บทที่ 335 ฉันยังขายอาหารเช้าอยู่นะ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 335 ฉันยังขายอาหารเช้าอยู่นะ

บทที่ 335 ฉันยังขายอาหารเช้าอยู่นะ

คุณย่าซูมองร้านอาหารที่เหน็ดเหนื่อยสร้างมันขึ้นมา และไม่เต็มใจที่จะทิ้งมันไป ถ้าไม่ปล่อยไปแล้วมีวิธีอื่นอะไรอีกไหม?

แต่ในที่สุดเธอก็บอกหลีอวี๋เหนียงว่าจะมอบร้านอาหารเช้าให้นับจากนี้

“ตอนนี้ร้านมีลูกค้าประจำแล้ว ถ้าพวกเธอดูแลดี ๆ จะมีรายได้ไม่น้อยเลยนะ และถ้าเหนื่อยก็จ้างคนมาช่วยเอา!” คุณย่าซูพูดอย่างไม่ค่อยเต็มใจ

หลีอวี๋เหนียงรู้สึกประหลาดใจมาก

“พี่สาว ใช้ชีวิตในเมืองหลวงไม่ง่ายเลยนะ!” หลีอวี๋เหนียงค่อนข้างกังวล

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันคิดไว้แล้วอยู่แล้ว คนบนโลกยังต้องกินข้าว ถ้าเรามีฝีมือก็พอแล้ว”

คำพูดของคุณย่ามีความน่าเกรงขามมาก เธอมีความมั่นใจกับมันสุด ๆ!

“พี่หมายถึง…”

“ฉันไปขายอาหารเช้าที่เมืองหลวงน่ะ ถ้าในอำเภอยังขายได้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนในเมืองหลวงจะไม่กินข้าวน่ะ” น้ำเสียงของคุณย่าซูเต็มไปด้วยความหนักแน่น

พอได้ยินเช่นนั้น หลีอวี๋เหนียงก็พูดอะไรมากไปกว่านั้นไม่ได้ แล้วตอบอย่างไม่เต็มใจนัก “พี่สาว ถ้าพี่ไปแล้ว เราจะได้พบกันยากขึ้นนะ”

หลังจากนั้นก็หยุดไปครู่หนึ่ง หลีอวี๋เหนียงก็เอ่ยต่อ “เสี่ยวเถียนมีพระคุณต่อฉัน และฉันจะไม่มีวันลืมเลย!”

“ดูเธอพูดซิ ทำอะไรเนี่ย? พระคุณอะไรกัน!”

คุณย่าซูกล่าวโทษ ก่อนหน้านี้เธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับบ้านถานจื่อสือเลย แต่ทุกวันนี้เธอติดต่อกับหลีอวี๋เหนียงบ่อยมาก และเธอก็คิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนดีจริง ๆ

“ผู้คนมักจะระลึกถึงความดีของคนอื่นเสมอ พี่! ฉันกับตาเฒ่าคุยกันว่าอยากจะขอบคุณเสี่ยวเถียนที่ช่วยชีวิตไว้ในตอนแรก!” หลีอวี๋เหนียงกล่าวอย่างจริงใจ

ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กคนนั้น พวกเราก็คงไม่ได้มีชีวิตอยู่ต่อ

พระคุณนี้ไม่สามารถตอบแทนได้เลย

“หลานบ้านเราไม่ได้เป็นพระคุณต่อพวกเธอหรอกน่า!” คุณย่าซูรีบปฏิเสธ

แม้ว่าหญิงชราจะปฏิเสธ แต่หลีอวี๋เหนียงกับถานจื่อสือก็มาบ้านเธอในวันต่อมา พร้อมทั้งแบกตะกร้าไม้ไผ่ไว้บนหลังด้วย

ทว่าคุณย่าซูไม่ได้คิดอะไรมากเมื่อเห็นทั้งสองคนแบกตะกร้านั่น

เพราะคนในอำเภอมีคนแบกตะกร้าตามท้องถนนไม่น้อยเลย

แต่เมื่อคนทั้งสองหยิบของในนั้นออกมา แกถึงกับตื่นตระหนก

ของในนั้นนอกจากผักที่โปะอยู่ด้านบนสุด ข้างล่างมีกล่องหรูหราหลายขนาดใส่ไว้อยู่

“พวกคุณทำอะไรน่ะ?” คุณย่าซูตกใจมาก รีบร้อนโยนผักลง

“พี่ ครอบครัวพี่เป็นคนดี พวกเราเลยอยากขอบคุณ ต้องตอบแทนให้ได้ ส่วนของพวกนี้อยากจะมอบให้เสี่ยวเถียน ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเรา!” หลีอวี๋เหนียงกล่าว

คุณย่าซูรู้ดีว่าตระกูลถานร่ำรวยเพียงใด

กล่องผ้าหรูหราเยอะขนาดนี้ ดูแค่กล่องก็รู้ว่าของที่อยู่ภายในจะต้องประเมินค่าไม่ได้แน่นอน

ตอนแรกเสี่ยวเถียนก็ช่วยเฉย ๆ ถ้าเธอยอมรับจะเกิดอะไรขึ้น?

