ตอนที่ 364 ต้องการถ่วงเวลา

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 364 ต้องการถ่วงเวลา

หลังมื้อเช้าในวันถัดมา หลินม่ายส่งโต้วโต้วไปบ้านป้าติงแล้วจึงไปที่โรงงานใหม่

ที่หน้าประตูโรงงานมีผู้สมัครงานจำนวนมากมารวมตัวกันเพื่อรอดูรายชื่อประกาศรับเข้าทำงาน

เมื่อทุกคนเห็นหลินม่าย ต่างก็พากันทักทายเธอ

หลินม่ายตอบกลับทุกๆ คนอย่างสุภาพ

ใครบางคนถามขึ้นด้วยความเก้อเขิน “สหายหลิน ฉัน…ได้รับเลือกเข้าทำงานไหมคะ?”

หลินม่ายหันไปมอง เป็นผู้พิการคนหนึ่งที่สามารถพยุงตัวด้วยไม้ค้ำเองได้

เธอพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันกำลังจะติดใบประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับเข้าทำงานค่ะ เดี๋ยวคุณดูเองได้เลยนะคะ”

หลินม่ายเข้าไปในโรงงานใน นายช่างจางกำลังทำงานกับช่างกระเบื้องที่เขาจ้างมาอยู่นานแล้ว

หลินม่ายนำใบประกาศรายชื่อที่เขียนมาจากที่บ้านให้นายช่างจางติดไว้ที่ประตูโรงงาน

จากนั้นจึงกลับไปเรียนด้วยตัวเองที่บ้าน พอถึงบ่ายสองโมง ผู้ผ่านการคัดเลือกเป็นพนักงานก็มารายงานตัวที่โรงงานอีกครั้ง

ตอนที่นายช่างจางแปะประกาศรายชื่อที่หน้าประตูโรงงาน ก็มีผู้สมัครหรือสมาชิกในครอบครัวจำนวนไม่น้อยรุมล้อมเข้ามา เพื่อหาชื่อของตัวเองหรือคนในครอบครัวในใบประกาศรายชื่อนั้น

ในยุคนี้ ผู้มีประวัติการศึกษาตั้งแต่ชั้นมัธยมขึ้นไปนั้นมีไม่มาก แต่ส่วนมากก็สามารถจดจำและเขียนชื่อของตัวเองได้

เบื้องบนก็มักจะจัดชั้นเรียนขจัดความไม่รู้หนังสืออยู่บ่อยๆ

ผู้สมัครงานในตำแหน่งของโรงเรียนอนุบาลเหล่านั้นที่ไม่ได้รับเลือกก็เพียงถอนหายใจแล้วเดินจากไป

พวกเขาเป็นคนที่สุขภาพสมบูรณ์ดี ถึงจะหางานยากแค่ไหน ก็ยังสามารถหาได้

แต่ผู้พิการที่พลาดการรับเลือกเหล่านั้น บางคนร้องไห้ออกมาในทันที

พวกเขาอยากมีงานทำมาก อยากหาเลี้ยงตัวเอง และใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี แต่ความเป็นจริงนั้นช่างโหดร้าย

หลินม่ายไม่อาจสู้หน้ากับท่าทางอันเจ็บปวดของผู้พิการเหล่านั้นได้ เธอจึงเดินอย่างเร็วที่สุดราวกับกำลังหลบหนี

ขณะที่เดินผ่านโรงงานเสื้อผ้ายูนีค เธอก็เห็นด้านหลังท้ายทอยของหม่าเทาติดผ้าก๊อซสีขาว กำลังชะเง้อชะแง้อยู่ที่หน้าประตูโรงงาน

หลินม่ายขมวดคิ้ว เจ้ากากเดนนี่โดนเถาจืออวิ๋นเอาอิฐทุบเข้าให้ที่ท้ายทอยสินะ มาแก้แค้นงั้นเหรอ?

เธอเดินเข้าไปอย่างไร้สุ้มเสียง แล้วตะโกนเสียงดัง “นายมาทำลับๆ ล่อๆ อะไรที่นี่?”

หม่าเทากำลังจดจ่ออยู่กับการจ้องมองเข้าไปข้างในโรงงานเสื้อผ้า เมื่อได้ยินเสียงของหลินม่ายอย่างฉับพลัน ก็ตกใจจนแทบสะดุ้ง

เขาหันกลับมามองและพบว่าเป็นหลินม่าย พลันชี้ไปที่ศีรษะของตนแล้วถามอย่างเกรี้ยวกราด “แผลที่หัวของฉัน เธอเป็นคนเอาอิฐมาทุบใช่ไหม”

ที่เขาคิดว่าหลินม่ายเป็นมือมืดที่ลงมืออยู่เบื้องหลังนั้น เป็นเพราะเธอดุร้ายน่ากลัว

