ตงผิงปั๋ว?
ตงผิงปั๋วงั้นรึ!
จิ่งหมิงฮ่องเต้ลูบคางพลางนึกคิด
หืม นี่มันตงผิงปั๋วที่เขาเคยได้ยินคนพูดถึงตั้งหลายครั้งนี่นา
จิ่งหมิ่งฮ่องเต้สมองแล่นขึ้นมาทันควัน
ว่ากันตามตรง เขาสงสัยใคร่รู้ในตัวคุณหนูเจียงซื่อผู้โชคร้ายเป็นพิเศษนี้มาตั้งนานแล้ว
จิ่งหมิงฮ่องเต้กวาดสายตามองเสียนเฟยกับจวงเฟยพร้อมกับแอบคิดอยู่ในใจ ไม่รู้ว่านางสนมคนไหนช่างมีน้ำใจขนาดนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะเชิญคุณหนูแห่งตงผิงปั๋วมาด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นจะใช่คุณหนูสี่หรือไม่
จิ่งหมิงฮ่องเต้กระแอมเสียงออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ “เป็นคุณหนูท่านไหนจากตงผิงปั๋วกันหรือ”
“คุณหนูเจียงซื่อเพคะ” จวงเฟยยิ้มพลางเอ่ยขึ้น
เสียนเฟยที่นิ่งเงียบ จู่ๆ ก็มีลางสังหรณ์บางอย่างผุดขึ้นมาในใจ
นางสารเลวจวงเฟย มาก่อเรื่องอะไรเวลานี้กัน!
อวี้จิ่นคอยสังเกตสีหน้าเสียนเฟยอยู่เงียบๆ ยิ้มเยาะอยู่ในใจ
เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่ผิดจริงๆ ดอกเหมยสีเขียวดอกนั้นที่เจ้าหกมอบออกไป ทำให้จวงเฟยกลายเป็นผู้ช่วยเขาทันที
เมื่อจิ่งหมิงฮ่องเต้ได้ยินคำตอบของจวงเฟยก็รู้สึกดีใจ
เขาอยากเห็นหน้าคุณหนูเจียงซื่อคนนั้นจริงๆ
ไหนๆ ก็มาแล้ว ยังไงก็ต้องได้เห็น!
“อยู่ที่ใดล่ะ”
จวงเฟยสังเกตจิ่งหมิงฮ่องเต้อย่างละเอียด แล้วคิดในใจ หากไม่เห็นว่าฮ่องเต้ท่าทางสุภาพเรียบร้อยเช่นนี้ นางคงจะคิดมากแน่
เจียงซื่อเดินออกมาจากฝูงชน แล้วเอ่ยพูดกับจิ่งหมิงฮ่องเต้อย่างอ่อนน้อม “หม่อมฉันถวายบังคมฮ่องเต้เพคะ”
สายตาอันอ่อนโยนมองไปที่นาง
แม้ฮ่องเต้จะสูงส่งเหนืออื่นใด ทว่าชาติภพที่แล้วนางเคยเข้าพบมาหลายต่อหลายครั้ง นอกจากด้านที่น่าเกรงขามก็นับได้ว่าเป็นผู้อาวุโสที่สนิทสนมใกล้ชิดมากท่านหนึ่ง
เอ่อะ เป็นผู้อาวุโสที่แปลกประหลาดและใกล้ชิดสนิทสนมต่างหาก
คุณหนูเจียงแอบพูดเสริมเข้าไปอีก
เมื่อเห็นเด็กสาวแสดงความเคารพด้วยท่าทีอ่อนน้อม ริมฝีปากของจิ่งหมิงฮ่องเต้ก็เริ่มขยับขมุบขมิบ
หากเขารับสั่งให้เงยหน้าขึ้น มันจะดูผิดปกติหรือไม่ เพราะยังไงนี่ก็เป็นงานเลี้ยงเลือกลูกสะใภ้ด้วย
จิ่งหมิงฮ่องเต้ทำหน้าขรึมยิ่งขึ้นไปอีก เอ่ยขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “เจ้าคือเด็กสาวที่สามารถทำให้ดอกเหมยที่กำลังตูมบานสะพรั่งได้ใช่หรือไม่”
