บทที่ 360 แทบอยากจะให้เธอลงนรกไปเลย

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่360 แทบอยากจะให้เธอลงนรกไปเลย

เมื่อเห็นท่าทีของเจียงหยุนเอ๋อเป็นแบบนั้น ในใจของลี่จุนถิงก็เจ็บปวดเป็นอย่างมาก ก่อนจะรีบติดต่อซู่จี้งยี้ทันที

ซู่จี้งยี้ที่ยืนอยู่ข้างนอก อย่างไม่ขยับไปไหนเลย เห็นลี่จุนถิงเดินออกมา ก็แอบมองตาม

เมื่อพบว่าเขาไม่ได้โกรธเคืองอะไร ถึงจะเริ่มเปิดปากพูดด้วยความระวัง

“ประธานลี่”

เมื่อได้ยินเสียง ลี่จุนถิงที่กำลังจะปิดกระจก ก็หันมา พลางพยักหน้าตอบรับเบาๆ

ลี่จุนถิงเงียบอยู่นาน ก่อนจะกระแอมแล้วพูดขึ้น

“ครั้งนี้ที่ฉันให้คุณมาก็เพื่อจะบอกเรื่องสำคัญกับคุณ” ลี่จุนถิงเข้มงวดมากกว่าปกติ อารมณ์หนักใจ พลางมีสีหน้าจริงจัง

เหมือนจะไม่เคยเห็นลี่จุนถิงมีท่าทีที่ดุดันขนาดนี้มาก่อน ผู้ช่วยเองก็จริงจังขึ้นมาเช่นเดียวกัน ก่อนจะทำหน้าเย็นชา แล้วพยักหน้าพูดว่า: “คุณบอกมาเถอะ”

ลี่จุนถิงหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะนวดขมับของตัวเอง

“ตอนนี้มันเกิดเรื่องขึ้นมากมาย พวกเราต้องทำเรื่องนี้อย่างระวังนะ”

“ช่วงนี้คุณยังไม่ต้องสนใจเรื่องในบริษัท ฉันจะจัดการเอง”

“หน้าที่ของคุณ คือต้องจับตามองท่าทีของเจียงหยุนเอ๋อ โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ ตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลว่าเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่า แล้วก็ทำให้ไม่มีที่ติเลยนะ คนของคุณเอง ก็ห้ามห่างจากบริเวณของกล้องวงจรปิดในโรงพยาบาลเลยแม้แต่ก้าวเดียว”

ลี่จุนถิงกำชับเสียงทุ้มต่ำ

พอพูดออกไป ลี่จุนถิงเองก็ตาไวเหมือนกัน พลางมองหญิงที่นอนหลับอยู่ในกระจกใสนั้น ก่อนจะยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่

“ได้เลย” ผู้ช่วยพยักหน้าด้วยความจริงจัง เพื่อบอกว่าเข้าใจแล้ว

“อือ……”

“อีกอย่าง นอกจากนี้คุณต้องแอบตรวจสองเรื่องที่เกิดขึ้นกับลี่จีถองอย่างลับๆ ด้วยนะ ดูสิว่ามีใครติดต่อกับเธอหรือเปล่า อีกอย่างศพมันถูกย้ายไปไหนบ้างไหม จุดนี้คุณต้องไปตรวจสอบด้วยตัวเองนะ อย่าได้ปล่อยเบาะแสไหนไปแม้แต่นิดเดียวเลยนะ จะให้ดีก็ต้องตามจากคนรอบๆ ตัวเธอ ไม่ว่าจะเป็นถ้วยชาที่เธอเคยดื่มหรืออะไร ก็ต้องหาออกมาให้ได้ จะต้องใส่ใจกับทุกรายละเอียดเลยนะ”

ลี่จุนถิงกำชับเสียงเย็นชา

บนโลกใบนี้ ไม่มีเรื่องบังเอิญอะไรเลย

ตั้งแต่ที่ศพของลี่จีถองถูกคนขโมยไป เขาสงสัย ว่าเรื่องนี้มีคนคอยแอบคุมอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นจู่ๆ ศพของลี่จีถองจะถูกคนขโมยไปได้อย่างไร อีกอย่างเจียงหยุนเอ๋อก็เสียสติไปซะอย่างนั้น ความเป็นไปได้ที่มากที่สุดนั้น น่าจะไม่พ้นจากทั้งสองคนนี้หรอก

