บทที่ 328 ตัวตนที่แท้จริงของจักรพรรดิภูตผี

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 328 ตัวตนที่แท้จริงของจักรพรรดิภูตผี

บทที่ 328 ตัวตนที่แท้จริงของจักรพรรดิภูตผี

สิบราชาแห่งขุมนรกคล้ายกับกำลังเตรียมการขั้นสุดท้ายก่อนทำการไต่สวน พวกเขาเหยียดเอวและขาขณะสนทนากัน เพราะต้องนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน

แดนสวรรค์ทั้งสี่ทิศ ทุกกองกำลังของสี่จักรพรรดิ เมื่อรวมกันย่อมไม่ใช่จำนวนน้อยนิดอย่างแน่นอน

ไป๋ชิวหรานและเจียงหลานเดินเข้ามา หลังจากเห็นทั้งสอง กลุ่มสิบราชาแห่งขุมนรกนี้ที่กำลังสนทนาอย่างฉะฉานต่างรีบเข้ามาทักทาย

“ฝ่าบาท จักรพรรดินี”

ตอนนี้ ตัวตนของไป๋ชิวหรานในฐานะจักรพรรดิภูตผีมีศักดิ์สูงมากในยมโลก ประกอบกับการโจมตีระลอกก่อนหน้านี้ ทำให้ชื่อเสียงของเจียงหลานในฐานะจักรพรรดินีเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ดังนั้นสิบราชาแห่งขุมนรกในตอนนี้ล้วนมีสีหน้าจริงจัง

ไป๋ชิวหรานยกมือขึ้น จากนั้นถามว่า

“พวกเจ้ากำลังเตรียมไต่สวนเซียนที่ลี้ภัยอย่างนั้นหรือ?”

สิบราชาแห่งขุมนรกพยักหน้า

“ใช่แล้วล่ะ วิญญาณสี่จักรพรรดิอยู่กับข้าที่นี่แล้ว เมื่อครู่คือวิญญาณจักรพรรดิเฮย ข้าขอให้ราชาแห่งขุมนรกเร่งทำการไต่สวนวิญญาณจักรพรรดิเฮย ตอนนี้นางกำลังท่องอยู่ในขุมนรกอาจมเดือดพล่าน”

ไป๋ชิวหรานกล่าว

“ในเมื่ออยากให้พวกข้าตัดสินเหล่าเซียนจากแดนเซียน เช่นนั้นก็ทำการไต่สวนคนชั่วก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงความฝันและราตรีอันยาวนาน การไต่สวนของสามจักรพรรดิ พวกข้าจะเป็นผู้ดูแลพวกเขาเป็นการส่วนตัวเพื่อท่านจักรพรรดิและหลานเอ๋อก็แล้วกัน”

สิบราชาแห่งขุมนรกอยากไต่สวนจักรพรรดิเซียนทั้งสี่ทิศ เพื่อทำให้ยมโลกภาคภูมิใจมานานแล้ว เมื่อได้ยินดังนี้ย่อมต้องตอบตกลงไปซ้ำไปมา

เมื่อเห็นว่ายังมีเวลาก่อนที่จะเริ่มการไต่สวนอย่างเป็นทางการ ไป๋ชิวหรานจึงสนทนากับพวกเขา

“จะว่าไป ข้าเห็นพวกเจ้ากำลังสนทนากัน กำลังสนทนาเรื่องอะไรกันหรือ?”

“ไม่มีอะไรหรอก”

ราชาฉินก่วงผู้เป็นหนึ่งในสิบราชาแห่งขุมนรกเผยรอยยิ้มออกมาขณะตอบกลับไป

“พวกข้ากำลังสนทนาถึงการเปลี่ยนแปลงที่ฝ่าบาททรงนำมาสู่ยมโลกเมื่อไม่นานมานี้ ครั้งนี้ต้องขอบคุณความปราดเปรื่องของฝ่าบาทที่ทำให้พวกข้าได้ไต่สวนจักรพรรดิเซียนทั้งสี่ทิศเป็นครั้งแรก ปกติแล้วพวกมันจะกดขี่พวกเราเพื่อแสวงหาโชคลาภ แต่ตอนนี้สายลมเปลี่ยนทิศแล้ว… ถึงตาพวกเราเก็บกวาดพวกมันเสียที”

