บทที่ 464 หมัดต่อหมัด
บทที่ 464 หมัดต่อหมัด
หลิงหยุนจือตัดสินใจว่าจะใช้พลังทั้งหมด เพราะเขารู้แล้วว่าฉู่เหินไม่งธรรมดา! ราวกับว่าตอนนี้ฉู่เหินทรงพลังและลึกลับเกินกว่าจะเข้าใจ
กระบี่ยาวได้ปล่อยรัศมีกระบี่ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่พอรัศมีกระบี่เหล่านี้โดนตัวของฉู่เหิน มันก็จะถูกกระบองขวางเอาไว้ทุกครั้ง รัศมีกระบี่พวกนั้นไม่อาจเข้าถึงตัวชายหนุ่มได้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นฉากนี้หลิงหยุนจือก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า แบบนี้มันเก่งเกินไปแล้ว! เกรงว่าตัวเขาในตอนนี้คงเป็นดั่งหมูในอวยของอีกฝ่าย แต่ว่าเรื่องนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเช่นกัน ต่อมาก็เห็นเพียงร่างของหลิงหยุนจือไม่ได้ยืนอยู่ด้านหน้าแต่กลับถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาหาที่มั่นได้แล้วกระบี่ยาวก็กวัดแกว่งไปมา ก่อนที่เขาจะตะโกนออกมาว่า “กระบี่เทพเลือนราง!” สิ้นเสียงกระบี่ของเขาก็ปรากฏเป็นจันทร์ครึ่งเสี้ยว! ทันทีที่จันทร์ครึ่งเสี้ยวปรากฏตัวมันก็มาพร้อม ๆ กับพลังอำนาจที่สะเทือนฟ้าดิน!
กระบี่ที่คล้ายกับจันทร์ครึ่งเสี้ยวระเบิดพลังออกมาจากความว่างเปล่าอย่างฉับพลัน เพียงครู่เดียวก็มีความยาวกว่า 10 เมตรไปแล้ว! ในตอนนี้เองที่หลิงหยุนจือสะบัดกระบี่ในมือเบา ๆ ทำให้จันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ลอยอยู่กลางอากาศพุ่งไปยังฉู่เหินอย่างรวดเร็ว
พอผู้ชมด้านนอกเห็นฉากนี้ต่างก็ตกใจอ้าปากค้าง กระทั่งผู้เฒ่าสามยังอดพูดออกมาไม่ได้ว่า “ดูเหมือนว่าหอเมฆาของพวกนายจะมีอัจฉริยะในรอบพันปีสินะ คิดไม่ถึงว่าอายุน้อยขนาดนี้จะสามารถฝึกวิชากระบี่จันทราได้ถึงระดับนี้! ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่เก่งจริง ๆ!”
ต้องเข้าใจว่าหอเมฆานั้นมีวิชาถนัดอยู่สามวิชาใหญ่ ๆ หนึ่งในนั้นก็คือวิชากระบี่จันทรา เป็นวิชาที่จะสร้างเงากระบี่จันทร์ครึ่งเสี้ยวแบบเมื่อครู่ ทั้งยังมีพลังอำนาจที่ไม่สิ้นสุด! เคยได้ยินว่ามีหอเมฆารุ่นก่อนคนหนึ่งถึงขนาดสามารถฟันภูเขาลูกหนึ่งขาดครึ่งภายในดาบเดียว เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่ามันสุดยอดขนาดไหน!
และก็เพราะเหตุนี้เองที่ทำให้ผู้ยอดยุทธด้านนอกตกใจที่หลิงหยุนจือสามารถฝึกฝนวิชานั้นได้ถึงขั้นขนาดนี้แล้ว! เมื่อเป็นแบบนั้นพวกเขาก็แอบกังวลใจแทนฉู่เหินขึ้นมาไม่ได้! ทว่ากลับมีพวกนิยายอันดับสองและสามเท่านั้นที่รู้สึกมีความสุข! พวกเขาคาดหวังให้ฉู่เหินเจอความทุกข์แบบนี้เยอะ ๆ ซึ่งถ้าเกิดตายขึ้นมาได้ก็ยิ่งดีขึ้นไปใหญ่
สถานการณ์บนเวทีเหมือนว่าฉู่เหินจะกำลังตกที่นั่งลำบาก ขณะนั้นเองที่พลังธาตุทั้งสามไหลเชี่ยวอยู่ภายในร่างกายเขา มันไหลบ่าเข้าสู่กระบองจตุรธาตุ! กระบองจตุรธาตุที่เมื่อได้ดื่มพลังธาตุของฉู่เหินเข้าไปก็พลันเปล่งแสงสว่างแสบตาออกมา แสงเหล่านั้นทำการปกคลุมตัวชายหนุ่มไว้ทั่วดั่งเกราะป้องกัน!
