อวี้จิ่นดีใจยกใหญ่ “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ และเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ!”
พอเห็นเขาตื่นเต้นดีใจ พูดจาอย่างมีมารยาทออกมา จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็อมยิ้ม พลางยกเท้าเหยียดออกไปแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ได้เรื่อง!”
จากนั้นก็ชำเลืองมองเสียนเฟย
เสียนเฟยฝืนยิ้ม “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เวลานี้ยังไม่มีพระราชประสงค์อย่าเพิ่งเอะอะปล่อยข่าวลือออกไป”
“ลูกเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปเถอะ ไปเถอะ” จิ่งหมิงฮ่องเต้โบกมือไล่
เมื่อเห็นอวี้จิ่นเดินออกไปอย่างรวดเร็ว จิ่งหมิงฮ่องเต้จึงส่ายหน้าแล้วยิ้มพูดกับเสียนเฟย “ทำเจ้าเจ็ดดีใจยกใหญ่เลย ช่างเป็นคนซื่อดีเสียจริง ไม่เก็บอารมณ์เลยสักนิด”
“ใช่เพคะฝ่าบาท” นี่เป็นครั้งที่สามที่เสียนเฟยกัดฟัดพูดคำนี้ออกมา
“เอาอย่างนี้ รอคัดเลือกพระชายาของสู่อ๋องเสร็จแล้ว ข้าจะแจ้งพระประสงค์ออกไป แล้วหลังจากนั้นเจ้าก็เป็นคนจัดการ” เมื่อจิ่งหมิงฮ่องเต้มอบหมายงานเสร็จ พระหัตถ์ไขว้หลังเดินออกไปข้างนอก
พานไห่เดินนำไปก่อนหนึ่งก้าวแล้วเปิดม่านกันลมออก
ทั้งลมหนาว และกลิ่นหอมของดอกเหมยโจมตีเข้ามา
จิ่งหมิงฮ่องเต้เงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม รู้สึกกลุ้มใจขึ้นมาเล็กน้อย
พระราชวังที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ยิ่งอยู่นานเข้าก็ยิ่งน่าเบื่อ หากคุณหนูเจียงกลายเป็นลูกสะใภ้ของเขา จะได้ดูนางแสดงกลหรือไม่นะ
……
เจียงซื่อที่อยู่ในรถม้าจามออกมา
“คุณหนูเป็นหวัดรึเจ้าคะ!” อาหมานกระวนกระวายขึ้นมาทันที แล้วรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้เจียงซื่อ
เจียงซื่อรับผ้าเช็ดหน้ามา พร้อมกับโบกมือปัด “ข้าไม่ได้เป็นหวัด อย่าได้ทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”
อยู่ดีๆ ทำไมถึงจามออกมาได้นะ รู้สึกเหมือนมีคนกำลังนินทาอยู่เลย
อาหมานยื่นหน้าเข้ามาใกล้ สีหน้าลับๆ ล่อๆ “คุณหนูเจ้าคะ ในวังเป็นอย่างไรบ้าง”
ในวังก็ไม่ต่างจากที่อื่นหรอก สาวรับใช้อย่างอาหมานไม่มีแม้แต่คุณสมบัติจะได้เข้าไปข้างในได้ จึงได้แต่รออยู่ในตัวเมือง
อาหมานทนรอจนนางออกมาจากพระราชวัง และในที่สุดก็อดที่จะถามออกไปไม่ได้
“ก็ได้อยู่” เจียงซื่อยิ้มพลางตอบกลับสั้นๆ
“คุณหนู! ก็ได้อยู่ที่แปลว่า…”
เจียงซื่อยิ้มอย่างอ่อนโยน “แปลว่า…ได้อยู่”
นางไม่ได้ขายหน้า ไม่ได้เสียเปรียบ แถมยังได้รับดอกเหมยที่สวยงามจากอวี้ชีตั้งมากมาย แน่นอนว่าก็พอใช้ได้อยู่
ส่วนเรื่องที่จะได้เป็นพระชายาของเยี่ยนอ๋องนั้น นางไม่สามารถตัดสินใจได้ และไม่จำเป็นต้องมาเป็นทุกข์เป็นร้อนในเรื่องผลได้ผลเสียด้วย
“เช่นนั้นคุณหนูได้รับดอกเหมยจากองค์ชายหรือไม่เจ้าคะ” อาหมานเอามือปิดหน้าพร้อมกับถามขึ้น
นางไปสืบถามมาแล้ว งานเลี้ยงชมดอกไม้ในวันนี้ หากองค์ชายทั้งสองถูกใจสตรีนางไหนก็จะมอบดอกเหมยให้สตรีผู้นั้นหนึ่งดอก
คุณหนูของพวกนางสวยขนาดนี้ การที่จะได้รับดอกเหมยสักดอกสองดอกคงไม่ใช่เรื่องยาก องค์ชายทั้งสองก็ไม่ได้ตาบอดสักหน่อย
หึ พูดไปก็น่าโมโห ตอนนั้นสาวรับใช้ของสตรีชั้นสูงพวกนั้นดูถูกคุณหนูเจียงของนางว่าทำไมถึงถูกเชิญไปได้ เจ้าพวกโง่ตาไม่ถึง
เจียงซื่ออมยิ้มพูดขึ้น “ได้รับสิ”
“กี่ดอกเจ้าคะ” อาหมานตาเป็นประกาย
เจียงซื่อไม่ได้แกล้งปั่นหัวเด็กสาวรับใช้ แล้วยิ้มพูดออกไป “หกดอก”
“หา?” อาหมานกะพริบตาปริบๆ
เจียงซื่อหลับตาลง ไม่พูดอะไรออกมาอีก
อาหมานเขย่าแขนเจียงซื่ออย่างแรง “คุณหนูได้หกดอกจริงหรือเจ้าคะ บ่าวไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหมเจ้าคะ”
“อื้ม หกดอก” เจียงซื่อลืมตาขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
อาหมานเอามือจับหน้าพร้อมกับพูดเสียงแหลมออกมา “สุดยอดไปเลยเจ้าค่ะคุณหนู!”
