ตอนที่ 392 ยกระดับตัวเองขึ้น

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 392 ยกระดับตัวเองขึ้น

ตอนที่ 392 ยกระดับตัวเองขึ้น

ดวงตาของซูเถาและจงเกาอี้เบิกกว้างในเวลาเดียวกัน

จริงอยู่ที่ค่ายาเหล่านี้รวมกันก็หลายหมื่นเหลียนปัง แต่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเรียกร้องมากขนาดนั้น ทว่าจั๋วเอ่อร์เฉิงกลับเอ่ยปากออกไปว่าเธอต้องการผลึกนิวเคลียสถึง 500 อัน

และยังพูดโดยที่สีหน้ายังเรียบเฉยอีกต่างหาก

“คุณอย่ามัวแต่คิดเยอะอยู่เลย ตอนนี้ยากำลังขาดตลาด เพียงเพื่อช่วยให้คุณยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ อย่าว่าแต่ 500 อันเลย 5,000 อันก็คุ้มค่าหากมันจะช่วยชีวิตคุณกลับมาได้ เพราะชีวิตคุณมีค่ามากกว่านั้น”

เมื่อได้ยินแบบนั้นหลิงเทียนจี้ก็ได้สติขึ้นมา หากว่า…หากว่าเขาต่อรองก็เท่ากับเขาถือว่าชีวิตนั้นไม่มีค่าอะไร?

เขาไม่สามารถเอ่ยปากต่อรองอะไรได้จริง ๆ

จากนั้นซูเถาก็ได้รับ ‘ค่ารักษาพยาบาล’ เป็นผลึกนิวเคลียส 500 อันทันที ทำให้เธอพึงพอใจในตัวหลิงเทียนจี้และจั๋วเอ่อร์เฉิงขึ้นมาก

แต่หลังจากออกจากคลินิก ซูเถาก็ยังสารภาพกับจั๋วเอ่อร์เฉิง

“วิธีการของคุณร้ายกาจจริง ๆ ฉันชักจะกลัวคุณขึ้นมาแล้วนะ แบบนี้ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลยที่จะรับคุณเอาไว้”

จั๋วเอ่อร์เฉิงยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม

“ไม่เป็นไรหรอกเถ้าแก่ซู แบบนี้ก็ดีมากแล้ว ความเกลียดชังและความคับข้องใจของพวกเราก่อนหน้านี้มันจบลงแล้วใช่ไหม วันนี้พวกเรามาเริ่มต้นมิตรภาพกันใหม่นะ ตกลงไหม?”

“ตราบใดที่คุณไม่ต้องการโกงเถาหยาง เรื่องราวก่อนหน้านี้ฉันก็จะลืมมันให้หมด แต่แน่นอนว่ายกเว้นผู้หญิงทั้งสองของคุณ” ซูเถากล่าว

รอยยิ้มของจั๋วเอ่อร์เฉิงลดลงทันใด “ผมขอชี้แจง ตอนนี้เหลือคนเดียวแล้ว”

ยังเหลือเติ้งจื่อฉิง เธอเป็นคนที่มีเหตุผลและฉลาดที่สุด คนอื่นเขาใช้เงินแก้ปัญหาและเลิกราเป็นที่เรียบร้อย

แต่ว่าช่วงนี้เขาแทบไม่เห็นเติ้งจื่อฉิงด้วยซ้ำ

นับตั้งแต่การประชุมสุดยอดพันธมิตรสิ้นสุดลง เธอก็บอกว่าจะนำหุ่นเชิดไปให้ตระกูลฉู่ ไม่รู้ว่าเธอส่งมอบได้สำเร็จหรือยัง เพราะไม่มีข่าวคราวใด ๆ เลย

ถ้าซูเถาไม่พูดถึงเธอ เขาคงเกือบลืมไปแล้วว่าเขายังมีแฟนสาวแซ่เติ้ง

ซูเถายักไหล่และถามว่า “พวกคุณจะกลับกันเมื่อไหร่ ฉันรู้สึกว่าหากพวกคุณไม่รีบไปตั้งแต่ตอนนี้ อากาศภายนอกมันก็จะหนาวเย็นขึ้นเรื่อย ๆ เดินทางกลับก็คงเสี่ยงอันตราย”

จั๋วเอ่อร์เฉิงเริ่มเคร่งเครียด เขาเงยหน้าขึ้นมองโลกภายนอกโดมป้องกัน และดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็น

“ไม่พรุ่งนี้ก็วันมะรืนนี้แหละ ฤดูหนาวมาอย่างกะทันหัน นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ บางทีอาจจะมีฝูงซอมบี้ขนาดใหญ่ หรือแม้แต่ซอมบี้กลายพันธุ์ตัวใหม่ปรากฏขึ้น คุณต้องเตรียมตัวล่วงหน้า”

