จิ่งหมิงฮ่องเต้ทำหน้าขรึม “ไร้สาระ!”
เจ้าเด็กบ้านี่ซื่อเกินไปแล้ว ถึงจะเจอคนที่คนที่ถูกใจมาก ก็ไม่รู้จักปิดบังความรู้สึกบ้างรึไง
เสียนเฟยเอ่ยปากพูดออกมาอย่างทันท่วงที “ฮ่องเต้ได้โปรดอย่าโกรธเลยเพคะ เมื่อครู่หม่อมฉํนได้บอกเยี่ยนอ๋องว่าให้มอบดอกไม้ใหม่อีกครั้งแล้ว”
อยู่ต่อหน้าฮ่องเต้แท้ๆ นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไอ้ลูกไม่รักดีคนนี้จะกล้าพูดจาโผงผางเช่นนี้
มุมปากอวี้จิ้นยกขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาฉายแววถากถางออกมาแวบหนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นหน้าตาไร้เดียงสาอย่างรวดเร็ว “ของที่มอบออกไปแล้วมีเหตุผลอันใดที่จะต้องเก็บกลับมามอบให้ผู้อื่นอีก ลูกได้มอบดอกไม้พวกนี้ให้คุณหนูเจียงไปแล้ว ไม่อาจมอบให้ผู้อื่นได้อีกเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ”
“ต่อหน้าเสด็จพ่อของเจ้า ยังกล้าทำตัวเช่น…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ บ่งบอกให้เสียนเฟยอย่าเพิ่งรีบโมโหไป จากนั้นก็เอ่ยถามเสียงเข้ม “เจ้าเจ็ด เหตุใดเจ้าถึงมอบดอกเหมยทั้งหมดให้คุณหนูเจียงผู้เดียว มีสตรีอยู่ที่นี่ตั้งมากมาย ไม่มีผู้ใดที่มีความสามารถเข้าตาเจ้าเลยรึ”
อวี้จิ่นยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ลูกเป็นคนหยาบกระด้าง การแสดงของคุณหนูทุกนางล้วนดีมาก แต่ลูกแยกไม่ออกจริงๆ จึงนำดอกเหมยทั้งหมดมอบให้คุณหนูเจียง เพราะว่าถูกใจข้อดีในด้านอื่นของคุณหนูเจียงพ่ะย่ะค่ะ”
สตรีในห้องโถงที่ได้ยินต่างพากันตัดพ้ออยู่ในใจ กลอุบายที่ทำให้ดอกเหมยผลิบานได้ของแม่นางเจียงนั้น มันเด่นเกินหน้าเกินตาไปมากจริงๆ
เสียนเฟยแค่นเสียงหัวเราะออกมา “เพียงแค่กลลวงตาทำให้ดอกเหมยบาน ก็ทำให้เจ้าเลอะเลือนแล้วงั้นรึ เยี่ยนอ๋อง เจ้าเป็นเช่นนี้ ทำให้ราชวงศ์ผิดหวังในตัวเจ้าจริงๆ”
อวี้จิ่นได้ยินก็หัวเราะเยาะอยู่ในใจ
ทำให้ราชวงศ์ผิดหวังงั้นหรือ
หน้าใหญ่เสียจริง อย่างกับว่าเขาจะสนใจความรู้สึกราชวงศ์อย่างนั้นแหละ
เมื่อจิ่งหมิงฮ่องเต้ได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจ
อะไรคือก็แค่กลลวงตา จนถึงตอนนี้เขายังไม่เข้าใจเลยว่านางทำได้อย่างไร
เสียนเฟยพูดเหมือนตนชำนาญ แล้วเหตุใดถึงไม่แสดงกลลวงตาเช่นนี้ให้เขาดูบ้างเล่า
“ไม่ใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ เมื่อครู่ลูกพูดไปแล้ว ความสามารถของพวกนางล้วนดีมาก จนแยกไม่ออก ลูกจึงเอาดอกเหมยทั้งหมดมอบให้คุณหนูเจียง เพียงเพราะเหตุผลง่ายๆ เพียงข้อเดียวก็คือ แค่เห็นนางข้าก็รู้สึกว่าถูกอกถูกใจนัก”
เมื่อสู่อ๋องได้ยินมุมปากก็กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย
เจ้าเจ็ดพูดความจริง ใครกันเห็นสาวงามแล้วจะไม่ถูกใจ!
“ฝ่าบาท ดูเยี่ยนอ๋องสิเพคะ…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้สีหน้าคร่งขรึม “พอได้แล้ว เพียงแค่การมอบดอกไม้เอง เหตุใดจะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่และเสียแรงโดยใช่เหตุเช่นนี้ด้วย ในเมื่องานเลี้ยงชมดอกไม้จบลงแล้ว เช่นนั้นก็แยกย้ายกันเถอะ”
เสียนเฟยนับวันยิ่งจู้จี้จุกจิกเสียจริง สั่งสอนองค์ชายต่อหน้าสตรีชั้นสูงมากมายนาดนี้จะมีอะไรดีขึ้น มีอะไรก็ควรพูดทีหลังไม่ดีกว่าหรือ
เมื่อได้ยินจิ่งหมิงฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เสียนเฟยก็หน้าร้อนผ่าว มองกวาดสายตาไปยังอวี้จิ่นที่ท่าทางสงบนิ่ง ความโกรธคุกรุ่นขึ้นมาพลัน จึงยืนกรานพูดออกไป “ที่ฝ่าบาทตรัสก็ถูก เพียงแค่มอบดอกไม้เอง ไม่นับว่าเป็นอะไรหรอก”
องค์ชายมอบดอกไม้เลือกพระชายาเอกเป็นเพียงแค่ประเพณี ไม่ใช่ข้อบังคับ สุดท้ายแล้วการที่จะเลือกคุณหนูจากตระกูลไหนมาเป็นพระชายาเอกนั้นก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจขององค์ชายเสียหน่อย
อำนาจในการตัดสินใจอยู่ในมือของนางต่างหาก!
เมื่อเสียนเฟยคิดเช่นนี้ จึงรู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตนใจร้อนเกินไปจริงๆ ต้องโทษเจ้าเจ็ดลูกสารเลวนั่นที่กำเริบเสิบสาร ไม่มีกาลเทศะ ทำให้นางร้อนตัวออกเช่นนี้
พอเข้าใจทุกอย่าง รอยยิ้มของเสียนเฟยก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
พวกหญิงสาวต่างเดินตามขันทีออกไป สตรีชั้นสูงทั้งหลายที่ไม่ได้รับดอกเหมยคิดเหมือนกันอยู่เรื่องหนึ่ง จากที่ฮ่องเต้และเสียนเฟยตรัส หากไม่นับการมอบดอกไม้ของเยี่ยนอ๋อง เช่นนั้นพวกนางก็ยังคงมีโอกาสได้เป็นพระชายาเอกของเยี่ยนอ๋องอยู่สินะ
ที่เยี่ยนอ๋องถูกใจเจียงซื่อก็เป็นเพราะหลงใหลในความสวยของเจียงซื่อเท่านั้น หากพวกนางได้เป็นพระชายาเอกของเยี่ยนอ๋อง และปรนนิบัติรับใช้เยี่ยนอ๋องอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็หานางสนมที่หน้าตาสะสวยให้เยี่ยนอ๋องอีกสักสองสามคน เท่านี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมัดใจเยี่ยนอ๋องไม่อยู่แล้ว
บุรุษนั้นหน่ายของเก่าชอบของใหม่ พวกนางสังเกตเห็นจากบิดาและพี่ชายของตนมามากพอแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ฮ่องเต้กับเหนียงเหนียง อย่างไรเสียพวกนางก็มีโอกาสชนะเจียงซ์อมากกว่าแน่นอน ใครใช้ให้นางเกิดมามีฐานะธรรมดา แถมยังเคยยกเลิกการหมั้นหมายอีก
พอมีความคิดนี้ผุดขึ้นมา สตรีทั้งหลายที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจจากเจียงซื่อและอวี้จิ่นอย่างหนักก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย
ไม่ผิดแน่ การมอบดอกไม้ไม่ถือว่ามีความหมายอะไร เพียงแค่ฝ่าบาทกับเหนียงเหนียงไม่เห็นด้วย ตำแหน่งพระชายาเอกของเยี่ยนอ๋องก็ไม่มีทางตกไปเป็นของเจียงซื่อได้หรอก!
ห้องโถงยาวโล่ง เหลือเพียงแค่จิ่งหมิงฮ่องเต้กับพระสนม
จวงเฟยรู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร จึงเอ่ยพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ฝ่าบาท หม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ”
“อืม” จิ่งหมิงฮ่องเต้พยักพระพักตร์ลงเบาๆ
เขารู้สึกพอใจในตัวจวงเฟยมาตลอด
ทั้งฉลาด ไม่เรื่องมาก พูดน้อย หากพระสนมทั้งหลายเหมือนจวงเฟยเช่นนี้ จิตใจเขาคงสงบมากแน่
เหลือเพียงแค่จิ่งหมิงฮ่องเต้กับเสียนเฟยสองคน จิ่งหมิงฮ่องเต้จึงพูดจาเป็นกันเอง “สนมรัก เหตุใดเมื่อครู่ถึงต้องโมโหขนาดนั้น เจ้าเจ็ดเติบโตอยู่นอกวังมาตั้งแต่เด็ก นี่ไม่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่อะไรเลย”
“ฝ่าบาท นั่นไม่อาจเห็นแก่ที่เขาพูดจาไร้สาระได้ ฝ่าบาทดูสิเพคะ เขานำดอกเหมยทั้งหมดมอบให้คุณหนูเจียง แถมสุดท้ายยังบอกว่าลุ่มหลงในความงาม ตื้นเขินเพียงนี้จะมีอนาคตอะไร…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ พระขนงของจิ่งหมิงฮ่องเต้ก็กระตุกขึ้นมา
เจ้าเจ็ดเป็นองค์ชายที่ชอบเอ้อระเหยลอยชาย ทรัพย์สมบัติเงินทองความมั่งคั่งที่มีใช้ไม่หมดไม่สิ้น แล้วยังจะต้องมีอนาคตอะไรไปมากกว่านี้อีกหรือ!
หากต้องมีอนาคตมากกว่านี้ เช่นนั้นคงต้องเป็นองค์รัชทายาทแล้วล่ะ
จิ่งหมิงฮ่องเต้เป็นคนอ่อนโยน โดยเฉพาะเมื่ออยู่วังหลัง เขามักจะทำตัวอารมณ์ดี สิ่งนี้จึงทำให้นางสนมจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิด คิดว่าฮ่องเต้ท่านนี้เป็นคนไม่คิดเล็กคิดน้อย
ไม่มีผู้ใดรู้หรอกว่าจิ่งหมิงฮ่องเต้นั้นเป็นคนคิดมาก สำหรับบางเรื่องเขาอาจจะไม่สนใจเลย แต่สำหรับเรื่องที่ต้องระวังนั้น เขาจะระวังมากเป็นพิเศษ
องค์รัชทายาทสญเสียพระมารดา แถมเขายังมีองค์ชายอีกตั้งเยอะมาก หรือว่าองค์ชายพวกนี้รวมไปถึงพระมารดาของพวกเขาจะยังคงไม่ตายใจ
จิ่งหมิงฮ่องเต้มองไปที่เสียนเฟยอีกครั้ง พลางคิดอยู่ในใจอย่างถี่ถ้วน
เสียนเฟยยังพูดฉอดๆ ต่อว่าอวี้จิ่นไม่หยุดปาก ยิ่งพูดก็ยิ่งใช้คำพูดเจ็บแสบ “หม่อมฉันก็ไม่ได้หวังว่าเจ้าเจ็ดจะรู้จักคิดเหมือนเจ้าสี่ แต่เขาทำตามอำเภอใจแบบนี้ แถมยังไม่เห็นข้าเป็นเสด็จแม่ในสายตาอีก นี่มันไม่ถูกทำนองคลองธรรมเกินไปแล้ว…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ขมวดพระขนงเป็นปม นึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าขึ้นมาทันที
เด็กหนุ่มรูปงามไร้ที่ติยืนอยู่ตรงหน้าเขา พร้อมกับหน้าแดงเล็กน้อย สายตาเปล่งประกายเต็มไปด้วยความคาดหวัง “เสด็จแม่รับปากลูกแล้วว่างานเลี้ยงชมดอกไม้ครั้งนี้จะเลือกลูกสะใภ้ที่ถูกอกถูกใจให้ลูก เพราะคำพูดนั้นจึงทำให้ลูกวางใจ ไม่นึกเลยว่าเสด็จพ่อกับเสด็จแม่จะทำกับลูกเช่นนี้…”
หึหึ เจ้าเจ็ดนึกว่าเสด็จแม่จะเป็นคนดี และหวังให้เขามีความสุขสมหวัง แต่ไม่รู้เหตุใดเวลานี้เสด็จแม่ของเขาถึงได้พูดถึงเขาว่าไม่มีดีอะไรสักอย่าง…
จิ่งหมิงฮ่องเต้ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง
“นางก็เป็นแค่คุณหนูที่เคยยกเลิกการหมั้น เพียงเพราะหน้าตาสะสวย เขาก็อยากจะขอนางเป็นพระชายาเอกนี่มันเรื่องเพ้อเจ้อชัดๆ ยังเห็นราชวงศ์อยู่ในสายตาอยู่หรือไม่…”
“พอได้แล้ว!” จิ่งหมิงฮ่องเต้เอ่ยท้วงเสียนเฟยที่กำลังพูดตำหนิ
เกิดมาหน้าตาดีมันก็เป็นข้อดีไม่ใช่หรือ หากนางสนมทั้งหลายในวังเกิดมาหน้าตาอัปลักษณ์จะถูกเลือกเข้ามาได้อย่างไร
อีกอย่าง การที่อยากจะมีภรรยาหน้าตาสะสวยจะเป็นเรื่องเพ้อเจ้อไปได้อย่างไรกัน
จู่ๆ จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ชะงักไป
ใช่ หากเจ้าเจ็ดมีความคิดอย่างอื่น เหตุใดการเลือกพระชายาเอกจึงสนใจแค่เพียงหน้าตาล่ะ แสดงว่าเขาเป็นคนซื่อ
“ข้ารู้สึกว่าคุณหนูเจียงก็ไม่เลว”
ฐานะธรรมดา หน้าตาสะสวย เจ้าเจ็ดถูกใจ นี่มันก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือ
“ฝ่าบาท!” เสียนเฟยตะลึง พลางมองจิ่งหมิงฮ่องเต้อย่างเหลือเชื่อ
เจ้าเจ็ดถูกความงามล้างสมอง ฝ่าบาทก็ถูกความงามล้างสมองเช่นเดียวกันหรือนี่
นี่นางกำลังได้ยินคำพูดประเภทไหนกัน!
“ฝ่าบาท คุณหนูเจียงเคยยกเลิกงานหมั้นนะเจ้าคะ!”