“เป็นหม่อมฉันเองเพคะ” เจียงซื่อเอ่ยตอบด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน
เสียนเฟยรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย…นึกว่าเมื่อเจอฮ่องเต้ หญิงสาวแซ่เจียงนี้จะพูดอย่างลนลานวกวนไปมาเสียอีก นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีท่าทีสงบนิ่งถึงเพียงนี้
นางเกลียดท่าทีที่สงบเช่นนี้
เป็นแค่เด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งมีสิทธิ์อะไรถึงได้มีท่าทีสงบเพียงนี้ ว่ากันตามตรงนี่มันก็แค่อาศัยการที่หน้าตาดีจึงถูกให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษเท่านั้นเอง
นางเห็นสตรีประเภทนี้มาเยอะแล้ว
“การทำให้ดอกไม้ตูมผลิบานออกมาได้นั้นเป็นเคล็ดวิชาของเซียนหรือ”
เจียงซื่อยิ้มพูดขึ้น “เป็นเพียงทักษะธรรมดาเพคะ”
“คุณหนูเจียงแสดงให้ข้าดูได้หรือไม่”
จิ่งหมิงฮ่องเต้พูดขนาดนี้ ขันทีที่อยู่ข้างกายก็รีบไปเด็ดดอกเหมยมาทันที
ล้อกันเล่นใช่หรือไม่ แม้ฮ่องเต้จะพูดทำนองถามไถ่ ทว่าหากปฏิเสธออกไปมันไม่ใช่แค่การไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แต่มันคือการรนหาที่ตายต่างหาก
เมื่อเห็นขันทีเด็ดเอาดอกเหมยที่กำลังตูมอยู่เข้ามาเป็นกำ จิ่งหมิงฮ่องเต้จึงเอ่ยถามขึ้นอีก “ไม่ทราบว่าเจ้าต้องการอะไรเพิ่มอีกหรือไม่”
“ยังต้องการแจกกันบรรจุน้ำสะอาดเพคะ” จวงเฟยยิ้มพลางพูดแทรกขึ้นมา
เสียนเฟยกำมือแน่น เล็บที่เรียวยาวหักงอ สายตาที่มองจวงเฟยขึ้นลงกลายเป็นดั่งมีดแหลม
ใครใช้ให้นางสารเลวจวงเฟยแย่งตอบ!
จวงเฟยอมยิ้ม
พอได้เห็นเสียนเฟยเสียหน้า มันรู้สึกสบายอารมณ์จริงๆ
จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าแม่นางเจียงค่อนข้างน่ารัก แต่แน่นอนว่าไม่อาจมาเป็นลูกสะใภ้ของนางได้
“…”
ขันทียกขวดแก้วที่บรรจุน้ำสะอาดเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วมองไปที่เจียงซื่อ
เจียงซื่อเม้มปากเบาๆ เงียบไปครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยขึ้น “รบกวนใส่ดอกเหมยไว้ในแจกันด้วยเจ้าค่ะ”
น้ำเสียงของนางนุ่มนวล ให้ความรู้สึกใสสะสะอาดและเยือกเย็นเป็นเอกลักษณ์ ราวกับเสียงหินหยกกระทบกัน