ซูเถายอมรับคำเตือนของเขา แต่ด้วยสถานการณ์การป้องกันในปัจจุบันของเถาหยาง ก็ต้องยอมรับว่าไม่มีคู่ต่อสู้ที่สามารถต่อกรกับเถาหยางได้

เว้นแต่จะมี ‘โบนวิงส์’ หลายตัวที่พร้อมใจกันโจมตีโดมของเถาหยาง

อย่าว่าแต่เถาหยางเลย ในสถานการณ์แบบนี้ฉางจิงเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นกัน

……

แม้ว่าหลิงเทียนจี้จะฟื้นคืนชีวิต แต่เขาก็รู้สึกว่าร่างกายไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน

ไม่เพียงแค่นั้น เขายังค้นพบข้อเท็จจริงที่ทำให้เขาหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม นั่นคือจั๋วเอ่อร์เฉิงยกระดับตัวเองขึ้นมาในขณะที่เขายังอาการโคม่าอยู่

เพราะว่าตอนนี้คนที่เขาพามาที่เถาหยางด้วยกัน ไม่มีใครฟังเขาเลย เมื่อเอ่ยปากขอให้พวกเขาทำอะไรบางอย่างให้ ทุกคนก็มองหน้ากันอย่างลังเลใจ และในที่สุดก็บอกเขาว่าจะไปขอคำแนะนำจากรองหัวหน้าจั๋วก่อน

เมื่อหลิงเทียนจี้ได้ยินสิ่งนี้เขาก็อยากที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา “พวกนายนี่มันยังไงกัน! ใครคือหัวหน้าฐานซินตูกันแน่?!”

ผู้ใต้บังคับบัญชาก้มหน้ามองปลายเท้าด้วยความรู้สึกละอายใจ ไม่มีใครโต้แย้งอารมณ์โกรธของเขา

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาข่าวการเจ็บป่วยขั้นวิกฤตของหลิงเทียนจี้นั้นถึงหูซินตู ในเวลานั้นผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดต่างก็อยู่ในความสับสน หากไม่ได้รองจั๋วมาเบนกระแสและควบคุมสถานการณ์ของซินตู ซินตูก็คงจะแยกออกเป็นส่วน ๆ

หากในตอนนั้นซินตูไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ก็คงไม่ได้ชื่อว่าเป็นฐานอันดับหนึ่งทางตอนใต้อีกต่อไป

ถือได้ว่ารองจั๋วนั้นได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายอย่างถูกต้อง จึงทำให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความราบรื่น พวกเขาที่ได้ติดตามมาที่เถาหยางจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการกินอยู่ เมื่อเป็นแบบนี้เลยทำให้พวกเขานับถือจั๋วเอ่อร์เฉิงไม่น้อย

หากเป็นการแสดงออกของหลิงเทียนจี้ เถ้าแก่ซูของเถาหยางคงขุ่นเคืองถึงขั้นอยากเอาชีวิตแน่นอน และพวกเขาก็คงจะมีชีวิตที่เลวร้ายในเถาหยางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หลิงเทียนจี้โกรธเป็นอย่างมาก เขารู้สึกโกรธจนเหมือนปอดเขาจะระเบิดออกมา จากนั้นเขาก็กระแทกแก้วลงบนโต๊ะ

“ไปเรียกจั๋วเอ่อร์เฉิงมาหาฉัน!”

ในขณะเดียวกันจั๋วเอ่อร์เฉิงก็ผลักประตูเข้ามา “ไม่ต้องไปเรียก”

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่น ๆ ก็ออกไปทันทีพร้อมปิดประตูอย่างแน่นหนา

หลิงเทียนจี้ชี้ไปที่จั๋วเอ่อร์เฉิง ริมฝีปากของเขาสั่นเหมือนว่าเขาอยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับไออย่างบ้าคลั่ง

“คุณหลิง คุณควรพักผ่อนดีกว่า คุณจำเป็นต้องพักฟื้นร่างกาย ส่วนเรื่องของซินตูผมจะดูแลให้เอง”

จั๋วเอ่อร์เฉิงยิ้มอย่างอ่อนโยน และหุบรอยยิ้มนั้นลงอย่างรวดเร็ว

“คุณควรดีใจที่คุณป่วยในเวลาที่เหมาะที่ควร หากคุณทำให้เถาหยางขุ่นเคือง ฉางจิงจะต้องส่งคนมาปลดคุณออกจากตำแหน่งหัวหน้าฐานแน่นอน”