ยังไงคุณหนูก็ไม่ด้อยกว่าใคร รอได้มีโอกาสเจอบ่าวพวกนั้นก่อน นางจะคุยโม้สวนกลับให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ใครใช้ให้พวกนางดูถูกคนอื่นกัน!
เมื่อสงบลง อาหมานก็หยิกหน้าตัวเองทีหนึ่ง “แต่ว่ามีองค์ชายแค่เพียงสองท่าน ทำไมคุณหนูถึงได้ดอกเหมยหกดอกล่ะเจ้าค่ะ”
“เยี่ยนอ๋องมอบดอกไม้ทั้งหมดให้ข้า”
“คุณหนูสุดยอดมากจริงๆ เจ้าค่ะ!” นัยน์ตาอาหมานเปล่งประกายเต็มไปด้วยความชื่นชม
เฝิงเหล่าฮูหยินสั่งให้คนออกไปเฝ้าที่หน้าประตูตั้งนานแล้ว เมื่อเห็นรถม้าของจวนปั๋วกลับมา ก็รีบวิ่งเข้าไปรายงานในเรือนฉือซิน
“เหล่าฮูหยิน คุณหนูสี่กลับมาแล้วขอรับ!”
เฝิงเหล่าฮูหยินลุกพรวดขึ้นมา “เชิญคุณหนูสี่ไปที่เรือนฉือซิน!”
เมื่อเห็นบ่าวรับใช้เดินออกไปข้างนอก เฝิงเหล่าฮูหยินก็เรียกไว้อีก “นายท่านใหญ่กลับมารึยัง”
“นายท่านใหญ่ยังไม่กลับมาขอรับ”
เฝิงเหล่าฮูหยินโล่งอกไปที
แต่เมื่อนึกถึงเจียงอันเฉิง นางก็ปวดหัวขึ้นมาทันที
โชคดีที่สองวันก่อนตอนที่เจียงซื่อได้รับเทียบเชิญเหล่าต้าได้ออกเดินทางไปแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาต้องวุ่นวายแน่ๆ
เป็นแม่ลูกกันมาตั้งหลายปี เฝิงเหล่าฮูหยินถือว่าเข้าใจนิสัยของลูกชายคนโตได้เป็นอย่างดี นางรู้ว่าลูกชายคนโตจะต้องรู้สึกไม่ชอบใจในเรื่องที่น่าเบิกบานใจสำหรับนางแน่นอน
ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าลูกชายคนนี้เหมือนใคร ช่างไม่มีความเอาใจใส่อะไรเสียเลย!
ขณะที่เฝิงเหล่าฮูหยินกำลังตำหนิอยู่ในใจ ก็เห็นเด็กสาวในชุดเสื้อคลุมสีเขียวอ่อนเดินเข้ามา
นางอดทนไม่ลุกพรวดพราดยืนขึ้น แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “กลับมาแล้วหรือ”
เจียงซื่อถอดผ้าคลุมออกแล้วส่งให้สาวรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง จากนั้นเดินไปข้างหน้าแล้วย่อถอนสายบัวเล็กน้อย “ท่านย่า”
เฝิงเหล่าฮูหยินมองสำรวจเด็กสาวที่เดินเข้ามาอย่างละเอียด ทว่าเห็นเพียงแต่สีหน้าราบเรียบของอีกฝ่าย ไม่อาจเดาความคิดของนางได้เลย
จึงทำได้เพียงเอ่ยถามออกไป “ในวังเป็นอย่างไรบ้าง”
“ก็ดีเจ้าค่ะ” เจียงซื่อตอบ
เฝิงเหล่าฮูหยินขมวดคิ้ว
ก็ดีมันหมายความว่าอย่างไรกัน
“ได้ทำเรื่องอะไรนอกกรอบจนทำให้คนชั้นสูงไม่พอใจหรือไม่”
เจียงซื่อยิ้มจางๆ “ข้าเพียงแต่แสดงความสามารถตามที่เหนียงเหนียงชี้แนะเจ้าค่ะ”
เฝิงเหล่าฮูหยินพยักหน้ารับ
ฟังดูก็เหมือนจะดี
“เอาล่ะ ทำตามกฎตามระเบียบในวังก็ดีแล้ว เจ้าออกไปตั้งแต่เช้า กลับไปพักเถอะ” เฝิงเหล่าฮูหยินอยากจะถามหลานสาวว่าได้รับดอกไม้จากองค์ชายหรือไม่ แต่พอเห็นเจียงซื่อท่าทางนิ่งเฉยเช่นนี้ จึงล้มเลิกความคิดนั้นไป
แค่ได้รับเทียบเชิญจากในวังนั้นก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว เจียงซื่อที่เปรีบเหมือนบุปผามีรอยช้ำจะได้รับดอกเหมยจากองค์ชายได้อย่างไร
ถามเรื่องนี้ไป มันก็ทำให้ตัวเองรู้สึกอึกอัดเปล่าๆ
เฝิงเหล่าฮูหยินหลับตาพักผ่อน
เสียงฝีเท้าอันเร่งรีบดังขึ้น
“มีอะไร” เมื่อเห็นอาฝูสาวรับใช้คนโตพาสาวรับใช้ที่ดูแลหน้าเตาในห้องที่ติดกับเรือนใหญ่ทั้งสองห้องเข้ามา เฝิงเหล่าฮูหยินจึงเอ่ยถามขึ้น
“เหล่าฮูหยิน ชุ่ยเอ๋อร์ได้ยินอาหมานพูดถึงเรื่องคุณหนูสี่มาเจ้าค่ะ”
เฝิงเหล่าฮูหยินมองไปที่สาวรับใช้
“พูดออกมาสิ” อาฝูตีสาวรับใช้ไปหนึ่งที
สาวรับใช้รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย “เรียนเหล่าฮูหยินเจ้าค่ะ เมื่อครู่อาหมานพูดกับบ่าวในห้องว่า…คุณหนูสี่ได้รับดอกเหมยตั้งหกดอกในงานเลี้ยงชมดอกเหมย!”
“เหลวไหล!”
เฝิงเหล่าฮูหยินเอ่ยตำหนิ เด็กสาวรับใช้ปิดปากเงียบทันที
“ไปเชิญคุณหนูสี่กลับมา!”
เจียงซื่อยังไม่ทันได้เดินกลับถึงเรือนไห่ถังก็ถูกเรียกกลับไปเรือนฉือซินอีก
“ไม่ทราบว่าท่านย่ามีอะไรจะรับสั่งหรือเจ้าคะ”
เฝิงเหล่าฮูหยินมองสำรวจเจียงซื่อขึ้นลงโดยไม่พูดไม่จา
การที่เงียบไม่พูดอะไรออกมาเช่นนี้บางทีอาจจะทำให้คุณหนูจำนวนไม่น้อยตกใจกลัวได้ ทว่าเจียงซื่อกลับไม่
เฝิงเหล่าฮูหยินตบฉาดลงบนโต๊ะ “เจียงซื่อ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ทั้งหมด หากพูดซี้ซั้วหัวจะหลุดออกจากบ่าเอา!”
เจียงซื่องงงัน “ไม่ทราบว่าข้าได้พูดจาเหลวไหลเรื่องอะไรกัน”
“อาหมานสาวรับใช้ของเจ้าบอกว่าเจ้าได้รับดอกเหมยหกดอก”
“ใช่เจ้าค่ะ”
รอยตีนกาของเฝิงเหล่าฮูหยินตึงเปรี๊ยะขึ้นมาทันที “เจ้าว่าอะไรนะ!”
“ข้าบอกว่า…ใช่เจ้าค่ะ”
“เจ้า เจ้าได้ดอกเหมยหกดอกจริงรึ”
เจียงซื่อยิ้ม “ท่านย่า หากท่านไม่เชื่อก็ลองไปสืบถามดู เท่านี้ก็รู้เรื่องแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงชมดอกไม้ปิดบังกันไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”
เฝิงเหล่าฮูหยินมองตาไม่กะพริบ
เจียงซื่อพูดขนาดนี้แล้ว เรื่องนี้ก็คงจะเป็นความจริงแล้วล่ะ
เฝิงเหล่าฮูหยินผ่อนลมหายใจออกช้าๆ พลางขมวดคิ้วแน่น “ทำไมเมื่อครู่ถึงไม่พูด”
เจียงซื่อพูดอย่างเต็มปากเต็มคำ “ท่านย่าไม่ได้ถาม”
เฝิงเหล่าฮูหยินไม่ได้ถือโทษโกรธนาง แล้วรีบเอ่ยถามขึ้น “เจ้าได้มาได้อย่างไรหกดอก”
“เยี่ยนอ๋องเป็นคนให้ทั้งหมดเจ้าค่ะ”
เฝิงเหล่าฮูหยินเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกระทืบเท้าพลางถอนหายใจยาว “เป็นเรื่องแล้วล่ะ!”