อวี้จิ่นขมวดคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เหตุใดถึงรู้สึกว่าอาซื่อดูไม่ค่อยพอใจนะ
เจียงซื่อรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยจริงๆ
ผู้ที่เป็นฝ่ายบอกว่าจะแสดงฝีมือออกมาด้วยตัวเอง หากได้รับความประหลาดใจจากทุกคนในห้องโถงก็จะรู้สึกภาคภูมิใจมาก แต่เมื่อถูกกระตุ้นให้ทำเรื่องพวกนี้ มักจะทำให้รู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อย
คล้ายกับกำลังเป็นตัวตลกเพื่อทำให้คนอื่นขำอย่างไรอย่างนั้น
โชคดีที่เป็นฮ่องเต้ การเป็นตัวตลกจึงแทบไม่มีอะไรน่าอาย
ไม่นานเจียงซื่อก็ปล่อยวางได้ ทว่าสีหน้ายังคงเรียบเฉย
เมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของนางเช่นนี้ จิ่งหมิงฮ่องเต้กลับรู้สึกสนพระทัยแล้วสิ
นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอเด็กสาวที่น่าสนใจเช่นนี้มาก่อน
ถึงรูปลักษณ์หน้าตาจะสวยโดดเด่น แต่เขาเป็นฮ่องเต้มานานขนาดนี้ แน่นอนว่าไม่มีสาวงามแบบไหนที่เขาไม่เคยเห็น เขารู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้มีความกล้าหาญมาก
เมื่อครู่นางเผยให้เขาเห็นใบหน้าของนางงั้นหรือ
ทว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรเลย อีกเดี๋ยวหากเขาไม่ได้เห็นเหตุการณ์น่าประหลาดใจ เขาจะโกรธ และแสดงท่าทีงอแงไม่พอใจ เขาไม่สามารถให้เด็กสาวเหล่านี้มาทำตัวเสียนิสัยต่อหน้าได้
จิ่งหมิงฮ่องเต้คิดเช่นนี้ ก็เห็นเด็กสาวยกมือขึ้นมาเบาๆ ปลายนิ้วมือที่ขาวนวลเลื่อนผ่านดอกไม้ที่กำลังตูมไปอย่างช้าๆ
แม้จะเคยเห็นแล้ว แต่ผู้คนก็ยังคงใจจดใจจ่อกลั้นหายใจดูด้วยสายตาอันร้อนผ่าว
อันที่จริงเหตุการณ์อันน่ามหัศจรรย์ราวกับความฝันเช่นนี้ดูกี่ครั้งก็ไม่พอ
“เจ้าดอกไม้ บานเถิดหนา…”
ดอกเหมยสีแดงบานออกทีละนิดตามมือของหญิงสาวที่เลื่อนผ่าน
จิ่งหมิงฮ่องเต้เบิกพระเนตรโพลง นันย์ตาฉายแววความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นของเด็ก
ไม่นึกเลยว่าดอกไม้จะบานออกมาจริงๆ
“มันเป็นเพราะอุณหภูมิของน้ำรึ หรือว่าใส่อะไรลงไปในน้ำ…”
“อะแฮ่ม!” พานไห่กระแอมเสียงออกมา
จิ่งหมิงฮ่องเต้กลับมาอยู่ในท่วงท่าทีสุขุม “คุณหนูเจียงช่างมีความสามารถเสียจริง”
อ๊าก อยากรู้
พานไห่ “…” ตั้งสติหน่อยสิ ท่านเป็นฮ่องเต้นะ!
ในฐานะที่เป็นฮ่องเต้อันสง่างามพระองค์หนึ่ง จิ่งหมิงฮ่องเต้ไม่อาจแสดงท่าทีซักไซ้ถามอยากเอาคำตอบออกมาได้ เช่นนั้นหลังจากเอ่ยชมเจียงซื่อออกไปจึงมองไปที่สู่อ๋องกับเยี่ยนอ๋อง
เจียงซื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็ย่อเข่าทำความเคารพ แล้วถอยกลับไปเงียบๆ
“ได้ยินมาว่าเจ้าทั้งสองเป็นผู้ตัดสินงานชมดอกเหมยในวันนี้” เมื่อต้องเผชิญหน้ากับลูกชาย จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ชินกับการเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
สู่อ๋องฉีกยิ้มพร้อมกับทำความเคารพจิ่งหมิงฮ่องเต้ “ลูกมาถึงทันพอดีพ่ะย่ะค่ะ เหนียงเหนียงทั้งสองจึงได้ให้ความกรุณาลูกมาร่วมสนุกด้วย”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ชำเลืองมองอวี้จิ่น
เจ้าเด็กคนนี้ไม่กังวลเลยหรือว่าจะหาสตรีที่ชอบไม่ได้ สรุปแล้วเขาหาเจอหรือไม่นะ
เขากวาดตามองไปยังจานหยกขาวที่อยู่ตรงหน้าของสตรีทั้งหลาย
สมัยนั้นเขาก็ทำเช่นนี้ ทว่าสิ่งที่วางไม่ใช่ดอกเหมย มันคือดอกโบตั๋น
จนถึงตอนนี้เขายังคงจำความสวยงามของดอกโบตั๋นที่บานสะพรั่งได้อยู่เลย เขานำมันไปวางลงตรงหน้าสตรีที่ถูกตาถูกใจผ่านการมองเพียงแวบเดียว
สตรีที่เขาถูกใจคนนั้นต่อมาได้กลายเป็นพระชายาเอก และต่อมาก็ได้กลายเป็นฮองเฮา
และต่อมานางก็ได้จากเขาไป…
จิ่งหมิงฮ่องเต้ดึงความคิดตัวเองกลับมา จู่ๆ ก็ชะงักสายตา
ดอกเหมยสีเขียวในจานเยอะจนละลานตาเขาไปหมด
จิ่งหมิงฮ่องเต้จ้องดูอย่างแน่ชัดแล้ว เขาไม่ได้ดูผิดไปจริงๆ
นี่มันอะไรกันเนี่ย
ในที่สุดก็ไม่อาจข่มความสงสัยไว้ได้ จิ่งหมิงฮ่องเต้เอ่ยถามออกไป “เหตุใดจานหยกของคุณหนูเจียงถึงได้มีดอกเหมยเยอะขนาดนั้น”
เสียนเฟยหน้าร้อนผ่าว
เจ้าเจ็ดไม่เคยให้เกียรตินางเลย!
แต่ในเมื่อฮ่องเต้รู้แล้ว เช่นนั้นไม่ต้องคิดว่าต้องระวังเจ้าเจ็ดอีก และช่วยให้นางไม่ต้องพูดมากโดยเปล่าประโยชน์ด้วย
เสียนเฟยพูดปลอบใจตัวเอง จึงรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย
อวี้จิ่นหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น “ลูกเป็นคนให้เองพ่ะย่ะค่ะ”
สู่อ๋องหลบตาลง แทบไม่กล้ามองสีหน้าของจิ่งหมิงฮ่องเต้
สามารถพูดเช่นนี้ออกมาต่อหน้าเสด็จพ่อได้อย่างเต็มปากเต็มคำ เขาอยากจะคุกเข่าคารวะเจ้าเจ็ดเหลือเกิน!
ไม่รู้ว่าเสด็จพ่อจะลงโทษเจ้าเจ็ดโดยการกักบริเวณหรือว่าหักเงิน หรือบางทีอาจจะลดยศศักดิ์ก็เป็นได้
เจ้าเจ็ดก็ช่างโชคร้ายที่ถูกเสด็จพ่อเพ่งเล็งพอดี
แต่ว่าแบบนี้ก็ดี เขาจะได้รักษาสมดุลในใจได้สักหน่อย
“ทั้งหมดเลยรึ” จิ่งหมิงเอ่ยเสียงหลง
อวี้จิ่นยิ่งเผยรอยยิ้มออกมาอย่างสดใส “ใช่พ่ะย่ะค่ะ ลูกเป็นคนให้นางทั้งหมด โชคดีที่เสด็จพ่อตรัสแล้วไม่คืนคำ เป็นลูกกังวลไปเองจริงๆ”