“พี่สะใภ้ซู อย่าปฏิเสธเลย ถึงตระกูลเราจะล่มไปแล้ว แต่เรายังเก็บรักษาของพวกนี้ไว้อยู่นะ เดิมทีจะเก็บไว้ให้ลูกหลาน แต่หลายปีมานี้…”

ถานจื่อสือทนพูดต่อไปไม่ได้

ตอนแรกพยายามเพื่อที่จะคิดถึงพวกหลาน ๆ แต่พอเกิดเรื่อง คนข้างกายที่อยู่ด้วยกันคือภรรยาที่เขาไม่อยากชอบมากที่สุด

ส่วนลูกหลานไม่ต้องพูดหรอกว่าจะดูแลเขา เพราะเอาสร้างปัญหาให้บ่อยครั้ง ทำให้หัวใจเขาแตกสลายมานับครั้งไม่ถ้วน

เพราะแบบนี้เขาจึงไม่คิดจะเก็บไว้ให้อีกแล้ว

พวกเขาไม่สมควรได้รับมัน!

ถานจื่อสือโชคดีมากที่ตอนซ่อนมันเอาไว้ เขาแอบซ่อนเงียบ ๆ แม้แต่ลูกชายก็ยังไม่รู้

ไม่งั้นจะเก็บมาถึงทุกวันนี้งั้นหรือ

ไม่ทันพูดจบ ทั้งคุณปู่คุณย่าซูก็เข้าใจ

ชายชราถอนหายใจ

“แต่นี่มันมากเกินไปนะ!” หญิงชราคิดว่าอีกฝ่ายจะขอบคุณกันแบบนี้ไม่ได้

“ชีวิตของเราสองคนมันไม่มีค่าขนาดนั้นเลยหรือ?” ถานจื่อสือยิ้ม “ตอนนี้ในมือเรามีสิ่งอื่นแล้ว แค่นี้ก็พอให้ใช้ชีวิตต่อไปแล้วล่ะ”

ตระกูลถานในตอนนั้นมีธุรกิจใหญ่โต มีหน้ามีตา คนธรรมดากินดื่มไม่หมดด้วยซ้ำ ส่วนทรัพย์สินที่เขามีก็มากพอที่จะให้เราสองคนกินดื่มให้พอ

“ใช่แล้ว จากนี้ไปเราจะขายอาหารเช้าต่อและใช้ชีวิตธรรมดา ๆ ต่อไปก็พอแล้วล่ะ!” ตอนที่หลีอวี๋เหนียงพูด ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ชีวิตของเธอไม่มีวันไหนที่สุขสบายเลยสักวัน แต่ช่วงนี้เธอกลับรู้สึกว่ามันกำลังก้าวไปข้างหน้า

พอสองสามีภรรยาเกลี้ยกล่อมเช่นนี้ คุณปู่คุณย่าซูจึงไม่ได้พูดอะไรมาก

แต่พวกเขาก็คิดว่าจะยอมรับของพวกนี้ไม่ได้เหมือนกัน

“ก่อนหน้านี้ผมได้ยินมาว่าทรัพย์สินของพวกคุณได้รับการจัดการแล้วนะ น่าจะได้คืนมาบ้างสิ!” คุณปู่ซูเอ่ยถาม

“ผมไม่ต้องการของพวกนั้นหรอก ให้รัฐบาลไปเถอะ เพราะยังไงพวกเขาก็ต้องให้เงินพวกเราหลังเกษียณอยู่แล้ว” ถานจื่อสือพูดด้วยท่าทีนิ่งสงบ

ตอนนี้เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า แม้สมบัติของครอบครัวจะส่งกลับคืนมา ทว่าก็มีแต่จะนำหายนะมาให้เท่านั้น

ไม่แน่ว่าพวกลูกชายหัวรั้นอาจจะมาทรมานพวกเราสองคนเพราะเห็นแก่เงินทองก็ได้

โดยเฉพาะอวี๋เหนียงที่ต้องทนทุกข์ร่วมกับเขามาเกือบทั้งชีวิต ไม่มีชีวิตที่ดีเลย เขาไม่อยากให้เธอโดนคนรังแกอีกนับจากนี้

