บทที่ 329 ไม่มีที่ไถ มีเพียงวัวที่หมดแรง

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 329 ไม่มีที่ไถ มีเพียงวัวที่หมดแรง

บทที่ 329 ไม่มีที่ไถ มีเพียงวัวที่หมดแรง

หลังจากหลีจิ่นเหยาเข้าสำนักอสูรสวรรค์ครั้งแรก ใช้เวลาไม่นานนัก ศิษย์จากสำนักอสูรสวรรค์ก็ลงมาเชิญพวกไป๋ชิวหรานไปที่ประตูขุนเขา

พวกไป๋ชิวหรานตามเขาไปที่ทางเข้าถ้ำเซียน ที่พบเห็นคือหลีจิ่นเหยาผู้มีสีหน้าสดชื่นกับพวกศิษย์ผู้มีสีหน้าหวาดกลัว

“แล้วซือจุนกับซือจู่ล่ะ?”

เมื่อเห็นดังนี้ไป๋ชิวหรานจึงเอ่ยถาม

หลีจิ่นเหยาทำท่าทางสงบนิ่ง

“พวกเจ้าลงไปก่อน”

นางสั่งศิษย์สำนักอสูรสวรรค์

หลีจิ่นเหยาเพิ่งขึ้นสู่ขั้นเซียนมาได้หนึ่งถึงสองปี พวกศิษย์ในสำนักย่อมยอมรับนางในฐานะทายาทสายตรงหน้าของผู้นำกับผู้อาวุโสของสำนัก ดังนั้นจึงไม่มีใครคัดค้าน พวกเขาล้วนหลีกทางให้…

หลังจากศิษย์เหล่านี้ออกไปแล้ว มีอีกสองคนออกมาจากถ้ำ ปกปิดตัวตน ปกปิดใบหน้า แต่เมื่อดูจากชุดแล้วทำให้ทราบว่าเป็นหวงฝู่เฟิงกับจี้หลิงอวิ๋น

“นี่จ้าวสำนักจี้กับผู้อาวุโสหวงฝู่ไม่ใช่หรือ?”

ไป๋ชิวหรานหัวเราะคิกขณะเดินเข้าหา และยื่นมือทั้งสองข้างออกไปจับแขนแต่ละข้างของทั้งสองคน

“ทำไมพวกเจ้าต้องปิดหน้าด้วย อายเกินกว่าจะพบข้าหรือ?”

เขาออกแรงดึงเล็กน้อย ทว่าจี้หลิงอวิ๋นกับหวงฝู่เฟิงยังคงปิดใบหน้าเอาไว้มั่น แต่กำลังของไป๋ชิวหรานไม่ใช่สิ่งที่สองคนนี้จะสามารถรับมือได้ เขาเพียงออกแรงอีกเล็กน้อย มือของจี้หลิงอวิ๋นกับหวงฝู่เฟิงที่กำลังปิดใบหน้าก็ถูกดึงออกไปและใบหน้าฟกช้ำถูกเผยให้เห็น!

สีหน้าแบบนั้น มันเหมือนกับหัวหมูถูกวางบนศีรษะ ไม่ว่าจะเป็นหวงฝู่เฟิงผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ หรือจี้หลิงอวิ๋นผู้งดงามไร้ที่ติ ตอนนี้ทั้งสองล้วนเท่าเทียมกัน

“บรรพชนกระบี่”

หวงฝู่เฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงฟังดูอู้อี้

“เหตุใดท่านถึงกลับมาที่นี่?”

“นั่นน่ะสิ”

จี้หลิงอวิ๋นบ่นอุบเช่นกัน

“ข้าคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไปแล้ว พอผ่านไปสักพักจึงทำการยกศักดิ์ศรีของประมุขผู้นี้อีกครั้ง ตอนนี้เด็กผู้หญิงคนนี้กลับมาแล้ว ต่อหน้าศิษย์สำนัก นางเอาชนะข้าและอาจารย์ได้ด้วยฝ่ามือเดียว แล้วจะให้พวกข้าออกไปได้อย่างไร? …เฮ้อ เด็กผู้หญิงตัวเหม็นคนนี้ เริ่มมาก็ไม่มีความปรานีเลย ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก”

เมื่อหลีจิ่นเหยาได้ยินดังนี้จึงหันหน้ามาด้วยความรู้สึกผิดพร้อมกับผิวปากออกมา

“เพราะเรื่องในแดนเซียนได้รับการคลี่คลายแล้ว ดังนั้นพวกข้าจึงกลับมา”

ไป๋ชิวหรานกางแขนขณะกล่าว

“เดิมทีแดนเซียนไม่ใช่สถานที่ดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ อย่างน้อยเจ้าสามารถทะยานออกไปได้โดยไม่ต้องห่วงเรื่องการเอาชีวิตรอด”

“แดนเซียนสุดจะทนขนาดนั้นเลยหรือ?”

