บทที่ 363 น่ากลัวมากกว่าอันตรายเสียอีก

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่363 น่ากลัวมากกว่าอันตรายเสียอีก

เพียงแวบเดียวสถานการณ์ก็อีนุงตุงนังเป็นอย่างมาก

แต่ในตอนนั้นเอง บอดี้การ์ดคนอื่นๆ ก็รีบวิ่งเข้ามา

พยาบาลคนนั้นกวาดตามองห้องพักผู้ป่วย ก็พบว่ามีบอดี้การ์ดร่างใหญ่อยู่มากมาย ตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ด้วยซ้ำ เลยไม่มีทางจะได้ลงมือต่อแล้ว

พยาบาลรีบปลีกตัว ออกไปทางหน้าต่างนั้น โดยการเปิดหน้าต่างแล้วรีบกระโดดออกไปทางหน้าต่าง

เจียงหยุนเอ๋อมีนัยน์ตาหดลง ก่อนจะรีบร้องออกมา: “เร็ว รีบจับเธอเอาไว้”

คนที่เป็นต้นเหตุในการก่อเรื่องนี้ จะปล่อยให้เธอหนีไปง่ายๆ ไม่ได้

บอดี้การ์ดคิดไม่ถึงเลยว่าพยาบาลจะทำแบบนี้ เลยรีบวิ่งออกไปทางหน้าต่าง

แต่ตอนที่บอดี้การ์ดวิ่งออกไปทางหน้าต่าง แต่กลับพบว่าพยาบาลคนนั้นรีบปีนเชือกออกไปด้วยความรวดเร็วว่องไวไม่น้อยเลย

บอดี้การ์ดหลายคนมองพยาบาลคนนั้นลงมาถึงพื้น ก่อนจะรีบวิ่งไป

เจียงหยุนเอ๋อยังสติหลุดอยู่ ยังคิดถึงเรื่องเมื่อครู่อยู่ ด้วยความเกรงกลัว

บอดี้การ์ดคนหนึ่งสั่งบอดี้การ์ดหลายๆ คน: “พวกคุณสองคนตามไปดู คุณรีบไปหาหมอเร็วหมอ”

บอดี้การ์ดสองคนตอบรับ จากนั้นก็ออกไป เพื่อตามพยาบาลคนนั้นไป

คนที่เหลือก็รีบไปตามหมอที่อยู่เวร

บอดี้การ์ดหันกลับมาเพื่อโทรหาลี่จุนถิง

เขาโทรหาลี่จุนถิงด้วยความไม่เต็มใจ เพราะว่าจะต้องถูกตำหนิแน่นอน แต่เขารู้ว่าถ้าเกิดไม่บอกจะโดนมากกว่านี้

ตอนที่ลี่จุนถิงรับสายนั้นกำลังอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน

เพราะว่าวันนี้ยังมีเรื่องในบริษัทที่ยังจัดการไม่เสร็จ เจียงหยุนเอ๋อก็ไม่อยู่บ้าน เขาเองก็ไม่ได้อยากจะกลับบ้านเท่าไหร่ เลยคิดว่าอยู่ที่งานต่อที่บริษัทยังจะดีกว่า

เขาไม่อยากจะเอางานของวันนี้ผลัดไปทำพรุ่งนี้ ดังนั้นเลยทำงานต่อไปจนถึงใกล้เช้า

เมื่อได้รับสายของบอดี้การ์ด ลี่จุนถิงเลยตะโกนออกไปด้วยความโกรธ: “พวกคุณไร้ประโยชน์กันหรือไง?ฉันเพิ่งจะออกไปไม่นานเอง!รอก่อนเถอะ!”

