บทที่364 ผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดหลันเยว่เฉินก็เดินออกมา พลางมองลี่จุนถิงกับเจียงหยุนเอ๋อที่อยู่ในห้องพักผู้ป่วย ด้วยสีหน้าหนักใจ
เจียงหยุนเอ๋อเพิ่งจะได้รับการตรวจร่างกายไม่นาน ก็ผล็อยหลับไป ลี่จุนถิงกลับนั่งปกป้องเธออยู่ข้างๆ หว่างคิ้วก็มีความไม่สบายใจและความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าเกิดว่าตอนนี้เจียงหยุนเอ๋อได้เห็นอารมณ์ของลี่จุนถิง อาจจะอดไม่ได้ที่จะต้องเปิดปากปลอบใจ แต่ที่น่าเสียดายก็คือ เจียงหยุนเอ๋อที่หลับไปแล้วไม่ได้เห็นฉากนี้เลย
แต่ตอนที่เจียงหยุนเอ๋อฟื้นขึ้นมานั้น ลี่จุนถิงก็ไม่ได้แสดงอะไรที่ชัดเจนออกมา
เมื่อได้ยินเสียงขยับตัวมาจากด้านหลัง ลี่จุนถิงก็ค่อยๆ หันหัวไปดู ตอนแรกคิดว่าเป็นคนรับผิดชอบของโรงพยาบาล เลยยังคงขมวดคิ้วแน่น
ถึงอย่างไร การที่เจียงหยุนเอ๋อได้รับอันตรายในครั้งนี้ มันเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลเต็มๆ เลยล่ะ
เขาส่งเจียงหยุนเอ๋อมาที่โรงพยาบาลนี้ ไม่ใช่เพื่อมาเห็นเจียงหยุนเอ๋อได้รับอันตราย แล้วรักษาฟื้นฟูอย่างไม่สบายใจแบบนี้
แต่หลังจากที่ลี่จุนถิงหันไปดู ก็พบว่าเป็นหลันเยว่เฉิน
เมื่อเห็นหลันเยว่เฉิน ท่าทีของลี่จุนถิงก็วางใจลงได้เล็กน้อย ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหลันเยว่เฉินมาก อีกอย่าง หลายวันมานี้ ต้องขอบคุณที่เขาคอยช่วยดูแลเจียงหยุนเอ๋อกับถวนจื่อด้วย
แต่ว่า ลี่จุนถิงก็เห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของหลันเยว่เฉินได้อย่างรวดเร็ว เขาคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนตรงด้านหน้าเตียงผู้ป่วย พลางถามหลันเยว่เฉินด้วยสีหน้าจริงจัง: “อาการของเจียงหยุนเอ๋อนั้นไม่ค่อยดีเหรอ?”
หลันเยว่เฉินลังเลสักพัก ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ : “ไม่ใช่ ตอนนี้เธอไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะ”
“แล้ว……ยังมีอะไรอีกเหรอ?” ลี่จุนถิงได้ยินดังนั้น ก็วางใจลงแต่ก็มีความกังวลใหม่เพิ่มขึ้นมา ไม่รู้ว่าหลันเยว่เฉินอาจจะพูดอะไรด้วยสีหน้าจริงจังขนาดนั้น
ยังดีที่หลันเยว่เฉินไม่ได้พูดอ้อมค้อมกับเขา พลางพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า: “ดีที่เจอทันนะ ถ้าเกิดช้าอีกแค่นิดเดียว แล้วฉีดยาเข้าไปได้ คุณหญิงจะต้องแท้งแน่เลย”
ลี่จุนถิงสีหน้าเปลี่ยนไป พลางกำหมัดตัวเองแน่น: “คุณหมายความว่า……”
หลันเยว่เฉินถอนหายใจเบาๆ แล้วก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าทำไมต้องมีคนคอยจ้องจะทำร้ายเจียงหยุนเอ๋อให้ตายอยู่เรื่อยเลย
ในสายตาของเขา เจียงหยุนเอ๋อเป็นแค่ผู้หญิงบริสุทธิ์ เลยตกอยู่ในภวังค์อย่างไม่ได้ระวังตัว
การมาแต่งงานกับคนแบบลี่จุนถิงนั้น มันน่าจะเป็นเรื่องที่มีความสุข แต่หลังจากที่เจียงหยุนเอ๋อได้เจอเรื่องราวแย่ๆ ยังจะคิดแบบนั้นได้อยู่อีกเหรอ?