หวงฝู่เฟิงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนี้

“สุดจะทนจริง ๆ นั่นแหละ”

ไป๋ชิวหรานส่ายหน้าก่อนตอบออกมา

“มันน่าจะดีขึ้นในอนาคต หากเป็นสถานการณ์พิเศษ เจ้าสามารถถามจิ่นเหยาได้ นางรู้เรื่องนี้ดีมากเช่นกัน”

หวงฝู่เฟิงยืนอยู่กับที่พลางครุ่นคิด

“ไม่ใช่สิ ข้าจำได้ว่าบรรพชนกระบี่ต้องการหลอกข้าเพื่อให้พาขึ้นไปที่นั่น…”

“แค่ก ๆ ”

ไป๋ชิวหรานไอด้วยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย หลีจิ่นเหยาเดินเข้ามา ตบบ่าผู้เป็นอาจารย์และกล่าวว่า

“อาจารย์ช่างขี้เหนียวนัก ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อท่านหรอกหรือ? ท่านเอาแต่เป็นห่วงเป็นใยผู้อาวุโสของตัวเองอยู่ได้”

“มันจบแล้ว”

หวงฝู่เฟิงกล่าวกับจี้หลิงอวิ๋น

“ศอกของเด็กผู้หญิงคนนี้หนักเป็นบ้าเลย”

หลังจากอยู่ในสำนักอสูรสวรรค์สักพัก ไป๋ชิวหรานก็กล่าวลาก่อนออกมา

เดิมทีอยากให้หลีจิ่นเหยาอยู่ในสำนักอสูรสวรรค์ แต่แม่นางน้อยผู้นี้คล้ายกับยอมรับว่าเขาตายไปแล้ว ทำให้ติดตามไปทุกหนแห่ง ที่ใดที่เขาไป หลีจิ่นเหยาจะตามติดไปด้วยไม่แม้แต่จะกลับสำนัก…

แต่เมื่อมาคิดในตอนนี้ แดนเซียนถือกำเนิดขึ้นแล้ว ไป๋ชิวหรานไม่มีอะไรจะทำในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงยังปล่อยให้หลีจิ่นเหยาตามมา

พวกเขาเริ่มจากกลับวิหารฝูซาง จากนั้นกลับอวิ๋นโจว ใช้ชีวิตอยู่ในสำนักเหอฮวน ช่วยซูเซียงเสวี่ยและคนในหอหยกแห่งเซียนตูเพื่อฟื้นฟูอำนาจของอวิ๋นโจว

ถังรั่วเวยไปที่รัฐซ่างเสวียนเป็นครั้งคราว ช่วยหลานสาวและสำนักกระบี่ชิงหมิงเพื่อสร้างรัฐโบราณขึ้นมา อีกทั้งยังใช้เวลาไม่นานนัก

วงจรการฟื้นฟูกระดูกอกของนางในตอนนี้ยิ่งมากยิ่งยาวขึ้น ภายในหนึ่งเดือน อย่างน้อยไป๋ชิวหรานต้องช่วยนางเลาะมันออก ไม่อย่างนั้นกระดูกอกจะงอกขึ้นมาปิดกั้นหน้าอกจนมิด ไม่สามารถทำการฝึกฝนขั้นต่อไปของวิชาหลอมสร้างกายได้

ชายหนุ่มได้ยินมาว่าเจวี๋ยอวิ๋นจื่อในตอนนี้ดำเนินการตามแผนอยู่ เขาต้องการรวบรวมสำนักฝึกยุทธ์ทั้งหมดของฝ่ายธรรมและฝ่ายมาร สร้างพันธมิตรที่สามารถรวมโลกการฝึกตนทั้งใบได้ ทว่าไป๋ชิวรานไม่ได้ตั้งใจที่จะแทรกแซงในเรื่องนี้

ตั้งแต่กลับมาจากยุคเทพ ไม่นานมานี้ได้จัดการกับยมโลกและแดนเซียน เขาเองก็ต้องการพักผ่อนหย่อนใจเช่นกัน ใช้ชีวิตอย่างเกียจคร้าน ตามติดเจียงหลานและซูเซียงเสวี่ย ที่สำคัญ… แผนของเจวี๋ยอวิ๋นจื่อไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน

ด้วยเหตุนี้เขาไม่ได้กลับสำนักกระบี่ชิงหมิง แต่เลือกใช้ชีวิตที่นี่ในสำนักเหอฮวนของซูเซียงเสวี่ย หากไปอยู่ในสำนักดังกล่าว มันจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนสหายจู๋เฟิงและเจวี๋ยอวิ๋นจื่อจะต้องมาถามความเห็นของเขาอย่างแน่นอน

