‘ถือว่าเป็นไปด้วยดี’
ผมครุ่นคิดกับตัวเองและเดินไปตามถนนที่พลุกพล่าน โดยที่ท่าทางภายนอกของผมยังคงดู ‘ซึม’ และ ‘เศร้า’ อยู่บ้าง
ด้วยการเล่าเรื่องของผมได้สร้างความขัดแย้งระหว่างสการ์เล็ตและมาร์ลีนแล้ว หลังจากที่ได้รู้จักกับสการ์เล็ตแล้ว เธอคงอยากจะกำจัดมาร์ลีนซะในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ แม้ว่านั่นจะเป็นเรื่องที่คนรักส่วนใหญ่ของผมเองก็จะทำอย่างนั้นเช่นกัน สิ่งสำคัญคือเนื่องจากสถานะของมาร์ลีน สการ์เล็ตจึงไม่สามารถดำเนินการได้หากไม่มีแผน
ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากสนธิสัญญาโบราณ สการ์เล็ตในฐานะมังกรจะไม่สามารถลงมือกับมาร์ลีนได้หากไม่มีข้อพิสูจน์หรือเหตุผลที่ดีว่ามาร์ลีนทำอะไรบางอย่างกับสการ์เล็ตซึ่งทำให้ความภาคภูมิใจของเธอลดลง และเหตุผลที่ผมหลงรักมาร์ลีน มันไม่ใช่เหตุผลเพียงพอที่สการ์เล็ตจะลงมือได้ ดังนั้นเธอจึงต้องลองใช้วิธีอื่นเพื่อจัดการกับมาร์ลีนแทน ซึ่งด้วยเหตุนี้จึงทำให้สการ์เล็ตยุ่งเล็กน้อย นอกจากนี้เหยื่อที่ผมวางไว้ให้เธอจะทำให้เธออยู่ในตำแหน่งที่เธอจะวางแผนสำหรับการผจญภัยระหว่างเรา 2 คน
‘น่าจะเป็นตอนนี้…’
หลังจากที่ผมคิดจบ ผมก็บังเอิญชนเข้ากับร่างหนึ่ง ส่งผลให้ร่างนั้นล้มลง
“โอ๊ย…เดินดูทางหน่อยสิ”
เธอพูด
หลังจากที่เธอกำลังจะพูดจบ เธอก็หยุดและมองมาที่ผม
“ออสติน?”
หญิงสาวเรียกชื่อผม
“คุณคนลึกลับ?”
ผมถามกลับไปด้วยความ ‘ประหลาดใจ’ เมื่อร่างที่ล้มลงกับพื้นคือเซเลสทีเนียที่ปลอมตัวมา ซึ่งเป็นร่างเดียวกับที่เธอใช้เวลาที่เรา 2 คนไปพบกันที่ห้องสมุด
ใบหน้าของเธอธรรมดา ส่วนผมสีน้ำตาลและดวงตาของเธอยังคงดูหมองคล้ำ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจขณะที่เธอมองมาที่ผมจากพื้นดิน
‘เป็นการแสดงเยี่ยมมาก’
ผมคิดและชมเชยเธอก่อนจะยื่นมือไปดึงเธอให้ลุกขึ้นมา
“เธอเป็นอะไรไหม?”
ผมถามขณะดึงเธอขึ้นมา เธอมองผมอย่างไม่พอใจก่อนจะตอบกลับ
“ไม่เป็นไร ขอบคุณ”
เธอพูดพร้อมกับเริ่มปัดฝุ่นตามร่างกายที่ดูปกติของเธอ
“ตลกดีนะที่เจอเธอที่นี่”
ผมพูดก่อนที่เซเลสทีเนียจะตอบกลับมา
“ฉันก็ว่าจะพูดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน…”
บรรยากาศระหว่างเรา 2 คนเงียบลงขณะมองหน้ากันด้วยสายตากระอักกระอ่วน ไม่รู้จะพูดยังไงดีเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เราเจอกันนอกห้องสมุด
“แอบออกมาเดินเล่นเหรอ?”
จู่ๆ ผมก็ถามข้นมา แม้ว่าเรา 2 คนจะยืนอยู่บนถนน แต่ก็ไม่มีใครตรวจพบการมีอยู่ของเราเลย
“อืม…”
เธอตอบด้วยน้ำเสียงสงบ และบรรยากาศก็เงียบลงอีกครั้ง
ขณะที่บรรยากาศเริ่มอึดอัดมากขึ้น ผมก็ถามต่อ
“ไปหาอะไรดื่มด้วยกันไหม?”