“ใช่แล้ว ราชาแห่งขุมนรกบอกพวกข้าแบบนี้เหมือนกัน”

ราชาอู่กวนกล่าวด้วยความซื่อตรงเป็นอย่างยิ่ง

“ท่านบอกว่า อีกไม่ช้าคนบาปที่อยู่ในรายชื่อจะถูกนำกลับมายังยมโลกทีละคน พวกมันจะถูกพวกข้าไต่สวน โดยเฉพาะไป๋ชิวหราน ผู้หลบหนีมานานกว่าสามพันปี จัดการกับอาชญากรมาหลายครั้ง ในหมู่พวกมันมีแม้กระทั่งหลิงจุนที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่ง”

“พรืด”

เมื่อได้ยินคำพูดของราชาอู่กวน เจียงหลานอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

“ทำไมจักรพรรดินีถึงหัวเราะหรือ?”

ราชาแห่งขุมนรกสับสนเมื่อเห็นภาพเช่นนี้

ไป๋ชิวหรานเกาศีรษะ เดิมทีที่เขาปกปิดตัวตนก็เพื่อจะจัดการกับจักรพรรดิเซียนทั้งสี่ทิศ แต่ตอนนี้พวกเขาถูกสังหารแล้ว เขาจึงไม่ต้องปกปิดตัวตนอีกต่อไป

ดังนั้นจึงเอ่ยกล่าวกับสิบราชาแห่งขุมนรกว่า

“เอ่อ… อันที่จริงมันเป็นอย่างนี้ ดูนี่สิ”

สิ้นเสียง เขาถอดหน้ากากบนศีรษะออกและเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา

สิบราชาแห่งขุมนรกมองดูพร้อมกับสูดหายใจเข้า ราชาแห่งขุมนรกถึงขั้นกุมหน้าอกล้มลงกับพื้นก่อนเงยหน้าขึ้นมา

“เร็ว”

เขาคว้าแขนของราชาฉู่เจียงด้วยความเจ็บปวด

“ข้าต้องห้ามหายใจ”

แขนของราชาฉู่เจียงสั่นเทาเล็กน้อยเช่นกัน ขณะตอบกลับมา

“ไม่ต้องห่วง พวกข้าเป็นกุ้ยเซียน ต่อให้ไม่หายใจก็ไม่ตายหรอก”

“ราชาแห่งขุมนรกเป็นอะไรหรือไม่?”

ไป๋ชิวหรานยื่นมือออกไปด้วยความกังวล เขาอยากจะช่วยราชาแห่งขุมนรก แต่ราชาแห่งขุมนรกผู้ล้มลงกับพื้นกระโดดขึ้นมาราวกับกระต่าย ขยับมือเท้าเพื่อถอยไปอยู่มุมหนึ่งของห้องโถงจักรพรรดิภูตผี

เมื่อไม่มีทางเลือก ไป๋ชิวหรานทำได้เพียงสวมหน้ากากอีกครั้ง

เมื่อเห็นไป๋ชิวหรานสวมหน้ากากอีกครั้ง ในที่สุดสิบราชาแห่งขุมนรกก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและมีทีท่าสงบลงเล็กน้อย

แต่หลังจากสงบลงแล้วมาครุ่นคิดดู ทำไมไป๋ชิวหรานถึงเลือกบอกความลับให้พวกเขาทราบในเวลานี้กัน?

สี่จักรพรรดิตายแล้ว หรือว่าจะเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล?[1]

ตอนนี้ ในใจของสิบราชาแห่งขุมนรกปรากฏฉากนกขนาดใหญ่กำลังพยายามสุดความสามารถเพื่อหลบซ่อนจากคันธนูวาบผ่านขึ้นมา!