ในสายตาของเขา ไม่มีเรื่องอะไรที่เธอไม่กล้าทำ

แต่เถาจืออวิ๋นไม่เหมือนกัน หล่อนไม่ได้ใจกล้าขนาดนั้น

หากหลินม่ายไม่ได้เป็นคนทำ เธอย่อมไม่รับผิดแทนคนอื่นแน่

แต่ถ้าเธอเป็นคนทำ ก็ยังคิดจะโยนความผิดให้คนอื่น

หลินม่ายพูดอย่างจริงจัง “นายมีปากอยากกินขี้ก็ย่อมได้ แต่จะมาพูดจาซี้ซั้วแบบนี้ไม่ได้ ฉันไม่มีความจำเป็นจะต้องทุบหัวนาย ถ้านายยังปรักปรำฉันอีก ฉันจะลากนายไปที่สถานีตำรวจ! นายมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนมากมายขนาดนั้น ไม่แน่อาจจะเป็นใครคนใดคนหนึ่งที่ลงมือกับนายอยู่เบื้องหลังก็ได้ แต่นายกลับให้ฉันเป็นแพะรับบาป ฉันหน้าตาเหมือนแพะรับบาปตรงไหนกัน? เหมือนตรงไหน!”

เสียงคำรามของหลินม่ายในประโยคสุดท้าย ทำให้หม่าเทาตกใจกลัวราวกับไก่ตื่น

เขาไม่กล้าหือกับหลินม่าย

บางทีถ้าทะเลาะกันจนขึ้นโรงพักจริงๆ จนสืบสาวราวเรื่องไปถึงเรื่องที่เขาผูกสัมพันธ์คลุมเครือกับผู้หญิงหลายคน ตำรวจจะต้องจับเขาเหมือนกับอันธพาลไร้ศีลธรรม แล้วตัดสินจำคุกเขาแปดปีสิบปี หรืออาจถึงตลอดชีวิต

เมื่อหลินม่ายเห็นเขาปอดแหก เธอก็ยิ่งเย่อหยิ่งก้าวร้าว

“นายให้แม่ของนายย้ายออกไปจากบ้านของพี่เถาหรือยัง? ถ้าไม่ยอมย้ายออกไปเอง ฉันก็ไม่ถือสาหรอกที่จะหาคนมาช่วยแม่นายย้ายออกไป!”

“ที่ฉันมา……หาจืออวิ๋นก็เพื่อคุยเรื่องนี้นี่แหละ”

สีหน้าของหม่าเทาขมวดย่นอย่างอึดอัดใจ “ฉัน… ตอนนี้ฉันไม่สามารถคืนบ้านให้กับจืออวิ๋นได้”

ใบหน้าเล็กของหลินม่ายเย็นชาขึ้นในพริบตา “นายคิดจะใช้กำลังยึดบ้านของพี่เถาเอาไว้งั้นเหรอ? นายต้องบีบให้พี่เถาเอาเรื่องน่าอับอายที่ให้ใครรู้ไม่ได้พวกนั้น ไปบอกให้สามีของพวกภรรยาพวกนั้น ให้ผู้ชายพวกนั้นกระทืบนายจนเป็นอัมพาตครึ่งซีกก่อนถึงจะพอใจใช่ไหม?”

จากนั้นก็พยักหน้า “ได้ งั้นก็เป็นไปตามที่นายต้องการ!”

หม่าเทาตกใจจนหน้าถอดสี รีบโบกมือทั้งสองข้างไปมาอย่างร้อนรน “ไม่ ไม่เอา!”

หลินม่ายหรี่ตามองเขา “ในเมื่อไม่เอา งั้นก็คืนบ้านให้พี่เถาเสียดีๆ อย่ามาเล่นตุกติกเด็ดขาด”

หม่าเทาลูบมือ แล้วพูดอ้ำๆ อึ้งๆ “ขอเวลาสักพักแล้วค่อยคืนบ้านให้จืออวิ๋นได้ไหม?”

หลินม่ายเผยสีหน้าเย็นชา “นายกำลังบ่ายเบี่ยงกับฉันอยู่งั้นเหรอ? ได้ งั้นนายก็รอถูกสามีของผู้หญิงพวกนั้นรุมกระทืบแล้วกัน”

พูดจบเธอก็เดินจากไป

หม่าเทาเอ่ยอ้อนวอนอยู่ข้างหลังเธอ “ฉันไม่ได้บ่ายเบี่ยงกับเธอนะ ขอร้องล่ะ ให้ฉันอยู่อีกครึ่งปีเถอะนะ หลังจากครึ่งปีฉันจะคืนบ้านให้จืออวิ๋นแน่นอน”

หลินม่ายหยุดฝีเท้า ถามอย่างสงสัย “ทำไมต้องยืดเวลาไปอีกครึ่งปีถึงจะยอมคืนบ้านให้พี่เถาล่ะ?”