คุณปู่ซูไม่คิดว่าถานจื่อสือจะวางแผนแบบนี้เอาไว้ ดูเหมือนเขาจะทิ้งทรัพย์สมบัติทั้งหมดเพื่อมาใช้ชีวิตดั่งคนทั่วไป

หลังจากเดินไปส่งสองสามีภรรยาถาน คุณปู่คุณย่าซูเตรียมใจไว้แล้ว ทว่าพอเห็นกล่องผ้าหรูหรานั่น พวกเขาก็ไม่กล้าหายใจเลย

เราเคยเห็นทองคำและอัญมณีที่เสี่ยวเถียนเอากลับบ้านมานะ แต่เมื่อเทียบกับของตรงนั้น มันต่างกันมากจริง ๆ

“ตาเฒ่า ไม่งั้นพวกเราเอาไปคืนดีไหม?” หญิงชราตกใจจนมือสั่น

“พวกเขาเอามาให้แล้วนะ ไม่น่าจะอยากได้คืนหรอก งั้นเราขุดหลุมฝังในลานบ้านแล้วกัน”

“ก็ได้ ในภายภาคหน้าถ้าลูกหลานตระกูลถานปฏิบัติตัวต่อสองคนนั้นดีกว่านี้ พวกเราค่อยคืนให้ก็แล้วกัน”

ประโยคนี้ของคุณย่าซู คุณปู่ไม่ได้ตอบกลับไป

ลูกหลานพวกนั้นคงไม่ปฏิบัติต่อสองสามีภรรยาถานดี ๆ หรอก แค่หวังว่าพวกเขาจะใจดีต่อกันสักหน่อย ไม่ทรมานแค่นั้นก็พอแล้ว

หลังจากขุดหลุมในสวนแล้ว กล่องที่บรรจุเครื่องประดับก็ถูกปิดผนึกและฝั่งลงดิน

เมื่อทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ พวกเขาก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

ในสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรแน่นอน ของพวกนี้อาจทำให้พวกเราตายได้

“ยายเฒ่า ครอบครัวเรามีเงินทองมากมายขนาดนี้ ฉันว่าถ้าเราไปเมืองหลวงควรเอาไปด้วยหน่อยนะ”

พอกลับมาถึงบ้าน ชายชรานึกถึงทองคำที่ฝังไว้ตอนนั้น และคิดว่าจะเอาไปสักหน่อยเผื่อใช้ในเรื่องฉุกเฉิน

คุณย่าซูคิดแล้วก็พยักหน้าตอบตกลง “แกพูดถูก ชีวิตที่เมืองหลวงกับที่นี่มันไม่เหมือนกัน ทุกอย่างแพงหมด และถ้าเราจะเปิดร้านอาหารก็น่าจะใช้เงินเยอะด้วย”

เมื่อปรึกษากันดีแล้วก็ตัดสินใจกลับไปหงซินก่อนไปเมืองหลวง

พวกเขาไม่ได้โลภมาก จึงหยิบทองคำแผ่นบางที่สุดออกมาจากกล่องสองแท่ง

แค่ถือสะดวกก็พอ ถ้าใหญ่กว่านี้จะสะดุดตาคน ถ้าใครรู้เข้าจะเดือดร้อนเอาเสียเปล่า ๆ

“งั้นเราเอาเครื่องประดับไปอีกสักชิ้นสองชิ้นไหม?” คุณย่าซูคิดแล้วเอ่ยถาม

เครื่องประดับอะไรพวกนั้นมีราคาสูง ใส่กระเป๋าห้อยคอง่ายอยู่

คุณปู่ซูเห็นด้วยอย่างยิ่ง

เสี่ยวเถียนที่อยู่เมืองหลวงตอนนี้ไม่รู้หรอกว่า สองคนปู่ย่าคิดเยอะแยะถึงขนาดนี้แล้ว

ส่วนตัวเธอนั้นยังขายวัตถุดิบเพื่อหาเงินอยู่ทุกวัน

คุณปู่คุณย่าซูใช้เวลาอีกห้าวันเพื่อจัดการทุกอย่าง จากนั้นจึงขึ้นรถไฟไปยังเมืองหลวง

พอมาถึงแล้ว เสี่ยวเถียนมีเงินในมืออยู่มากกว่าสามพันหยวนแล้ว

ยุคนี้เงินที่มีมูลค่ามากที่สุดคือสิบหยวน

เงินมากกว่าสามพันหยวนของเสี่ยวเถียนกองเป็นพะเนิน และในตอนที่เธอถือมันไว้ ก็รู้สึกหนักอึ้งมาก

ส่วนแต้มในระบบ เธอใช้ไม่ถึงพันแต้ม

เสี่ยวเถียนไม่คิดเลยว่าแต้มในระบบร้านค้าจะมีค่าแบบนี้