สิ่งนี้ทำให้เธอสนใจในขณะที่จู่ๆ เธอก็หันมองมาที่ผมด้วยความเร็วที่ไม่เป็นธรรมชาติด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ดื่มงั้นเหรอ?”
เธอถามกลับด้วยน้ำเสียงสงบขณะที่ผมพยักหน้า
“ใช่ พอดีแถวนี้มีสถานที่สงบๆ อยู่หน่ะ”
ผมตอบ และใบหน้าที่เคร่งขรึมก็เข้าครอบงำใบหน้าของเซเลสทีเนีย
เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็ให้คำตอบพร้อมกับยักไหล่
“เอาสิ ทำไมจะไม่ได้หล่ะ”
เรา 2 คนจึงเดินไปที่คาเฟ่ซึ่งมีห้องส่วนตัวสำหรับลูกค้ากัน เรา 2 คนปลอมตัวเข้าไปในห้องที่ตกแต่งอย่างดีและหรูหรา ซึ่งให้ความสะดวกสบายและความสงบ
หลังจากนั้นก็เริ่มสั่งเครื่องดื่มและขอให้มาเสิร์ฟในอีก 15 นาทีต่อมา
“เห้ออ…ฉันเกลียดการปลอมตัวจัง”
ผมพูดขณะปลดการปลอมตัวออก ใบหน้าของผมสว่างขึ้นเมื่อมองไปทางเซเลสทีเนียที่เงียบงันซึ่งมองมาที่ผมด้วยสายตา ‘ว่าไงนะ’
“เธออ่านบทความใหม่ที่จัดพิมพ์โดยสมาคมโบราณคดีแล้วหรือยัง?”
ผมถามซึ่งทำลายน้ำแข็งระหว่างเราอย่างรวดเร็ว
“อ่านแล้ว มันปฏิเสธทฤษฎีการจำลองตัวเองซึ่งถือว่าสูงสำหรับชนเผ่าอะซอร์ในอดีตโดยสิ้นเชิง”
เซเลสทีเนียตอบขณะที่เธอพยักหน้า
“อ่าา ใครจะคิดหล่ะว่าการจำลองตัวเองแบบเป็นระบบจะเป็นผลพลอยได้จากการกลายพันธุ์ร่วมกัน”
ผมพูดอีกครั้งซึ่งเธอโต้ตอบกลับมา
บทสนทนาระหว่างเราสองคนเริ่มร้อนแรงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
…..
“สนุกจังเลยนะ”
ผมพูดขณะจิบเครื่องดื่ม สีหน้าของผมผ่อนคลายมากขึ้นกว่าตอนที่ผมกรีดร้องออกมาด้วยความ ‘เสียใจ’ และ ‘รู้สึกผิด’ ซะอีก ซึ่งเซเลสทีเนียก็ได้ใช้ประโยชน์จากมัน
คุณรู้ไหมว่านับตั้งแต่ความทรงจำของเธอระหว่างเรา 2 คนกลับมา เธอก็มักจะคอยจับตาดูผมอย่างใกล้ชิดและสะกดรอยตามผมมากขึ้นทุกครั้งที่ผมอยู่กับสการ์เล็ตตลอดเพื่อหาโอกาสที่จะโจมตีและทวงพื้นที่ในหัวใจของผมกลับคืนมา แต่ผมก็พยายามควบคุมการพบปะกับสการ์เล็ตไว้อย่างเคร่งครัด ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับเซเลสทีเนียที่จะดำเนินการ
จนกระทั่งวันนี้ เวลาไหนจะมีโอกาสดีไปกว่าการเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างเรา 2 คนมากไปกว่าตอนที่ผมมีปัญหากับสการ์เล็ตหล่ะ? เซเลสทีเนียติดตามผมมาจนกระทั่งเธอแน่ใจว่าสการ์เล็ตไปแล้วก่อนที่จะลงมือ
“มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า? นายดูเศร้าๆ นะ”
เซเลสทีเนียถาม
‘ยังจะถามอีกนะ’
ในขณะที่ยังคงรักษาท่าทางของตัวเองเอาไว้ ผมก็ส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับเธอไป
“ไม่มีอะไรหรอก มันเป็นแค่เรื่องส่วนตัวหน่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของผม เซเลสทีเนียก็เงียบไปครู่หนึ่ง แต่สีหน้าของผมกลับเปลี่ยนเป็น ‘บูดบึ้ง’ หลังจากได้ยินคำถามของเธอ
เซเลสทีเนียกัดริมฝีปากของตัวเองขณะที่เธอพูดกับผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“นายก็รู้ว่าฉันถือว่าเราเป็นเพื่อนกัน ถ้ามีอะไรที่กำลังกวนใจนายอยู่ มาคุยกับฉันก็ได้นะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ใบหน้าของผมก็ ‘สว่างขึ้น’ ชั่วขณะหนึ่งก่อนที่ผมจะถามคำถามกับเธอ
“นี่…เธอเป็นผู้หญิงจริงๆเหรอ?”