หลันเยว่เฉินคิดอยู่สักพัก ก่อนจะเปิดปากพูดออกมาว่า: “มันเป็นยาที่ขับเด็ก แล้วก็เป็นยาที่แรงมากด้วย ถ้าเกิดฉีดเข้าไปในตอนนั้น ไม่ใช่แค่เก็บเด็กเอาไว้ไม่ได้ แต่คุณหญิงเองก็อาจจะตกอยู่ในอันตราย”
สีหน้าของลี่จุนถิงนั้นนิ่งไป ก่อนจะกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ
น่ารังเกียจ……คนพวกนั้นอยากจะให้เจียงหยุนเอ๋อตายขนาดนั้นเลยเหรอ?
เจียงหยุนเอ๋อเป็นภรรยาของตัวเอง ในท้องของเธอก็เป็นลูกแท้ๆ ของตัวเอง หรือตัวเองจะไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้เลยเหรอไง?
ลี่จุนถิงไม่พอใจ แล้วก็รับไม่ได้ด้วย
“ฉันรู้แล้วล่ะ ขอบคุณมาก”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลันเยว่เฉินก็ส่ายหัวเบาๆ : “ไม่ต้องขอบคุณหรอก นี่เป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว แต่ว่า……เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ เป็นความสะเพร่าของโรงพยาบาลเอง ฉันเป็นหมอ ก็ต้องรับผิดชอบด้วยเหมือนกัน”
ลี่จุนถิงมองหลันเยว่เฉิน และก็มองออกว่าคำพูดของเขานั้นพยายามจะขอความเมตตาให้กับโรงพยาบาลบ้าง ถึงอย่างไรหลันเยว่เฉินก็ทำงานที่นี่มานาน ต้องรู้สึกอะไรกับโรงพยาบาลบ้างล่ะ
อันที่จริงถ้ามาคิดดีๆ แล้ว ลี่จุนถิงเองก็รู้ดี ถ้าเกิดคนพวกนั้นอยากจะทำร้ายเจียงหยุนเอ๋อจริงๆ ไม่ว่าอยู่ที่ไหน พวกเขาก็หาโอกาสมาได้เหมือนกัน
ก่อนหน้านี้ถวนจื่ออยู่ที่ตระกูลลี่ ยังเจอเรื่องร้ายๆ เลยไม่ใช่เหรอ?
