บทที่ 334 ตัดสินใจ
บทที่ 334 ตัดสินใจ
คุณย่าซูโดนคุณปู่ซูเกลี้ยกล่อมในที่สุด แม้เธอไม่เต็มใจจะจากบ้านเกิด แต่สิ่งที่ตาเฒ่าพูดก็ถูก อนาคตของเด็ก ๆ สำคัญกว่า
แต่เรื่องใหญ่แบบนี้ ถึงเราสองคนจะคิดเรียบร้อยแล้ว แต่ยังต้องปรึกษาคนอื่นภายในบ้าน
ผู้เฒ่าทั้งสองเลยปรึกษากับลูกชายและลูกสะใภ้
พอได้ยินว่าพ่อแม่ตัดสินใจไปเมืองหลวง ลูกชายทั้งสามก็ตกใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับซูเหล่าซาน แก้วที่ใช้ดื่มน้ำถึงกับกลิ้งตกพื้น
“พ่อ แม่ พวกท่านอายุเท่าไรแล้ว ทำไมยังคิดแบบนี้อีกล่ะ?” เหล่าต้าขมวดคิ้ว
นับวันก็คิดเยอะขึ้นทุกที เมืองหลวงไม่ใช่อำเภอนะ มันคือสถานที่ที่คิดจะไปก็ไปได้งั้นหรือ?
“พ่อ แม่ พวกเราเป็นชาวนานะ อยู่บ้านใช้ชีวิตสงบสุขก็ได้!” เหล่าเอ้อร์ว่า
ใช้ชีวิตเล็ก ๆ อยู่บ้านอย่างสงบสุขก็ได้ มันไม่สบายหรือไง? ทำไมต้องทำให้ยุ่งยากด้วย?
ช่วงนี้พ่อกับแม่ดูมีเรื่องให้ทำเยอะแยะมากมายเลย?
“พ่อกับแม่จะเดินทางหลายพันลี้เพื่อไปหาหลาน ๆ ไม่ได้นะ ในฐานะลูกชาย พวกเราทนไม่ได้!” เหล่าซานครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยออกมา
พ่อแม่ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อลูกหลาน แต่พวกท่านอายุมากแล้วแถมร่างกายก็ไม่สู้ดีนัก แล้วจะให้ทิ้งบ้านเกิดไปแดนไกล จะให้พวกเราที่เป็นลูกชายเต็มใจได้อย่างไร?
“ก็ใช่ว่ามันจะมีวิธีนี่นา ถ้ามันมี พ่อกับแม่ก็ไม่คิดจะไปหรอก” คุณย่าซูพูดด้วยแรงอารมณ์ “ไม่เป็นไรหรอก รออีกสองสามปี พอหลาน ๆ โต ฉันกับพ่อแกก็กลับบ้านมาพักผ่อนแล้ว”
เธอยังทนไม่ได้เลยที่จะต้องแยกไปจากบ้านเกิดที่หงซิน
หวังเซียงฮวารีบเกลี้ยกล่อม “พ่อคะ แม่คะ พวกท่านอายุมากแล้วอยู่บ้านดีกว่า ในอนาคตพวกเด็ก ๆ จะกลับมาแน่นอน”
เธอได้ยินมาว่าถึงจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แต่นักเรียนส่วนใหญ่ก็ต้องกลับบ้านเกิดมาทำงานอยู่ดี
เด็ก ๆ บ้านเราอาจจะกลับมาหลังจากเรียบจบก็ได้
ถึงตอนนั้น พวกเขาอาจจะทำงานที่อำเภอ พวกเราจะได้ออกจากฟาร์มด้วย
แล้วบ้านเราอาจจะมีหน้ามีตามีที่นั่งก็ได้นะ
ความคิดของหวังเซียงฮวาในตอนนี้เรียบง่ายมาก เธอไม่ได้ใฝ่สูงและก็ไม่ได้ฝันด้วย
ส่วนฉีเหลียงอิงไม่ได้พูดอะไร เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี
เหลียงซิ่วไม่รอให้เธอพูด จึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากเอง
“ถ้าพ่อแม่จะไป งั้นฉันจะไปด้วยค่ะ!”
อะไรนะ?
ทุกคนหันขวับไปมองเธอด้วยความตกใจ ทำท่าเหมือนจะถามว่า รู้ไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา?
เหลียงซิ่วพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “ก็ปล่อยพ่อแม่ตามเด็ก ๆ ไปเมืองหลวง ฉันก็ไม่วางใจ แล้วถ้าให้เด็ก ๆ ไปเอง พ่อแม่ก็ไม่สบายใจเหมือนกัน ฉันก็เป็นแบบนั้นด้วย!”
ฉีเหลียงอิงชำเลืองมองสะใภ้สาม ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่
ถึงประสิทธิภาพของโรงงานขนมไข่จะไม่ดีเท่าเดิม แต่ก็รับประกันได้ว่าจะได้เงินเดือนแน่นอน แล้วก็ไม่เหนื่อยเกินไปด้วย
งานแบบนี้ ถ้าพูดออกไปย่อมมีเกียรติมากนะ แต่ถ้าเสียไปแล้ว จากนี้คงจะหาใหม่ได้ยาก
ก่อนหน้านี้ยังได้ยินคนพูดว่าเถาฮวาไปเมืองหลวงยังต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากอาจารย์เสิ่นจนถึงตอนนี้เลย แถมยังหางานไม่ได้ด้วย
อาจารย์เสิ่นเป็นคนในเมืองยังช่วยไม่ได้เลย ถ้าคนแบบพวกเราไปจะยิ่งมืดมนกว่านั้นไหม?
แล้วถ้าไปกันทั้งครอบครัว เราจะกินอย่างไรล่ะ? แล้วจะดื่มอะไรด้วย?
“สะใภ้สาม คิดให้ดีนะ” ฉีเหลียงอิงเกลี้ยกล่อม
“ฉันคิดดีแล้วค่ะ ฉันเลือกด้วยความเต็มใจ!”
เหลียงซิ่วเคยคิดเรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลาออกอยู่ดี
ทว่าตอนนี้มันจำเป็นมาก
พอเห็นอีกฝ่ายยืนกราน ฉีเหลียงอิงก็กระวนกระวาย “ถ้าทิ้งงานตรงนี้ไปเมืองหลวงแล้วจะกินดื่มอะไรล่ะ?”
หรือจะให้บ้านเราคอยหนุนบ้านสามหรือ?
เธอมีลูกชายสี่คนนะ เห็นอยู่ว่าลูก ๆ ก็โตขึ้นทุกวัน เธอเองก็ต้องเก็บเงินด้วย
เหลียงซิ่วยิ้ม “พอถึงตอนนั้นฉันจะไปขายอาหารเช้ากับแม่ค่ะ ไม่มีปัญหาเรื่องกินหรอก”
สิ่งที่เธอคิดไว้นั้นเรียบง่ายมาก เพราะธุรกิจขายอาหารในอำเภอดีมาก หากทำธุรกิจนี้ที่เมืองหลวงก็คงจะดีเช่นกัน
ฉีเหลียงอิงคิดว่าเหลียงซิ่วโง่จริง ๆ
เป็นคนงานอยู่แล้วจะไปขายอาหารเช้าทำไม?
ทำงานหามรุ่งหามค่ำยังโดนคนดูถูกเลย
“เธอคิดดีแล้วจริง ๆ หรือ?”