“เพราะว่าไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวแล้วอย่างไรล่ะ”

ไป๋ชิวหรานคล้ายกับมองความคิดพวกเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่งจึงกล่าวว่า

“ไม่ต้องห่วง เดิมทีตำแหน่งนี้เป็นของข้า แม้กระทั่งยมโลกแห่งนี้ เดิมทีแล้วข้าก็เป็นคนสร้างมันขึ้นมาเช่นกัน”

‘ฝ่าบาทเพิ่งเกิดขึ้นมาเมื่อสามพันปีก่อน แล้วจะเป็นผู้สร้างยมโลกได้อย่างไร?’

สิบราชาแห่งขุมนรกเกิดความสงสัยขึ้นในใจ แต่ไม่มีใครกล้าถามถึงคำถามนี้…

“สหายทั้งหลาย”

ราชาแห่งขุมนรกดึงสิบราชาแห่งขุมนรกไปที่มุมหนึ่ง จากนั้นกล่าวกับพวกเขาว่า

“เหตุการณ์ในวันนี้ แสร้งทำเป็นว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกัน”

“เห็นด้วยที่สุด”

สิบราชาแห่งขุมนรกคนอื่นพยักหน้าขณะกล่าวออกมา

“การกระทำของราชาแห่งขุมนรกช่างปราดเปรื่องนัก”

อุบัติเหตุเล็กน้อยเช่นนี้ ไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสิบราชาแห่งขุมนรก การไต่สวนของวิหารจักรพรรดิภูตผีจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า เชวียหลิงและเซียนอาวุโสเลี่ยตระเตรียมยมทูต เพื่อส่งวิญญาณเซียนผู้ล่วงลับจากแดนเซียนไปห้องโถงหลักจักรพรรดิภูตผี ไป๋ชิวหรานปลดปล่อยวิญญาณของสามจักรพรรดิในบรรดาสี่จักรพรรดิ เพื่อให้รับการไต่สวนเช่นกัน

ภายใต้การกำกับดูแลร่วมกันของไป๋ชิวหรานและเจียงหลาน ทำให้ไม่เกิดปัญหาในการไต่สวนสามจักรพรรดิ ถึงแม้จักรพรรดิชี่ จักรพรรดิตะวันตก และจักรพรรดิชิงจะล้วนใช้วิชาของตัวเอง เพื่อหลบหนีออกจากยมโลก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าไป๋ชิวหรานและเจียงหลาน พวกเขาไม่สามารถลงมือได้แม้แต่นิดเดียว

ในที่สุด ทั้งสามก็พ่ายแพ้ให้กับขุมนรกสิบแปดชั้น จากบาปที่ก่อมา คาดว่าสามพี่น้องนี้จะต้องอยู่ที่นี่จนกว่าโลกจะถึงคราวจบสิ้น

แต่ข่าวดีคือ ในอีกหนึ่งหมื่นปี จักรพรรดิเฮยแห่งแดนเซียนเหนือที่กำลังรับโทษอยู่จะลงมาอยู่รวมกับพวกเขาเช่นกัน สามชายหนึ่งหญิง สุดท้ายมันก็ถือว่าเป็นการปลอบใจอย่างหนึ่ง

หลังจากจัดการกับเรื่องนี้แล้ว ไป๋ชิวหรานทิ้งภาพมายาของเขาไว้ในห้องโถงจักรพรรดิภูตผีอีกครั้ง จากนั้นพาหลีจิ่นเหยาและพวกถังรั่วเวย กลับสู่โลกเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน

อย่างไรเสียเขายังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรากฐานเสมือน ถึงแม้จะเคยไปแดนเซียน ท่องไปหลายภพ เพิ่มพูนความรู้ แต่ท้ายที่สุด… เส้นทางการฝึกตนยังคงอยู่ที่ใต้เท้าของเขาและต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป

เจียงหลานกลับมาพร้อมเขาเช่นกัน นางอยากกลับวิหารฝูซางเพื่อตรวจสอบสถานการณ์

หลังจากกลับไปเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน พวกเขากลับไปยังสำนักเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ ขณะนี้สำนักกระบี่ชิงหมิงและสำนักเหอฮวนล้วนปลอดภัยดี