ดังนั้นตัวต้นเรื่องนั้นไม่ใช่โรงพยาบาล ตอนนี้สำหรับพวกเขาแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือการหาคนที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้
“ฉันเข้าใจที่คุณจะพูดนะ วางใจเถอะ ทางโรงพยาบาลน่ะ……ฉันจะไม่ทำอะไรที่มันเกินไปหรอก” ลี่จุนถิงพูดออกมาเบาๆ
หลันเยว่เฉินยิ้มออกมาได้เล็กน้อย อันที่จริงตอนแรกถึงเขาจะสนิทกับลี่จุนถิงคนสามารถพูดออกมาได้สบายๆ แต่ในใจก็อดลังเลไม่ได้อยู่ดี
ยังดีที่สุดท้ายลี่จุนถิงก็ตอบตกลง เขาเองก็หายใจคล่องคอมากขึ้น
หลันเยว่เฉินตรวจเจียงหยุนเอ๋อเล็กน้อย ก่อนจะบอกเรื่องที่ต้องระวังในช่วงนี้กับลี่จุนถิงแล้วจากไป
ลี่จุนถิงมีสติพลางหันกลับมามองเจียงหยุนเอ๋อ คิดอยู่สักพัก ก่อนจะโทรศัพท์หา
“ฮัลโหล คุณชายลี่”
ตอนนี้เป็นเวลาดึกแล้ว ซู่จี้งยี้เองก็หลับไปแล้ว แต่เมื่อเห็นลี่จุนถิงที่จู่ๆ ก็โทรมานั้น ซู่จี้งยี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะรู้ว่าลี่จุนถิงจะต้องมีเรื่องสำคัญแน่นอน
“มีคนจะฉีดยาขับเด็กให้เจียงหยุนเอ๋อที่โรงพยาบาล คุณช่วยตรวจสอบให้ฉันหน่อย ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือใครกันแน่”
ลี่จุนถิงพูดด้วยเสียงเย็นชา น้ำเสียงนั้นมีความโกรธเล็กน้อย
ซู่จี้งยี้อึ้งไป เพราะคิดไม่ถึงเลยว่าเจียงหยุนเอ๋อจะเจออันตรายแบบนั้นในโรงพยาบาล ก่อนจะถามในทันที: “แล้วตอนนี้คุณหญิงเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ตอนนี้ไม่เป็นอะไรมาก พวกเขาขัดขวางเอาไว้ได้ทัน แต่ก็ตกใจไม่น้อยเลยล่ะ”
“งั้นก็ดีแล้ว” ถึงอย่างไรซู่จี้งยี้ก็อยู่ข้างลี่จุนถิงมานาน ลี่จุนถิงเห็นว่าเป็นคนที่มีค่า และก็ไม่อยากให้เกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับเจียงหยุนเอ๋อ “ฉันเข้าใจแล้วล่ะ เดี๋ยวจะไปตรวจสอบให้”
หลังจากวางสายไป ลี่จุนถิงก็รู้ได้ทันที ว่าตอนนี้มันดึกมากแล้ว เมื่อครู่ที่ได้ยินเสียงงัวเงียของซู่จี้งยี้ น่าจะถูกตัวเองปลุกให้ตื่นจากความฝันเลยล่ะ
“ขอโทษนะ ฉันลืมไปว่าตอนนี้มันดึกแล้ว”
เมื่อได้รับคำขอโทษของลี่จุนถิงกะทันหัน ซู่จี้งยี้ก็รับเอาไว้ไม่ได้ เลยรีบพูด: “คุณชายลี่ คุณพูดอะไรเนี่ย?มันเป็นงานของฉันอยู่แล้ว”
“อือ งั้นพักผ่อนเถอะ”
หลังจากวางสายไป ลี่จุนถิงก็มองเจียงหยุนเอ๋อที่ไม่ได้สติอยู่นาน ในที่สุดก็คิดว่าจะปล่อยให้เจียงหยุนเอ๋ออยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว
เขาวางใจไม่ลงจริงๆ
ในตอนนี้เอง แม่ของเจียงหยุนเอ๋อที่ชื่อซูม่านลีนั้นก็มาเหมือนกัน
“ลี่จุนถิง เจียงหยุนเอ๋อเธอไม่เป็นไรใช่ไหม?” ซูม่านลีจับมือของลี่จุนถิง พลางถามออกมาอย่างร้อนใจ
บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆ นั้นก็ตกใจ เพราะถ้าเป็นคนอื่นมาจับลี่จุนถิงนั้น ลี่จุนถิงน่าจะไม่ได้มีสีหน้าดีๆ ตอบกลับไป
แต่เพราะว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นคือแม่ของเจียงหยุนเอ๋อ มันเลยไม่มีอะไรเหมือนกันเลย เพราะลี่จุนถิงก็ยังเกรงใจอยู่