คำถามของผมทำให้เซเลสทีเนียขมวดคิ้วขณะที่เธอตอบด้วยเสียงแหบแห้ง
“ทำไมหล่ะ? นายคิดว่าฉันเป็นคนนิสัยเสียที่ใช้เวทย์มนตร์ปลอมตัวเป็นเด็กผู้หญิงและเดินไปรอบๆ สถาบันงั้นเหรอ?”
“เปล่า…เปล่า…ฉันแค่ถามเฉยๆ!”
ผมตอบกลับอย่างรวดเร็วพร้อมโบกมือให้เซเลสทีเนีย โดยที่มือของผมจับแก้วของตัวเองขณะที่ผมมองดูเครื่องดื่มที่หมุนวนอยู่ในแก้ว
ผมไม่ตอบสนองต่อคำพูดของเซเลสทีเนียและเอาแต่จดจ่ออยู่กับเครื่องดื่มของตัวเอง เพียงไม่กี่นาทีต่อมาผมก็เริ่มเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับปัญหาของผม ผมเล่าให้เธอฟังว่าตัวเองมีปัญหากับแฟนอย่างไร เนื่องจากผมยังมีความรู้สึกที่ไม่ได้รับการแก้ไขจากความรักในอดีตอยู่
ใช่แล้ว…ผมกำลังโกหกเธอแบบหน้าด้านๆ อยู่
แม้ว่าเซเลสทีเนียจะรู้ข้อเท็จจริงว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างผมกับสการ์เล็ต แต่เธอก็ไม่ได้รู้ถึงรายละเอียดแต่อย่างใด เนื่องจากเธอยังไปไม่ถึงระดับที่เธอสามารถหลอกความสามารถของสการ์เล็ตได้อย่างสมบูรณ์ ท้ายที่สุดแล้วแม้แต่สการ์เล็ตก็ถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะในดินแดนมังกร
ดังนั้นผมจะดึงด้ายของเธอไว้เพื่อรอโอกาสครั้งที่ 2 ที่จะได้อยู่กับผม ด้ายที่ผมจะดึงเพื่อควบคุมเธอ เพราะเธอนั้นไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ผมไม่สามารถสร้างความขัดแย้งระหว่างเซเลสทีเนียกับสาวๆ คนอื่นๆ ได้ ประสบการณ์ในอดีตของผมที่เธอฆ่าผู้หญิงทั้งหมดและกักขังตัวละครของผมไว้ยังคงตาตรึงอยู่ในใจของผม ทุกๆ อย่างที่ผมทำมาคงจะถูกเธอทำลายในที่สุด
“ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี ฉันเริ่มตกหลุมรักสการ์เล็ตแล้ว แต่ฉันก็ยังคงติดอยู่ในอดีต บางทีอาจเป็นเพราะฉันไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นทรยศและทิ้งฉันให้ตายทำไม”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ ทำให้บรรยากาศในห้องมืดลงอย่างรวดเร็ว ผมมองเห็นสีหน้าของเซเลสทีเนียที่กลายเป็นความเจ็บปวดได้ก่อนที่มันจะกลับมาเป็นปกติ
“แต่ว่ามันเป็นอดีตไปแล้วหนิเนอะ?”
จู่ๆ ผมก็พูดขึ้นมาและพยายามยิ้มสดใสขณะโบกมือให้เซเลสทีเนียซึ่งมองมาที่ผมจนกระทั่งเธอพูด
“นายรู้ไหม ฉันไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความรักมากนัก แต่ถ้าอดีตยังทำให้นายสับสนอยู่ ทำไมนายไม่ลองเผชิญหน้ากับมันดูหล่ะ?”
เธอแนะนำ
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ผมก็มองเธอพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นและขอให้เธอพูดต่อ
เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงกล่าวต่อ
“ทำไมนายไม่ไปพบกับเธอเป็นครั้งสุดท้ายและค้นหาคำตอบหล่ะ? บางทีนายอาจจะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ก็ได้นะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ สีหน้าของผมก็เปลี่ยนเป็นการครุ่นคิดที่เต็มไปด้วย ‘ความเจ็บปวด’ และ ‘ความลังเล’ และในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ ผมก็มองเห็นแสงแห่งความหวังที่ส่องสว่างอยู่ในดวงตาของเซเลสทีเนีย
“ฉัน-”
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต