บทที่ 463 ท็อป 100
บทที่ 463 ท็อป 100
เกาะซาถัวนั้นเป็นตัวอย่างที่ดี! แม้ว่าสุดท้ายจะพบว่าเขาเกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาว แต่ในสายตาของคนพวกนี้มองว่าตระกูลฉู่เป็นแมวที่บังเอิญเจอหนูที่ตายแล้วก็เท่านั้น!* และก็เพราะเหตุนี้พวกเขาเลยไม่มีใครกล้าเป็นปรปักษ์กับตระกูลฉู่
*เปรียบเทียบว่าบังเอิญเจอโชคก้อนใหญ่
เนื่องจากการปรากฏตัวของมนุษย์ต่างดาวโดยเฉพาะเทคโนโลยีล้ำหน้าของพวกเขานั้นสามารถทำให้เกิดความวุ่นวายได้เลย! ดังนั้นตอนนี้พวกจอมยุทธเลยต้องรีบให้การแข่งขันจบโดยเร็ว และรีบให้คนของตัวเองไปสำรวจที่ต่างมิติ
หลังจากสิ้นสุดการประลองใหญ่รอบนี้ก็จับฉลากอีกครั้ง และรอบนี้ถือว่าหินสุด ๆ! ผู้เชี่ยวชาญค่ายกลนับไม่ถ้วนต่างก็เร่งสร้างค่ายกลขึ้นมาใหม่! การแข่งขันจะแข่งพร้อมกัน 100 เวที ด้วยวิธีนี้ไม่กี่รอบก็จะได้ผลแพ้ชนะที่เร็วยิ่งขึ้น!
ฉู่เหินพบว่าดวงของตัวเองดีมาก ๆ เพราะครั้งนี้เขาจับได้เบอร์หนึ่ง หมายความว่าเขาจะต้องแข่งเป็นสนามแรก คนที่จะสู้กับเขาก็คือลูกศิษย์จากพรรคกระบี่คนหนึ่ง พอคนนี้รู้ว่าต้องแข่งกับฉู่เหินก็ยอมแพ้ซะเดี๋ยวนั้นเลย
แต่ว่าครั้งนี้หม่าหงกลับเป็นคนที่ซวยแทน เขาต้องเจอกับนิกายตงกู้จือแห่งหุบเขาห่านเซียง ต้องเข้าใจว่านิกายตงกู้จือที่หุบเขาห่านเซียงนั้น นับเป็น 3 อับดับแรกของที่นั้น! อีกทั้งคน ๆ นี้ยังมีพลังขั้นจักรพรรดิดาราอีกด้วย เมื่อเป็นแบบนี้หม่าหงก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมแพ้!
และแล้วการแข่งขันก็ดำเนินมาถึงรอบสุดท้าย ผู้เข้าแข่งขันเหลือเพียง 500 คน! และพวกเขาก็ต้องทำการแข่งขันอีกรอบที่สอง ครั้งนี้ฉู่เหินพบกับพระแห่งวัดหยูฟ่อซือ! ต้องเข้าใจว่าก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนร่วมทีมกัน ทว่าตอนนี้กลับต้องมาสู้กันเอง ซึ่งฉู่เหินก็จะทุ่มสุดตัว แต่ยังไม่ทันแข่งพระรูปนั้นก็ขอคุยกับเขาว่าจะยอมแพ้ ที่จริงเขาไม่อยากจะให้พระรูปนี้ต้องยอมแพ้เลย
เมื่อเป็นแบบนี้ฉู่เหินเลยขึ้นเป็น 3 อันดับแรกได้โดยที่ไม่ต้องแข่งอะไรเลย! หลังจากที่รอบนี้ผ่านพ้นไป ฉู่เหินก็พบว่าฉู่จือจากตระกูลฉู่ ได้รับบาดเจ็บจากก่อนหน้านี้ค่อนข้างหนัก แม้ว่าจะได้พักแล้วไม่น้อยแต่เขายังไม่ได้รักษาลมปราณเลย ดังนั้นพอได้เจอกับยอมฝีมือคนหนึ่งก็สู้ไม่ไหว ถูกอีกฝ่ายโจมตีจนแพ้!