ปลายสายลี่จุนถิงนั้นเสียงดังมาก จนบอดี้การ์ดอดไม่ได้ที่จะเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูเสียหน่อย

“คุณชายลี่ พวกเราทำผิดไปแล้ว” บอดี้การ์ดก้มหน้าลง

“รอฉันไปก่อนค่อยคุยนะ วางสายก่อนละ” ลี่จุนถิงพูดก่อนจะวางสายไป

เมื่อพูดจบก็กลับรถ เขาเหยียบคันเร่งจนสุด เพื่อไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว

ยังดีที่ตอนนี้เป็นเวลาใกล้เช้า บนถนนเลยไม่ได้มีรถบนถนนมาก ในเวลาไม่นาน ลี่จุนถิงเลยไปถึงโรงพยาบาล

เขาจอดรถที่หน้าประตูของโรงพยาบาล จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล เพราะกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้

ลี่จุนถิงนั้นเป็นห่วงมาตลอดทาง เมื่อครู่โกรธเป็นอย่างมาก เลยลืมถามบอดี้การ์ดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจียงหยุนเอ๋อ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ลี่จุนถิงก็อดไม่ได้ที่จะรีบมากกว่าเดิม

“เจียงหยุนเอ๋อ!” ลี่จุนถิงปรี่เข้ามาในห้องพักผู้ป่วย เจียงหยุนเอ๋อกำลังเอามือทาบอกของตัวเอง พลางมองลี่จุนถิงด้วยความไม่รู้จะทำอะไร

ลี่จุนถิงวิ่งเข้าไปข้างเตียง ก่อนจะกอดเจียงหยุนเอ๋อแน่น: “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? เป็นอย่างไรบ้าง?”

เจียงหยุนเอ๋อส่ายหัว: “ลี่จุนถิง ฉันไม่เป็นไร คนคนนั้นยังไม่ได้ทำอะไร”

เมื่อลี่จุนถิงได้ฟังแบบนี้ ก็วางใจ พลางยืนตรงขึ้นมา พลางมองบอดี้การ์ดด้วยใบหน้ามืดมน: “อธิบายให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ตอนที่ฉันจะไปก็กำชับแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าไม่ให้ใครเข้าใกล้ พวกคุณทำเรื่องแบบนี้ออกมาเหรอ? ฉันเลี้ยงเสียข้าวสุกไหม? ”

ต้องรู้ด้วยว่าบอดี้การ์ดของเขานั้นเป็นคนที่ได้รับค่าตอบแทนเป็นอย่างสูง

บอดี้การ์ดยืนรวมกันเป็นแถว ส่วนสองคนที่วิ่งตามไปนั้นก็เพิ่งกลับมา เพราะสุดท้ายก็ตามจับไปไม่ทัน

ทุกคนต่างก้มหัวลง เพราะเรื่องนี้พวกเขาทำพลาดไปจริงๆ

“ก่อนหน้านี้พวกเรากินอาหารมื้อดึก จากนั้นก็รู้สึกมึนหัว ก่อนจะเป็นลมไป” บอดี้การ์ดรีบตอบ

พวกเขาถูกลี่จุนถิงเรียกมาเพื่อให้ปกป้องเจียงหยุนเอ๋อ แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลย ว่าตัวเองจะถูกทำร้ายไปด้วย จนเกิดเรื่องเมื่อครู่ขึ้นมา มันน่ากลัวมากกว่าความอันตรายเสียอีก

บอดี้การ์ดที่เข้ามาคนแรกนั้น ก็เพราะว่าวันนี้ท้องไส้ไม่ค่อยดี ดังนั้นเลยกินเข้าไปไม่เยอะ จนสามารถประคองสติได้อยู่บ้าง

“อือ” ลี่จุนถิงพึมพำขึ้นเสียงเย็นชา เรื่องนี้จะโทษพวกเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ พวกเขาเองก็ไม่อยากให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน “ช่างเถอะ พวกคุณออกไปก่อน”

ในเมื่อเรื่องนี้ถือว่าจบแบบไม่เลวร้ายมาก พวกบอดี้การ์ดเลยวางใจลงได้

ในตอนนั้นเอง หมอกับหลันเยว่เฉินเองก็รีบตามมา

“ลี่จุนถิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลันเยว่เฉินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย พลางถามด้วยความกังวล

ลี่จุนถิงมีสีหน้าหมองหม่น พลางตอบ: “ไม่เป็นไร”

“งั้นก็ดี” หลันเยว่เฉินวางใจลงได้ “ฉันได้ยินว่าจะฉีดยาให้เจียงหยุนเอ๋อเหรอ?”

ลี่จุนถิงพยักหน้า

“เข็มล่ะ?”