“นายหมายความว่ายังไง” ดวงตาของหลิงเทียนจี้เบิกกว้าง

“อ้อ ผมลืมไปว่าคุณยังไม่รู้เรื่องนี้ หัวหน้าสวี่ฉางได้รายงานไปทางฉางจิงถึงการสนับสนุนทุกอย่างที่เถาหยางมี รวมถึงเสบียง และยารักษาโรค ฯลฯ ทางฉางจิงจึงตัดสินใจที่ทำการเลื่อนขั้นเถาหยางเป็นฐานระดับสาม และกำลังเตรียมสนับสนุนการรักษาทางการแพทย์ กองกำลัง และอาวุธให้กับเถาหยาง ซึ่งหมายความว่าฉางจิงได้สืบสวนสถานการณ์ของเถาหยางแล้ว และรู้ว่าเถาหยางขาดอาวุธ” จั๋วเอ่อร์เฉิงเอ่ยเสียงเบา

“และก็คงจะรู้แล้วเช่นเดียวกันว่าคุณและผู้มีอำนาจในฐานบางแห่งทางตอนใต้ได้ลงนามใน ‘คำมั่นสัญญาที่จะจำกัดการซื้ออาวุธของเถาหยาง’”

หัวใจของหลิงเทียนจี้แทบจะหยุดเต้นกะทันหัน

ให้ตายเถอะสวี่ฉาง! เขาเลือกที่จะปกป้องเถาหยางอย่างเต็มที่งั้นเหรอ!

แบบนี้มันยิ่งทำให้ฉางจิงให้ความสำคัญกับเถาหยางมาก!

หากเขาต้องการสอบสวนเรื่องการขัดขาเถาหยางจริง ๆ หลิงเทียนจี้จะเป็นคนแรกที่โดนรับโทษหนัก และเขาอาจไม่สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำสูงสุดและหัวหน้าฐานของซินตูได้

เมื่อเห็นใบหน้าถอดสีของเขา จั๋วเอ่อร์เฉิงก็คาดเดาความคิดอย่างดุเดือดของเขาได้ และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณคงไม่คิดว่าหัวหน้าสวี่จะพูดเกินจริงกับฉางจิงหรือเถาหยางให้ผลประโยชน์กับหัวหน้าสวี่ใช่ไหม หากคุณยังคงมีความคิดแบบนั้นก็ถือว่าใจแคบเกินไปนะ!”

“คุณรู้หรือเปล่าว่าการเกิดขึ้นและการพัฒนาของเถาหยางหมายความว่ายังไง มันหมายความว่ายิ่งเถาหยางแข็งแกร่งขึ้น มนุษย์ก็จะได้รับประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น ด้วยสภาพอากาศที่เลวร้ายเช่นนี้ ทั้งอาหารและน้ำดื่มก็ขาดแคลน อีกไม่นานมนุษย์คงอดตายก่อน ไม่ต้องรอให้ซอมบี้มาจัดการหรอก!”

ใบหน้าของหลิงเทียนจี้เปลี่ยนสีอีกครั้งหลังจากถูกเขาตำหนิ

“แค่ก ๆๆๆ”

จั๋วเอ่อร์เฉิงสงบลง “การต่อสู้กับเถาหยางก็เท่ากับการขุดหลุมฝังศพของคุณเอง คุณอยู่นิ่ง ๆ เถอะ”

หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป

หลิงเทียนจี้ไออย่างรุนแรงอีกครั้ง และร้องเรียกเขา “ฉางจิง….แค่ก ๆ…”

จั๋วเอ่อร์เฉิงหันกลับมา “หากคุณต้องการถามว่าฉางจิงจะมายึดตำแหน่งคุณเมื่อไหร่ ไม่ต้องกังวลนะ เรื่องที่คุณใช้อำนาจในทางที่ผิดทำให้เถาหยางต้องเสียผลประโยชน์ ผมได้เคลียร์ปัญหานั้นเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ซินตูกับเถาหยางมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันแล้ว เถาหยางไม่เพียงเป็นผู้กอบกู้ชีวิตหัวหน้าฐานของซินตูเท่านั้น แต่ยังเป็นพันธมิตรของซินตูด้วย”

หลิงเทียนจี้อ้าปากกว้าง

จั๋วเอ่อร์เฉิงยกยิ้มเล็กน้อย “ดังนั้น หัวหน้าหลิง ไม่ต้องกังวลในเรื่องการฟื้นตัวจากอาการป่วยของคุณนะ หรือไม่คุณก็ควรอธิษฐานให้คุณฟื้นตัวอย่างช้า ๆ เพราะในฐานทัพ ไม่สามารถมีผู้นำสองคนได้…”

คำพูดเหล่านี้ดังกึกก้องและกระแทกหัวใจของหลิงเทียนจี้อย่างแรง ทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างทำอะไรไม่ถูก