ซึ่งมันก็เป็นเวลาเดียวกันกับตัดจันทราที่ฟันลงมา ทำให้พลังทั้งสองปะทะกันอย่างจัง! สิ่งที่ทุกคนคิดอยู่นั้นกลับไม่ได้เกิดขึ้น เพราะหลังจากที่พลังสองสายปะทะกัน ตัดจันทราเมื่อครู่ก็กลายเป็นพลังสายหนึ่งที่เข้าไปหลอมรวมกับเกราะป้องกันนั้นของฉู่เหิน
เมื่อเห็นฉากนี้หลายคนก็ออกมาด้วยความตกใจ! พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง! ส่วนหลิงหยุนจือนั้นก็คล้ายจะยืนโง่งมไปแล้วเช่นกัน ไม่คิดว่าพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองจะไม่อยู่ในสายตาของอีกฝ่ายเลย! คิดเพียงเท่านี้ในใจก็รู้สึกขื่นขมไม่ได้
ต้องเข้าใจว่าเขาเป็นขั้นจักรพรรดิดารา กลับปะทะกับฉู่เหินได้เพียงเท่านี้! ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดเหตุผลร้อยแปดอยู่นั้น ก็เห็นว่าฉู่เหินหลับตาทั้งสองข้าง และก้าวไปด้านข้างหนึ่งก้าว! ชายหนุ่มถือกระบองจตุรธาตุไว้ในมือ ส่วนมืออีกข้างก็กำหมัดต่อยไปที่หลิงหยุนจือ
หลิงหยุนจือพยายามขยับหนี แต่แล้วเขาก็ต้องพบกับความเสียใจเมื่อพบว่าร่างกายของตัวเองคล้ายกับถูกผูกติดอยู่กับที่ คิดอยากจะขยับมือก็ทำไม่ได้เลย เดิมทีนี้ควรจะเป็นเรื่องที่น่าขายหน้า แต่หลิงหยุนจือกลับผิวปากออกมาด้วยความตื่นเต้นแทน
สำหรับขั้นพลังวรยุทธ์อย่างฉู่เหิน การโจมตีของเขาจะสูงส่งแค่ไหนเชียว! ผลลัพธ์ของหมัดดังกล่าวกลับกลายเป็นเรื่องดีสำหรับหลิงหยุนจือเสียอย่างงั้น! ฉู่เหินที่ทำการโจมตีอย่างต่อเนื่องด้วยหวังจากเอาชนะ หากแต่มันดันกลายเป็นการช่วยเชื่อมพลังลมปราณของอีกฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะแบบนี้หลิงหยุนจือถึงได้ครางออกมาอย่างสบายอารมณ์!
อย่างไรก็ตามในสายตาของผู้ชมด้านนอกกลับมองต่างออกไปเมื่อเห็นฉากนี้ พวกเขาอดคิดไม่ได้หรือว่าหลิงหยุนจือจะถูกทารุณกรรมอยู่? หรือระหว่างสองคนนั้นจะมีอะไรพิเศษ ๆ บางอย่างเกิดขึ้น! คิดไปคิดมาก็นัยน์ตาปรากฏร่องรอยแปลก ๆ ขึ้นมา กระทั่งคนจากหอเมฆายังรู้สึกแบบเดียวกัน!
ผู้อาวุโสของหอเมฆาเองก็รู้สึกแปลกประหลาดเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมหลิงหยุนจือถึงได้มีอาการแบบนี้? แต่จากการแสดงออกของอีกฝ่าย พวกเขาไม่จำเป็นต้องถามก็ดูออกได้ว่าหลิงหยุนจือตอนนี้รู้สึกดีแค่ไหน!
ฉู่เหินต่อยมาจะครึ่งชั่วโมงแล้ว ภายในครึ่งชั่วโมงนี้เขาคล้ายจะบรรลุพลังธาตุทั้งสามเกือบทะลุปรุโปร่ง เดิมทีสามจิตวิญญาณของชายหนุ่มที่ติดกลับมายังโลกด้วยก็ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวแล้ว! แต่เนื่องจากเขาระงับพลังวรยุทธ์เอาไว้ เลยทำให้เขาเข้าใจพลังที่ว่าขึ้นไม่น้อย!
ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ที่รวมทีมกันแล้ว พลังวรยุทธ์ของฉู่เหินก็ได้ทะลวงจนกลายเป็นขั้นราชันดาราสูงสุด! ชายหนุ่มขาดอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นก็จะสามารถเลื่อนขั้นจักรพรรดิดารา! มันเป็นก้าวที่สำหรับคนอื่นแล้วอาจจะทำไม่ได้เลยทั้งชีวิต แต่สำหรับเขานั้นมันช่างง่ายนิดเดียว!