หรือจะให้พูดอีกอย่าง น่าจะเป็นการกระทำของคนคนเดียวกัน

เพียงแต่ตอนนี้ เขาต้องจัดการอะไรอีกเยอะ ถ้าเกิดเขายังออกหน้าทำเรื่องอะไรอีก เรื่องนี้มันจะมีผลกับชื่อเสียงของตระกูลลี่ได้ดังนั้นเลยได้แต่ให้ผู้ช่วยคอยแอบตรวจสอบอย่างเงียบๆ ว่ามันมีเรื่องอะไรที่เปิดเผยไม่ได้หรือไม่

เขาก็รอข่าวอย่างเงียบๆ

ซู่จี้งยี้รับทราบ พลางพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้วล่ะ ช่วงนี้ฉันจะทำให้ดีที่สุดเลย”

“ได้ งั้นคุณก็กลับไปก่อน เก็บของ แล้วตั้งแต่วันนี้ ก็เข้าไปพักที่โรงพยาบาลเลยนะ” ลี่จุนถิงกำชับ

เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ ซู่จี้งยี้ก็พยักหน้า หลังจากที่บอกลาเล็กน้อย ก็ลุกเดินจากไป

ไปมาๆ ที่โรงพยาบาลก็ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่า เมื่อเห็นสถานการณ์ของเจียงหยุนเอ๋อที่ไม่แย่ ลี่จุนถิงก็เริ่มวางใจลงได้แล้วครึ่งหนึ่ง พลางไปหาคนรับผิดชอบของโรงพยาบาล

ถึงแม้เขาจะเชื่อในการจัดการเรื่องต่างๆ ของซู่จี้งยี้ แต่เขาก็ต้องแบ่งรับแบ่งสู้ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องอะไรที่เกินความจำเป็นขึ้น

เพื่อป้องกันสิ่งที่ไม่คาดฝัน เขาก็ต้องกำชับคนรับผิดชอบในบริเวณห้องของเจียงหยุนเอ๋อ แล้วก็ควบคุมกล้องวงจรปิดให้ดี แล้วให้คนตามตรวจสอบโดยเฉพาะ

นอกจากนี้ยังให้ผู้รักษาความปลอดภัยร่างกำยำ มารับผิดชอบรักษาความปลอดภัยตลอดคืน จะต้องตรวจตราทุกๆ ห้านาที เพื่อไม่ให้เกิดจุดบอดของการตรวจสอบได้

อีกอย่างกล้องวงจรปิดต้องจับภาพแบบรอบทิศไม่มีจุดบอด ขนาดห้องพักผู้ป่วยของเจียงหยุนเอ๋อยังต้องติดตั้งเลย เพื่อไม่ให้มีคนร้ายเข้ามาทำอะไรได้ เลยทำทุกอย่างที่จะทำได้เลย

หลังจากทำที่ทุกอย่างจนชัดเจนหมดแล้ว ลี่จุนถิงก็ถอนหายใจ เพราะไม่อยากจากไปไหน

ทางอีกฝั่ง

ภายในบ้านพักตากอากาศนั้น ส้งหวั่นหวั่นกับลี่จีถอง แล้วก็Anthonyทั้งสามกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน

หลังจากได้รับข่าวจากโรงพยาบาล ส้งหวั่นหวั่นก็แทบจะไม่ได้พัก พลางรีบบอกเรื่องนี้ให้กับลี่จีถอง

พลางค่อยๆ ดำเนินตามแผนทีละก้าวๆ อย่างเย่อหยิ่ง

“โอ๊ะ น่าเสียดายที่ตอนนั้นคุณไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นจะได้เห็นนังแพศยาเจียงหยุนเอ๋อ ท่าทีน่าสงสารน่ะ ฉันว่านะ คุณน่าจะมีความสุขมากเลย คุณไม่รู้หรอก ว่ามันน่าตกใจมากเลย”