และก็มาถึงอีกรอบหนึ่ง ในสนามนั้นรวมกับคนที่ยอมแพ้ไปแล้วด้วยตอนนี้มีเพียง 200 คน! แต่ตอนนี้พวกเขาต้องแย่งชิงท็อป 100 แล้ว และเมื่อได้เข้าสู่ท็อป 100 คนแล้วนั้น ก็จะช่วยเหลือพรรคและนิกายของตัวพวกเขาได้มากเลย! โดยเฉพาะคนที่ได้เป็นท็อป 100 ถ้าพวกเขาไม่มีสำนักหรือพรรคในสังกัด คนพวกนี้ก็มักจะได้รับการเชิญให้เข้านิกายอันดับ 1
ดังนั้นรอบ 100 คนสุดท้ายนิกายกิเลนจะต้องเข้าให้ได้ โชคดีที่นิกายกิเลนตอนนี้นอกจากฉู่เหินแล้วฮาวโยวและกวนเชิงก็เป็น 1 ใน 100 นั้นด้วย ส่วนตระกูลฉู่นั้นแม้ว่าจะขาดฉู่จือ แต่ตอนนี้พลังวรยุทธ์ของฉู่ฉุนก็มีท่าทีว่าจะทะลวงขั้นจักรพรรดิดาราได้ในเร็ว ๆ นี้! อีกทั้งเมื่อรวมทาปาหยิงหนานด้วยอีกคน ดังนั้นผลลัพธ์เลยค่อนข้างน่าชื่นชมมากทีเดียว
การจับฉลากแย่ง 100 อันดับแรกเริ่มต้นขึ้น ฉู่เหินคาดหวังมากว่าตัวเองจะจับได้มิยาโมโตะ อิจิโร่ แต่ยิ่งเขาคิดอย่างนี้ก็ยิ่งจับไม่ได้ ตอนที่เขาเห็นว่าตัวเองจับได้เบอร์ที่ 33 เขาก็มองไปรอบบริเวณ ดูว่าคนที่จะแข่งกับเขานั้นเป็นใคร ผลลัพธ์กลับคาดไม่ถึงเมื่อเขาจับได้หลิงหยุนจือแห่งหอเมฆา
หลิงหยุนจืออยู่ในขั้นจักรพรรดิดาราระดับต้น แต่ฉู่เหินคล้ายจะสัมผัสได้ว่าเขากำลังซ้อนพลังของตัวเองอยู่ เห็นทีว่าการประลองกับหลิงหยุนจือจะเป็นเวทีที่ดุเดือดน่าดู
หลิงหยุนจือเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเจอกับฉู่เหิน แต่ตอนนี้มาถึงการแข่ง 100 อันดับแรกแล้ว จะให้เขาถอยก็คงเป็นไปไม่ได้! ดังนั้นหลิงหยุนจือเลยอยากจะสู้กับฉู่เหินด้วยพลังทั้งหมดที่มี ยิ่งไปกว่านั้นหลิงหยุนจือตั้งแต่เริ่มแข่งจนถึงตอนนี้เขายังไม่เคยแพ้เลย! และเขาก็อยากจะรักษาสถิตินี้ไว้
แน่นอนว่ายังมีอีกสาเหตุหนึ่ง ตั้งแต่เริ่มหลิงหยุนจือไม่เคยคิดว่าตัวเองจะแพ้! ต้องเข้าใจว่าตอนนี้พลังของเขาก็เป็นขั้นจักรพรรดิดาราแล้ว แต่ฉู่เหินยังเป็นแค่ขั้นราชันดาราสูงสุด! ดังนั้นหลิงหยุนจือเลยคิดว่าจะชนะฉู่เหินได้!
หลังการจับฉลากสิ้นสุดลง การแข่งขันจัดอันดับ 100 อันดับแรกก็เริ่มต้นขึ้นในเวลาเดียวกัน ทุกคนพุ่งไปยังเวทีของตัวเองและยืนประจันหน้ากับคู่ต่อสู้ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว!
“ยอมแพ้เถอะ นายไม่ใช่คู่มือของฉัน!” เพิ่งมาถึงเวทีประลองไม่ทันไร หลิงหยุนจือก็พูดแบบนี้กับฉู่เหิน พอเขาได้ยินดังนั้นก็อดขำไม่ได้!
“สู้กันเถอะ พวกเราสู้กันจนจบเดี๋ยวก็รู้! พวกเราตระกูลฉู่มีแต่ตายในสนามรบ ไม่มีใครยอมถอยทั้งนั้น!” หลังสิ้นเสียงของฉู่เหิน เขาก็หยิบกระบองจตุรธาตุขึ้นมาไว้ในมือ
ตอนนี้ฉู่เหินคล้ายจะยืนยันได้แล้วว่ากระบองจตุรธาตุนี้ไม่ธรรมดาเลย อาวุธวิเศษของเขาก็คือพัดวิเศษ แต่หลังจากมีกระบองจตุรธาตุ มันก็ได้กลายเป็นอาวุธประจำตัวของเขาไปแล้ว! ซึ่งพัดวิเศษอันเดิมของเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรแม้แต่น้อย
สำหรับหม้อเซียนของเผ่ากู หลังจากเข้าไปในจุดตันเถียนของเขาก็เหมือนจะเว้นระยะห่างกับกระบองจตุรธาตุ ไม่ต้องการที่จะมีปฏิสัมพันธ์กัน! อีกทั้งพอกระบองจตุรธาตุเข้าไปที่จุดตันเถียนของเขาเช่นกัน มันก็ทำการดูดพลังปราณจากจุดตันเถียนของเขาโดยพลการ ด้วยวิธีนี้เลยทำให้ในเวลาไม่นานเจ้ากระบองจตุรธาตุก็คล้ายจะแข็งแกร่งขึ้นเยอะเลย!