หม่าเทาเผยสีหน้าอึดอัดใจ “อย่าถามเลยได้ไหม?”

หลินม่ายพูดอย่างเด็ดขาด “ไม่ได้! ถ้านายไม่บอกเหตุผล ฉันก็จะให้คนไปยึดบ้านกลับคืนมาเดี๋ยวนี้!”

หม่าเทาได้แต่พูดอ้ำๆ อึ้งๆ “ฉัน… ฉันอยากขอยืมบ้านนั้นเพื่อแต่งงานกับหงเหมย”

หลินม่ายถามอย่างงุนงง “หงเหมยคือใคร?”

หม่าเทาพูดอย่างขลาดเขลา “คือ… คือรักแรกคนนั้นของฉันเอง”

“ที่แท้ก็เป็นหล่อนนี่เอง” หลินม่ายแค่นหัวเราะอย่างดูถูกเหยียดหยาม “อีกครึ่งปีหล่อนถึงจะยอมแต่งงานกับนาย ดังนั้นนายถึงจะคืนบ้านให้ในอีกครึ่งปีให้หลังสินะ? แต่ฉันจะรู้ได้ยังไงว่านี่ไม่ใช่แผนถ่วงเวลาของนาย? บางทีนายอาจจะใช้ข้ออ้างนี้ บอกว่ารักแรกของนายกลับคำ บอกจะแต่งกับนายในอีกหนึ่งปีให้หลัง อย่างนั้นนายจะไม่ยืดเวลาออกไปอีกหนึ่งปีแล้วค่อยคืนให้หรอกเหรอ? พอครบหนึ่งปีแล้ว นายก็บอกอีกว่ารักแรกของนายเปลี่ยนใจอีกแล้ว รออีกสองปีค่อยแต่งกับนาย ยืดแล้วยืดอีกขนาดนี้ บ้านนี้ก็ไม่ต้องคืนมันแล้ว!”

หม่าเทาส่ายหน้าพูด “ไม่ต้องล่าช้าถึงครึ่งปีหรอก อีกสิบวันฉันกับหงเหมยก็จะแต่งงานกันแล้ว”

หลินม่ายพูดอย่างโมโห “นายกับรักแรกของนายจะแต่งงานกัน แล้วมายึดบ้านของพี่เถาทำไม? ทำแบบนี้นายจะกลั่นแกล้งกันหรือไง!”

หม่าเทาพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ถ้าไม่มีบ้านของจืออวิ๋น หงเหมยก็จะไม่แต่งกับฉัน…”

“หล่อนจะไม่แต่งกับนาย?” หลินม่ายทำหน้าสงสัย “หล่อนทำลายความสัมพันธ์สามีภรรยาของนายก็เพื่อแต่งงานกับนายไม่ใช่เหรอ? นายบอกว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกฉันยังเชื่อได้ แต่ที่นายบอกว่ารักแรกไม่อยากแต่งกับนาย ให้ตายฉันก็ไม่มีทางเชื่อ!”

เธอมองพิจารณาหม่าเทาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “นายกับรักแรกของนายกำลังขุดหลุมรอพี่เถาอยู่สินะ ฉันจะบอกนายไว้ มีฉันเป็นด่านหน้าให้พี่เถาอยู่ พวกนายชายโฉดหญิงชั่วอย่าคิดจะทำสำเร็จเลย!”

หม่าเทาแสดงสีหน้าราวกับอธิบายอย่างไรก็ไม่กระจ่าง “ฉันสาบานต่อสวรรค์ได้เลย ฉันไม่ได้วางกับดักกับจืออวิ๋นจริงๆ แต่เพราะหงเหมยบอกว่าหล่อนต้องการงานแต่งงานที่น่าจดจำมีหน้ามีตา ถ้าไม่มีบ้านหล่อนก็ไม่แต่ง แล้วยังต้องชดเชยความสูญเสียของหล่อนด้วย ไม่อย่างนั้นหล่อนจะไปฟ้องที่ทำงานของฉันว่าฉันเป็นอันธพาลลวนลามหล่อน ฉัน…ฉันเองก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน พอฉันแต่งหล่อนเข้าตระกูลแล้ว อีกครึ่งปีเราจะย้ายออกจากบ้านของจืออวิ๋น ถึงตอนนั้นหล่อนก็ฟ้องฉันไม่ได้แล้ว เธอช่วยเห็นใจฉันหน่อยเถอะ”

พูดถึงตรงนี้ ไอ้คนเฮงซวยก็พนมมือขึ้น พลางโค้งคำนับให้หลินม่ายไม่หยุด

หลินม่ายสังเกตเห็นร่องรอยของแผนชั่วร้ายในแววตาของเขา หลังดีดลูกคิดอยู่ในใจครู่หนึ่งแล้วก็เอ่ยขึ้น “เรื่องนี้ฉันทำตามอำเภอใจไม่ได้หรอก ต้องถามความเห็นของพี่เถาก่อน”

หม่าเทาแค่นหัวเราะเยาะ “ถ้าเธอทำตามอำเภอใจไม่ได้ แล้วใครจะทำได้? จืออวิ๋นเชื่อฟังเธอที่สุดไม่ใช่หรือไง?”