เพียงแต่ก่อนที่ฉู่เหินจะเลื่อนขั้นจักรพรรดิดารานั้น เขาต้องบรรลุพลังธาตุทั้งสามนี้ให้ถึงแก่นเสียก่อน ครั้งนี้หมิงอู่ทำให้เขาบรรลุเป้าหมาย! ขณะที่เขายืนอยู่กับอีกฝ่ายในเวลาเดียวกันเขาก็สามารถทะลวงขั้นจักรพรรดิดาราได้เป็นที่เรียบร้อย!
เพียงแต่ฉากนี้ในสายตาของคนอื่นนั้นมันดูแปลกประหลาดมาก พวกเขารู้สึกว่าฉู่เหินโหดเหี้ยม แล้วชายหนุ่มก็ดันบังเอิญมาเจอกับคนโรคจิตอีกคน พอทั้งสองมาเจอกันเลยปรากฏเหตุการณ์นี้ขึ้น!
หลังจากฉู่เหินทะลวงขั้นจักรพรรดิดาราระดับต้นได้แล้ว พลังในร่างก็พลันไหลไปทั่ว ต้องเข้าใจว่าเจ้าเปลวไฟที่อยู่ในร่างกายของเขานั้น คล้ายกับเป็นระเบิดเวลา! เดิมทีเวลาฉู่เหินจะโคจรพลังก็ต้องระมัดระวัง เพราะกลัวจะไปทำให้หมอนั้นตื่น!
แต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้ การที่เขาบรรลุขึ้นไปอีกขั้นจะทำให้เจ้าลูกไฟนั่นตื่นขึ้น! หลังจากที่เปลวไฟตื่นขึ้นมา มันก็มองไปรอบ ๆ ยิ่งมองมันก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ปกติแล้วมันก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่ตอนที่ฉู่เหินบรรลุพลังที่อยู่ภายใน เจ้าเปลวไฟก็คล้ายจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
เปลวไฟนั้นรู้ตัวแล้วว่าตนเองอยู่ในร่างกายของคน ๆ หนึ่ง หลังจากรู้แล้วก็พาลให้มันเริ่มหัวเสีย ต้องเข้าใจว่าเขาเป็นใคร ขนาดพวกยอดฝีมือเหล่านั้นยังตายด้วยน้ำมือของเขามาหลายชีวิต! แต่มาตอนนี้กลับถูกดูดเข้ามาในร่างกายของคน ๆ หนึ่ง แล้วแบบนี้จะไม่ให้โกรธได้ยังไง!
เมื่อคิดถึงตรงนี้เจ้าเปลวไฟก็ระเบิดพลังของตัวเองออกมาอย่างฉับพลัน พลังเปลวไฟมหาศาลเริ่มทำการเผาไหม้อวัยวะภายในของฉู่เหิน พลังวรยุทธ์เดิมของฉู่เหินหากโดนเผาแบบนี้ล่ะก็ ในพริบตาเดียวฉู่เหินก็คงถูกย่างทั้งเป็นไปแล้ว! ครั้งก่อนเขาโชคดีรอดมาได้เพราะว่ามีน้ำตาของหญิงสาวคนนั้น
แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็นเปลวไฟนั้นไม่ได้ระเบิดพลังที่แท้จริงของตัวเองออกมาในครั้งนั้น แต่ทว่าครั้งนี้เจ้าเปลวไฟนั้นกลับระเบิดพลังความโกรธของตัวเองออกมาทั้งหมด เดิมทีมันนึกว่าจะสามารถเผาคน ๆ นี้ได้ในทันที แต่ทันใดนั้นมันก็รู้สึกถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา
หม้อเซียนแห่งเผ่ากูเดิมอยู่ในจุดตันเถียนของฉู่เหินและดูดลมปราณของเขา! แต่ที่ทำให้ชายหนุ่มคิดไม่ถึงก็คือขณะที่มันกำลังดูดซึมอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้มาเผาอะไรแถวนี้จนทำให้มันรู้สึกไม่สบาย! เพื่อจัดการกับเจ้าหมอนั้น มันก็เลยเปิดฝาหม้อของตัวเองและดูดไฟพวกนั้นมาไว้ในหม้อซะเลย!
ต้องเข้าใจว่าในหม้อเซียนมีน้ำวิเศษจากแม่น้ำอยู่ ต่อให้เปลวไปจะรุนแรงแค่ไหน แต่เมื่อถูกน้ำนี้แล้วก็สลายไปในทันที! ทั้งยังสามารถบำรุงน้ำนี้ได้ไปในตัวด้วย เจ้าเปลวไฟนี้มีจิตใต้สำนึกเป็นของตัวเองเนิ่นนานแล้ว ดังนั้นมันจึงสามารถสัมผัสได้ในทันทีว่าน้ำพวกนี้อันตรายขนาดไหน!