เจียงหยุนเอ๋อชี้ไปทางรถเข็นที่ถูกบอดี้การ์ดเข็นไปทางกำแพง: “อยู่ทางนั้น น่าจะเป็นเข็มนั้น”

หลันเยว่เฉินหยิบเข็มนั้นขึ้นมา ก่อนจะส่งให้หมอคนหนึ่งพลางกำชับ: “เอาไปทดสอบทางเคมีดูสิ ว่ามันคือยาอะไร”

หมอรีบเข็มนั้นมา ก่อนจะออกไปจากห้องพักผู้ป่วย

“เห้อ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา” หลันเยว่เฉินถอนหายใจ

“จริงสิ คุณบอกว่าเป็นพยาบาลงั้นเหรอ?” ลี่จุนถิงคิดกลับไปถึงคำที่บอดี้การ์ดบอก

บอดี้การ์ดพยักหน้า: “ใช่ ใส่ชุดพยาบาลของโรงพยาบาลนี้ด้วย”

ลี่จุนถิงมองไปทางหลันเยว่เฉิน

เพียงแค่แววตาเล็กน้อยหลันเยว่เฉินก็เข้าใจความหมายของลี่จุนถิงได้ทันที: “ฉันรู้แล้วล่ะ ตอนนี้ฉันจะให้คนไปตรวจสอบดู”

พยาบาลที่ดูแลเจียงหยุนเอ๋อนั้นถูกจัดเอาไว้หมดเรียบร้อยแล้ว และก็เป็นพยาบาลที่ดีที่สุดในโรงพยาบาลด้วย บอดี้การ์ดหลายๆ คนก็รู้จักกันหมด ไม่ถึงขนาดที่ว่าจะไม่รู้เลยว่าเป็นใคร

เพียงไม่นานก็มีคนมารายงานว่าเคยเห็นพยาบาลคนนั้น อาจจะเป็นคนนอกที่ปลอมตัวเข้ามา

ลี่จุนถิงขมวดคิ้ว: “มันเกิดอะไรขึ้นกับโรงพยาบาลของพวกคุณนะ ใครๆ ก็เข้ามาได้งั้นเหรอ?”

หลันเยว่เฉินพูดอะไรไม่ออก: “โรงพยาบาลไม่ใช่ที่ทางการทหารสักหน่อย คนเข้ามาเยอะแยะขนาดนั้น จะต้องมีคนใช้โอกาสนี้ในการลงมือแน่นอน”

ลี่จุนถิงเองก็คิดว่าตัวเองนั้นไม่ได้สติไปแล้ว เลยพูดอะไรออกมาได้หมดโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

“โอเคๆ” ลี่จุนถิงนั่งลงข้างๆ เจียงหยุนเอ๋อ “ตรวจร่างกายให้เจียงหยุนเอ๋อก่อนเถอะ ถ้าไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน หรือตกใจอะไรจริงๆ หรือเปล่า”

เจียงหยุนเอ๋อเองก็รู้ว่าตอนนี้ลี่จุนถิงอารมณ์ไม่ดี เลยพยายามปลอบใจ: “ลี่จุนถิง ฉันไม่เป็นไรจริงๆ คุณเองอย่าดุกับพวกเขามากเลย วางใจเถอะ นี่เป็นโชคดีใจความโชคร้ายเลยนะ”

แน่นอนว่าหลันเยว่เฉินไม่กล้ารีรอ ก่อนจะรีบตรวจร่างกายให้เจียงหยุนเอ๋อด้วยอุปกรณ์การแพทย์

แต่ก็ไม่ได้ตรวจเจอความผิดปกติอะไรมาก

ลี่จุนถิงถึงจะวางใจ และอารมณ์ก็ไม่ได้โหดร้ายเหมือนเมื่อครู่แล้ว: “คุณไม่รู้จักฉันเหรอ?มีอะไรก็ไม่ยอมบอกเลย ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องให้หลันเยว่เฉินเป็นคนตรวจฉันถึงจะวางใจ”

เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า: “ฉันรู้แล้ว ฉันไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ”

ลี่จุนถิงตบมือของเจียงหยุนเอ๋อเบาๆ : “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว นอนลงบนเตียงก่อนเถอะ น่าจะเหนื่อยแล้ว พักผ่อนเยอะๆ นะ”

เจียงหยุนเอ๋อนอนลงเพราะลี่จุนถิงประคองเอาไว้ พลางรอผลตรวจทางเคมีของหมอ