ปัจจุบันฉู่เหินสามารถใช้พลังธาตุได้ 3 ธาตุ ตอนที่กระบองจตุรธาตุอยู่ในมือของเขา ก็จะรู้สึกว่าตัวเองกับอีกฝ่ายเข้ากันได้ดียิ่งขึ้น! ตอนนี้แม้ว่าจะยืนอยู่ตรงนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถอดทนไม่ให้พลังธาตุทั้งสามของตัวเองไหลเข้าไปในกระบองจตุรธาตุได้
หลังจากพลังธาตุ 3 สายเข้าไปในกระบองแล้ว กระบองจตุรธาตุก็คล้ายจะมีพลังพิเศษบางอย่างแผ่ออกมาและเข้าสู่ภายในร่างกายของฉู่เหิน! พลังสายนี้มันทะลวงเข้าไปที่จุดตันเถียนของฉู่เหิน จนฉู่เหินสัมผัสได้ว่าร่างกายของตัวเองเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง อีกทั้งในขณะเดียวกันเขาก็มีความรู้สึกว่า แม้ตัวเองจะไม่ได้จับกระบอง แต่ก็สามารถสั่งการมันได้
ก่อนที่หมิงอู่ของเขาจะค่อย ๆ เรียนรู้ แต่ก็ยังขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง เลยทำให้ไม่สามารถบรรลุไปอีกขั้นได้ นี้ทำให้ฉู่เหินรู้สึกกังวลนิดหน่อย เขารู้ว่าถ้าตัวเองสามารถเรียนรู้สิ่งนี้ได้ ก็รอแค่ให้เขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง น่าจะสามารถเลือนเป็นขั้นจักรพรรดิดาราได้เลย
หลิงหยุนจือยืนอยู่ที่เดิม เขารออยู่สักพักก่อนจะพบว่าฉู่เหินมีบางอย่างไม่ถูกต้อง! แต่ในเมื่อฉู่เหินไม่ยอมถอย เขาก็ทำได้เพียงเตรียมตัวเองต่อสู้ ในความคิดเขาขอเพียงทำให้ฉู่เหินตกเวทีไปก็พอ ไม่ได้อยากจะขอชีวิตเขา ไม่งั้นความสัมพันธ์ระหว่างนิกายหอเมฆากับตระกูลฉู่คงจะย่ำแย่แน่ ๆ
แม้ว่านิกายหอเมฆาจะมีอำนาจมาก แต่พวกเขาก็ยังกลัวตระกูลฉู่อยู่ดี ตระกูลฉู่กล้าที่จะสู้สุดชีวิต แต่ความจริงแล้วไม่ใช่! อีกทั้งพวกตระกูลฉู่ก็เป็นพวกบ้ากลุ่มหนึ่ง ใครก็ไม่กล้าจะเป็นศัตรูกับพวกเขา
กระบี่ในมือหลิงหยุนจือยื่นมาด้านหน้าอย่างช้า ๆ ก่อนที่มันจะเกิดเป็นรัศมีกระบี่พุ่งไปทางฉู่เหิน แต่กระบี่นี้ของหลิงหยุนจือยั้งมือเอาไว้ด้วยส่วนหนึ่ง ถ้าเขาเห็นท่าไม่ดีสามารถสลายพลังได้ทุกเมื่อ!
ฉู่เหินยืนที่เดิมด้วยท่าทางเช่นเดิม ทำให้คนด้านล่างเวทีมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเช่นกัน เพียงแต่ทุกคนกลับหน้าตาตื่นกันหมด ด้วยไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น! พวกเขาอยู่ในค่ายกลแม้ว่าจะมองเห็นอย่างชัดเจน แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงออกมาเป็นลักษณะนี้
สายตามองรัศมีกระบี่พุ่งมายังฉู่เหิน คนด้านล่างก็อดที่จะลุ้นตามไม่ได้ เพราะจนถึงตอนนี้ฉู่เหินก็ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนเลย ราวกับโง่งมไปแล้ว รัศมีกระบี่นั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนห่างกันไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้นแล้ว
ในตอนนี้เองที่จู่ ๆ ฉู่เหินก็ขยับตัวอย่างกะทันหัน เห็นเพียงกระบองจตุรธาตุของชายหนุ่มโบกเพียงครั้งเดียวก็เกิดลำแสงพุ่งปะทะเข้ากับรัศมีกระบี่นั้น! เมื่อทั้งสองปะทะกันก็เกิดเป็นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว กระทั่งคนด้านนอกยังได้ยินอย่างชัดเจน!
จินตนาการไม่ออกเลยว่าเมื่ออาวุธทั้งสองปะทะกัน รัศมีกระบี่ของหลิงหยุนจือจะคล้ายเป็นเต้าหูนิ่ม ๆ ก้อนหนึ่งอย่างไงอย่างงั้น เสียงตัดขาดครั้งเดียวก็ถูกทำลายแล้ว นี้ทำให้หลิงหยุนจือที่มองอยู่หรี่ตาครุ่นคิด ดูท่าเขาคงจะประมาทมากเกินไปหน่อย บางทีฉู่เหินอาจจะน่ากลัวมากกว่าที่เขาคิดก็เป็นได้!