เหล่าซานไม่รู้ว่าตัวเองจะคิดได้ซับซ้อนแบบนั้นไหม แต่มีภรรยาไปเมืองหลวงเป็นเพื่อนพ่อแม่กับลูก ๆ เขาจึงวางใจได้บ้าง
แต่เขาทนไม่ได้ที่จะให้ภรรยาทิ้งงานเพื่อไปเมืองหลวง
เพราะงานนี้ภรรยาได้มาด้วยความสามารถของตัวเอง จะให้ทิ้งไปแบบนี้แล้ว…
แต่พ่อแม่ตั้งใจจะไปเมืองหลวงกับเด็ก ๆ เขาเลยไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมอย่างไร
เพราะถ้าไม่ได้ เด็ก ๆ ที่ไปเรียนจะมีปัญหา
หลังจากนั้น เหลียงซิ่วก็พยักหน้าอย่างหนัก “ฉันคิดดีแล้วค่ะที่จะตามพ่อแม่ไป ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะนั่งอยู่เฉย ๆ ได้ยังไง?”
งานนี้ได้มาโดยไม่ได้ตั้งใจอยู่แล้ว ถ้าจะทิ้งก็ต้องทิ้ง
ถ้าไปไม่รอดก็ไม่อยู่เมืองหลวงแล้ว เธอค่อยกลับบ้านมาทำงานที่ชุมชนการผลิตหงซินก็แล้วกัน!
หลังจากพูดคุยกัน คุณปู่คุณย่าไปชุมชนใหญ่ตามที่ตกลงไว้
เฉินจื่ออันนัดไว้ว่าจะรอสายในตอนเที่ยงของวันที่สาม
หลังจากรับสาย ชายชราอธิบายสั้น ๆ ถึงเรื่องการตัดสินใจของพวกเขา
“พ่อ ตัดสินใจแล้วหรือครับ?”
“ตัดสินใจแล้ว!” คุณปู่ซูตอบ
“งั้นก็ดีครับ พวกเราจะรอที่เมืองหลวงนะ”
ชายชราเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “จื่ออัน มีอีกเรื่อง เก็บไปคิดหน่อยแล้วกันว่าช่วยได้ไหม!”
คุณปู่ซูพูดอย่างละอายใจ แต่ลูกเขยที่ได้ฟังกลับสงสัย ถึงขนาดคิดว่าบ้านเราจะขาดเงินหรือเปล่า?
เขายังคิดถึงขนาดที่ว่าจะกลับไปคุยกับหม่านซิ่วด้วยว่าบ้านเราตอนนี้เอาเงินออกมาได้เท่าไร
พอถึงตอนนั้นจะเก็บไว้ให้พ่อตากับแม่ยาย ไม่ว่าอย่างไรจะให้พวกท่านคับข้องใจไม่ได้
“พ่อ มีอะไรก็พูดเลยครับ ผมจะช่วยหาวิธีให้นะ!”
“ฝั่งเธอช่วยคิดวิธีหาโรงเรียนให้เสี่ยวลิ่วกับเสี่ยวชีได้ไหม เราทิ้งพวกเขาไว้ที่บ้านไม่ได้”
จื่ออันไม่คิดว่าคุณปู่ซูจะคิดเรื่องนี้อยู่
แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสไหม
แต่จื่ออันจะทิ้งหลานอีกสองคนไว้ที่อำเภอไม่ได้ เพราะคนอื่น ๆ ก็มาเมืองหลวง และหลังจากที่ครุ่นคิดเขาก็ตอบตกลง
“พ่อครับ แม่ครับ ผมจะคิดหาวิธีให้นะ รีบพาเด็ก ๆ ไปเมืองหลวงเถอะ”
เรื่องโรงเรียน ถ้าเขาขอให้คนช่วยเหลือก็อาจจะพอเป็นไปได้
หลังจากวางสาย เจ้าหน้าที่ที่ได้ยินว่าผู้อาวุโสทั้งสองจะไปเมืองหลวงก็อิจฉามาก คุณปู่คุณย่าซูลุกขึ้นทันทีและไปอำเภอ ในเมื่อต้องไปก็มีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