ภายใต้การนำของซูเซียงเสวี่ย สำนักเหอฮวนและเมืองเซียนจักรพรรดิภูตผีผนึกกำลังกัน อวิ๋นโจวถูกสร้างขึ้นใหม่ ตอนนี้นี่คือพื้นที่ที่มั่งคั่งที่สุดในเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน มันกำลังค่อย ๆ เคลื่อนไปสู่การฟื้นฟู

ทว่าเมื่อเขาพาหลีจิ่นเหยากลับสำนักอสูรสวรรค์เพื่อรายงานความปลอดภัย แต่กลับพบเรื่องน่าประหลาดใจเล็กน้อยเข้า!

เมื่อกลุ่มคนมาถึงสำนักอสูรสวรรค์ ทันใดนั้นก็เห็นว่าเบื้องหน้าประตูขุนเขา รูปปั้นหินตัวหนึ่งถูกสร้างขึ้นมา ต้นแบบของรูปปั้นหินคือหลีจิ่นเหยา

เมื่อมองใกล้ ๆ มีแถวอักขระสองแถวถูกเขียนไว้บนแท่นด้านล่างรูปปั้น

ฝั่งซ้ายคือ ‘อสูรทะยาน หลอกลวงอาจารย์ ทำลายบรรพบุรุษ’ ฝั่งขวาคือ ‘ชีวิตของจิ่นเหยา ไม่ด้อยไปกว่ามนุษย์ผู้ใด’

“ดูเหมือนจะเป็นของฝากที่ทิ้งไว้ให้เจ้า”

ไป๋ชิวหรานกลั้นยิ้มเอาไว้ ขณะกล่าวกับหลีจิ่นเหยา

ในฐานะที่หลีจิ่นเหยาคืออันดับหนึ่งในการก้าวทะยาน เหนือล้ำกว่าผู้อื่นในวิถีมารแม้มาทีหลัง สำนักอสูรสวรรค์จึงได้ทำการสลักรูปปั้นหินไว้ให้เป็นของฝากกับนาง

หวงฝู่เฟิงและจี้หลิงอวิ๋นคือตัวตั้งตัวตี คาดว่าหลีจิ่นเหยาทะยานไปยังแดนเซียน เป็นการยากที่จะกลับเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินมในอนาคต ดังนั้นจึงได้ทำการสร้างรูปปั้นนี้ขึ้นมาเพื่ออยากระบายโทสะที่ถูกหลีจิ่นเหยากลั่นแกล้งในวันธรรมดา

แต่ตอนนี้สิ่งต่าง ๆ ในแดนเซียนถูกคลี่คลายอย่างราบรื่นแล้ว หลีจิ่นเหยากลับมาพร้อมกับไป๋ชิวหรานเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่จะพูด

พรสวรรค์ของสาวน้อยหลีไม่ด้อยไปกว่าไป๋ลี่ ในช่วงเวลานี้ที่แดนเซียนกลาง นางประสบความสำเร็จในการฝึกฝนอย่างงดงาม ก้าวไปสู่จุดสูงสุดของขั้นเซียน เมื่อเห็นสีหน้าของนางเต็มไปด้วยความอายและความโกรธ พวกไป๋ชิวหรานจึงทราบดีว่าหวงฝู่เฟิงและจี้หลิงอวิ๋นจะต้องถูกลงโทษแสนสาหัสเป็นแน่

เป็นดังคาด หลังจากกระทืบเท้าเผ่วเบาหลีจิ่นเหยาก็เผยรอยยิ้มสดใสให้ทุกคน

“ต้องขอโทษด้วย ท่านบรรพชนกระบี่ รั่วเวย ศิษย์พี่หลาน”

นางชักมีดคู่เขี้ยวมังกรออกจากเอว

“โปรดประจำตำแหน่งสักครู่ ข้าจะไปสนทนากับพวกอาจารย์บางเรื่องเสียหน่อย”

[1] สำนวน หมายความว่า พอเสร็จสิ้นภารกิจ ก็ทำร้ายบุคคลสำคัญที่เคยช่วยเหลืองานของตน