แต่ชีวิตเกียจคร้านใช่ว่าจะดีเสมอไป เจียงหลานกับซูเซียงเสวี่ยคล้ายกับกำลังสนทนาบางอย่าง พวกนางล้วนอยากมีลูกกับเขา ดังนั้นเมื่อไม่นานมานี้ ชีวิตของไป๋ชิวหรานจึงเรียกได้ว่าทั้งเจ็บปวดและมีความสุข

ตอนแรกคิดว่ามันคือชีวิตที่ดี แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาเริ่มค่อย ๆ รู้สึกถึงความเจ็บปวดของไป๋ลี่ผู้เป็นศิษย์…

ในโลกใบนี้ ‘ไม่มีที่ไถ มีเพียงวัวที่หมดแรง’ ไป๋ชิวหรานในตอนนี้มีคนรักสองคน ทำให้รู้สึกถึงความยากลำบากเล็กน้อย ในรังรักของไป๋ลี่มีกลุ่มของจักรพรรดินีและนางสนม ผู้ต้องรอคอยถึงเจ็ดหมื่นปี

หลังจากหมกมุ่นอยู่กับกลุ่มจักรพรรดินีและนางสนมเป็นเวลานานกว่าหนึ่งเดือน เขาถึงขั้นสามารถเลือกจักรพรรดิเซียนสี่คนแบบตัวต่อตัวได้ ในด้านความรู้สึก ไป๋ชิวหรานคิดว่าเขาชื่นชมลูกศิษย์คนนี้ไม่น้อย

หลังจากที่ได้พัก ในที่สุดไป๋ชิวหรานก็เริ่มคิดถึงสองคำถามเช่นกัน

ข้อแรกคือขอบเขตการรู้จักมารที่อยู่เบื้องหลังกำแพงแห่งความตระหนักรู้ ห้าร้อยปีต่อมา จักรพรรดิเซียนองค์แรกกำลังจะกลับชาติมาเกิด แดนเซียนอู่ฟางจะถูกส่งไปให้เล่อเจิ้นเทียนดูแล ส่วนแดนเซียนอู่ฟางในตอนนี้กำลังพัฒนาอย่างหนักหน่วง มันคือภารกิจแรกในการนำความก้าวหน้าที่สูญหายไปเมื่อเจ็ดหมื่นปีก่อนกลับคืนมา ดังนั้นไป๋ชิวหรานจึงไม่คาดหวังว่าพวกเขาจะต้องจัดการกับมาร

แต่กำแพงแห่งความตระหนักรู้จะพังทลายในไม่ช้าก็เร็ว ความตระหนักรู้ของไป๋ชิวหรานติดอยู่ที่นั่น อย่างมากคงอยู่ได้หนึ่งหมื่นปี นั่นยังไม่มากพอถ้าคิดที่จะไม่จัดการกับมาร

ดังนั้น เรื่องการศึกษาวิธีจัดการกับมาร สุดท้ายก็ยังติดอยู่ในหัวของเขา

ส่วนคำถามข้อสองคือความปรารถนาตลอดชีวิต เป็นวิธีรวบรวมพลังวิญญาณที่แท้จริงของคฤหาสน์ม่วงในร่างกายให้เป็นแก่นแท้

หลังกลับมาจากยุคเทพ เวลาผ่านมาเนิ่นนาน วิชาหลอมรวมคฤหาสน์ม่วงขนาดเล็กในยมโลก บ่อสร้างรากฐาน และทลายพันธนาการเซียนล้วนเป็นสิ่งที่วนเวียนไปมา สัดส่วนของพลังวิญญาณที่แท้จริงกับแก่นแท้ในร่างกายของไป๋ชิวหรานคงอยู่ในอัตราระหว่างสิบถึงยี่สิบส่วน

เมื่อคำนวณได้ดังนี้ หากปราศจากพลังภายนอก ความสำเร็จในการสร้างรากฐานของไป๋ชิวหรานยังต้องรอไปอีกสามพันปี!

แต่หลังจากผ่านมาเนิ่นนาน ทำให้เขารู้วิธีใช้พลังภายนอกในการหลอมรวมแก่นแท้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีแรงกดดันจำนวนมาก เพื่อนำมากดทับคฤหาสน์ม่วง

ปัจจุบันตัวตนที่รู้จักที่สามารถทำแบบนี้ได้มีเพียงวิถีสวรรค์เท่านั้น แต่วิถีสวรรค์ย่อมไม่มีทางช่วยเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นไป๋ชิวหรานจึงเตรียมการออกไปท่องในความว่างเปล่า มองดูความว่างเปล่าอันไร้พรมแดน หาดูว่ามีสิ่งใดที่สามารถแทนที่แรงกดดันที่วิถีสวรรค์มอบให้ได้ เพื่อช่วยให้สร้างรากฐานได้สำเร็จ!