ส้งหวั่นหวั่นมีแววตาของความร้ายกาจ พลางมีรอยยิ้มอยู่เต็มใบหน้า

ลี่จีถองที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาขมวดคิ้วเบาๆ พลางบ่นพึมพำเสียงเย็นชา “ผู้หญิงคนนี้มีวันนี้ได้ ทั้งหมดก็ต้องโทษตัวเองทั้งนั้น จะไปว่าใครไม่ได้เลย”

“นั่นสิ ไม่ได้ทำผิดจะกลัวอะไร ถ้าไม่ใช่รู้สึกผิดในใจของเธอ เห็นตัวอักษรเพียงไม่เท่าไหร่ จะกลัวแบบนี้ทำไม?ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันไม่น่าเชื่อถือเลย”

ส้งหวั่นหวั่นพูดต่อ ด้วยความเย็นชา

“ฉันว่านะ ว่ากันตามสถานการณ์นี้ แต่ฉันกลัวว่าเพียงเดือนเดียวเธอจะกลัวจนเป็นบ้า แล้วจะเป็นทุกข์จนบ้าขึ้นมา ตอนนี้ก็เหมือนจะเป็นบ้าแล้วล่ะ วันนี้พูดอะไรออกมาก็ไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ”

จากนั้น ส้งหวั่นหวั่นก็พูดจาถากถางต่อไป

“ความบ้านี้ ที่ทำให้เธอเป็นทุกข์ไปก็จริง แต่ฉันคิดว่า แบบนี้มันจะน้อยจนน่าเสียดายเกินไปหรือเปล่านะ?” ลี่จีถองนั่งกางขาทั้งสองข้าง พลางเงียบอยู่นาน

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ส้งหวั่นหวั่นเองก็ไม่รู้จะพูดต่ออย่างไร เธอเองก็เงียบอยู่นานก่อนจะค่อยๆ คิดแผนออกมาได้ “ฉันคิดว่า ถ้าเกิดมันเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น อาจจะดีกว่าการเป็นบ้า เพราะถึงอย่างไรคนตาย ก็พูดอะไรออกมาไม่ได้ อีกอย่าง……”

ทั้งสองคนมองตากัน ก่อนจะยิ้มให้กัน

“หรือที่คุณพูดแบบนี้……”

“มีเหตุผลจริงๆ ฉันกลับหวัง ว่าอยากให้เธอเป็นบ้าเพราะตัวเองจริงๆ ถ้าเกิดว่าหาทางลงไม่ดี ก็ต้องตกลงมาตาย ในเมื่อเป็นแบบนี้ อาจจะร่นระยะเวลาและแรงของพวกเราได้ด้วย ในการทำให้เธอตาย” ลี่จีถองแกว่งไวน์ที่อยู่ในแก้ว ด้วยใบหน้าที่ดูถูกเหยียดหยาม

สำหรับเจียงหยุนเอ๋อ อยากให้เธอตาย แล้วลงนรกไป

ในเมื่อมันนานขนาดนี้แล้ว ก็อยากให้เธอได้ลิ้มรสความขมขื่นที่ตัวเองเคยได้รับมา ว่ามันรสชาติอย่างไรกันแน่

“แต่พูดแบบนี้ หลังจากที่เรื่องนี้มันผ่านไป ฉันกลัวว่าพวกเราจะลงมือได้ไม่ง่ายขนาดนี้แล้วล่ะ เพราะถึงอย่างไรลี่จุนถิงก็คอยดูแลเธออยู่ข้างๆ ตลอด อย่างไม่ห่างไปไหนเลย” ส้งหวั่นหวั่นกัดฟัน ก่อนจะด่าและสาปแช่งออกมาประโยคหนึ่ง

แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ในใจของเธอก็ไม่สบายใจเท่าไหร่ ทำไมเกิดเรื่องกับนังแพศยาแบบนั้น แต่ลี่จุนถิงก็ยังคอยปกป้องอยู่ข้างๆ เธออีกนะ?