เขาโบกมือ “เรื่องนี้เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน อีกครึ่งปีให้หลังฉันจะคืนห้องให้จืออวิ๋นแน่นอน ฉันจะไม่บอกกับจืออวิ๋นด้วยตัวเองแล้วกัน ทั้งหมดขอฝากเธอด้วยล่ะ”

พูดจบเขาก็วิ่งหนีไป

หลินม่ายเดินเข้าไปในโรงงานเสื้อผ้า มาถึงห้องทำงานของเถาจืออวิ๋น

เถาจืออวิ๋นกำลังออกแบบเสื้อผ้าอยู่ เมื่อเห็นเธอเข้ามาก็ถามขึ้น “โรงงานที่ซื้อมาใหม่ทางนั้นรับสมัครพนักงานเรียบร้อยแล้วเหรอ?”

“ยังเลย” หลินม่ายเหลือบมองหัวหน้าแผนกในโรงงานสองคนที่อยู่ห้องทำงานเดียวกับเถาจืออวิ๋นเล็กน้อย “พี่มาที่ห้องทำงานฉันสักเดี๋ยวสิ”

เถาจืออวิ๋นตามหลินม่ายไปที่ห้องทำงานของเธอ “มีเรื่องอะไรเหรอ”

หลินม่ายเล่าเรื่องที่เจอกับหม่าเทาเมื่อครู่นี้ให้เธอฟังอย่างละเอียดครบถ้วน

เถาจืออวิ๋นงุนงง “ทำไมเธอไปตอบตกลงกับไอ้สารเลวนั่นกัน? เขาไม่มีบ้านไว้แต่งงานกับรักแรกของเขาก็สมน้ำหน้าแล้ว! ฉันอยากจะเห็นสภาพหมากัดกันเองตอนรักแรกของเขาฟ้องเขาที่โรงงานกับตานักเชียว อยากรู้นักว่าตอนนั้นไอ้สารเลวนั่นจะคิดยังไง!”

“พี่ยังคิดว่ารักแรกของหม่าเทาจะไปฟ้องหม่าเทาที่โรงงานจริงๆ เหรอ อย่าไร้เดียงสาหน่อยเลยน่า” หลินม่ายกลอกตาใส่เถาจืออวิ๋นด้วยท่าทางรำคาญใจ “ไอ้สารเลวนั่นพูดขนาดนั้นก็เพื่อเรียกความสงสาร ให้พวกเราเห็นใจเขา แล้วยอมตกลงให้เขายืนบ้านอยู่ไปอีกครึ่งปี พอครบกำหนดครึ่งปีแล้ว ไอ้สารเลวนั่นก็หาข้ออ้างมาอีก แล้วหน้าด้านไร้ยางอายต่อไป บ้านนี้จะคืนกลับให้พี่คงอีกยาวไกล”

เถาจืออวิ๋นยิ่งสับสนงุนงง “แล้วเธอยังตกลงกับเขาทำไมกัน…”

หลินม่ายตบไหล่หล่อนเบาๆ “ที่ฉันยอมตกลงกับเขาก็เพราะมีจุดประสงค์อยู่ ฉันอยากรอให้ถึงวันที่จัดงานมงคลของไอ้สารเลวนั่นกับรักแรกของเขาแล้วหาคนไปยึดบ้านคืน แบบนั้นมันถึงจะเร้าอารมณ์! รักแรกของไอ้สารเลวนั่นอยากได้ของขวัญแต่งงานน่าจดจำนักไม่ใช่เหรอ งั้นเราก็ต้องสนองให้หล่อนกันหน่อย!”

เถาจืออวิ๋นจินตนาการถึงภาพนั้นขึ้นมาในหัว แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “น่าตื่นเต้นจริงๆ แต่ถ้าจะรอให้ถึงวันแต่งงานของไอ้สารเลวนั่น ก็ไม่ต้องหาคนไปยึดบ้านคืนมาหรอก ฉันให้พี่ชายของฉันกับเจ้าหน้าที่รปภ.ในโรงงานไล่พวกเขาไปก็ได้”

หลินม่ายพยักหน้า “ได้เลย”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มาเล่นผิดคนแล้ว คิดจะยึดบ้านเมียเก่าอยู่ แต่ไม่รู้เลยว่าเมียเก่ากับสหายวางแผนจะเล่นใหญ่กลับยังไง

ไหหม่า(海馬)