิทักษ์พิเศษที่ทำงานให้กับวังดุสิต ส่วนใหญ่จะเป็นศิษย์ติดตามหลังของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่
ศิษย์ธรรมดาของสำนักตู้เซียน … นี่คือการปลอมตัวที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดของหลี่ฉางโซ่ว
ส่วนคนอื่นๆ เช่น นักพรตเต๋าหน้าเย็นชา ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องการชำระล้างมังกร และนักต่อสู้ผู้ระเบิดตัวเองแห่งสำนักตู้เซียนที่ประสบภัยพิบัติ ถูกกำจัดไปทันทีหลังจากที่ถูกใช้งานเพียงครั้งเดียว และจะไม่ปรากฏตัวขึ้นอีก
กลับมายังเรื่องสำคัญได้แล้ว มันต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อไปที่เกาะซานเซียน โชคดีที่หลี่ฉางโซ่วได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว
ชั่วขณะนั้น เขาก็ตะโกนเสียงดังออกมาและควบคุมช่วงเสียงให้อยู่ภายในกำแพงเมฆ
“สหายเต๋าแห่งเกาะซานเซียน พวกท่านอยู่หรือไม่?”
แน่นอนว่า พวกเขาไม่ตอบ
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้เร่งรีบ เขาหยิบกระดาษจำนวนหนึ่งออกจากแขนเสื้อ กางออก และกลายเป็นหกร่าง
หลี่ฉางโซ่วไม่รีบร้อน เขาหยิบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ออกมาจากแขนเสื้อกองหนึ่ง แล้วโยนออกไป ทันใดนั้น พวกมันก็กลายเป็นหกร่างทั้งชายและหญิง
…………………………………………………………………………………………………………………………
[1] หรือเทพธิดาพรหมจารีย์ เป็นหนึ่งในศิษย์หลักหรือศิษย์สายตรงของทงเทียนเจี้ยวจู่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ตามตำนานเล่าว่า นางเป็นศิษย์หลักแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยผู้เดียวที่เหลือรอดจากสงครามระหว่างเทพเซียน แต่ไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก