บทที่ 318 ตรวจดูแฟ้มคดี

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ริมฝีปากของพิชิตขยับ“เธอคือคนที่ฉันรัก หรือว่าวารุณีทำผิด แกจะไม่ปกป้องเธอล่ะ?”

ประโยคนี้หยุดคำถามของนัทธีได้สำเร็จ

นัทธีค่อยๆปล่อยพิชิตออก กัดสันกรามแล้วพูดเสียงหม่น:“อย่ามีครั้งหน้า!”

“ฉันรู้”พิชิตตบคอเสื้อที่ถูกเขาคว้า

นัทธีสูดหายใจ ระงับความโกรธไว้“ส่วนนวิยา แกไปบอกเธอ ถ้าต่อไปเธอทำแบบนี้อีก อย่าหาว่าฉันไม่ไว้หน้า”

“แกไม่ไปบอกเธอเองล่ะ?”พิชิตมองเขา

นัทธีหันกลับ หันหลังให้พิชิต“ไม่หรอก ตอนนี้ฉันไม่อยากเจอเธอ”

พิชิตเข้าใจอารมณ์ของเขา ยังไงตลอดมา ก็คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใสซื่อจิตใจดี พอมาเล่นอุบายแบบนี้ เขาไม่โกรธสิแปลก

“โอเค ฉันจะคุยกับนวิยาเอง”พิชิตพยักหน้าตอบรับ

จากนั้น ทั้งสองคุยกันสักพัก พิชิตก็ออกไป เขายังมีเคสผ่าตัดรอเขาอยู่

ส่วนนัทธียืนอยู่หน้าประตู จุดบุหรี่มวนหนึ่ง สูบอยู่เงียบๆ

วันถัดมา วารุณีเดินทางไปโรงพัก โดยมีนัทธีไปเป็นเพื่อน

สุภัทรกับขยานีในฐานะผู้ต้องสงสัยของคดีนี้ ยังถูกกักตัวอยู่ที่ห้องสืบสวน

วารุณีกับนัทธีถูกตำรวจพามาที่ด้านนอกห้องสืบสวน“พวกเขาอยู่ด้านใน”

“ค่ะ”วารุณีพยักหน้าขอบคุณตำรวจ จากนั้นมองชายหนุ่มด้านข้างอีกครั้ง“นัทธี คุณรอฉันด้านนอกนะ ฉันเข้าไปเองได้”

นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย เห็นด้วยกับเธอ

วารุณีเปิดประตูห้องสืบสวนเข้าไป

ในสองคนที่อยู่ในห้องเห็นประตูเปิด จึงยืนขึ้นมาพร้อมกัน

“เธอเองเหรอ?”ขยานีเห็นคนที่เข้ามาคือวารุณี อาการก็ดูแย่ขึ้นมาทันที

สุภัทรที่อยู่ข้างเธอก็พูด“วารุณี ลูกมาแล้ว”

เขาไม่แปลกใจมากนัก กับการมาของวารุณี

เพราะเขาเดาได้นานแล้วว่า เธอต้องมาเพื่อวรยา

วารุณีเดินไปหยุดลงหน้าโต๊ะตรงข้ามทั้งสอง มองหน้าของทั้งสองอย่างเย็นชา

ท่ามกลางสายตาไม่พอใจของเธอ ผสมกับความโกรธ สุภัทรจึงละสายตาออกอย่างไม่รู้ตัว

ส่วนขยานีกลับฝืนสบตากับวารุณี“ทำ……ทำไม?ทำไมเธอมองพวกรแบบนี้?”

“การตายของแม่ฉัน พวกคุณทำใช่ไหม!”วารุณีกำฝ่ามือ ถามด้วยเสียงที่ไร้ความรู้สึก

สายตาขยานีสั่นคลอนอย่างรวดเร็ว แล้วจึงคืนกลับเป็นธรรมชาติ หัวเราะไปอย่างเยือกเย็น“แม่เธอล้มลงไปเอง ไม่เกี่ยวกับพวกเรา เธออย่าพูดจามั่วๆนะ”

วารุณีมองไปที่สุภัทร

มือสุภัทรที่อยู่บนหัวมังกรของไม้เท้าก็กำแน่น สุดท้ายก็พยักหน้า“คุณน้าขยานีพูดถูก แม่ของลูกล้มลงไปเองจริง”

“ฉันไม่เชื่อ!”มือทั้งสองข้างของวารุณีตบไปที่โต๊ะสืบสวน“แม่ฉันมีปัญหากับพวกคุณใครๆก็รู้ ทำไมถึงได้บังเอิญขนาดนี้ ล้มที่บ้านพวกคุณพอดี ถ้าในนี้ไม่มีอะไรแปลกๆล่ะก็ ฉันวารุณีขอให้ฟ้าผ่าตายเลย!”

“งั้นเธอก็ให้ฟ้าผ่าตายเลยสิ”ขยานีกอดอกพูดเสียงเย็นชา“ถึงเธอไม่เชื่ออย่างไร คิดว่าการตายของแม่เธอเกี่ยวกับพวกเรา แต่เรื่องจริงก็อยู่ตรงนี้ การตายของแม่เธอไม่เกี่ยวกับพวกเรา เป็นโชคร้ายของเธอเองชัดๆ ใครใช้ให้เธอเดินไม่มองทาง ลื่นไถลไปล่ะ!”

“ใช่วารุณี เมื่อวานแม่ลูกมาหาพ่อที่บ้านเพราะเรื่องของศรัณย์ พวกเราทะเลาะกัน จากนั้นแม่ลูกก็ออกไปด้วยความโกรธ เนื่องจากเดินไวไป ดังนั้นจึงเกิดผลลัพธ์อย่างนี้ขึ้นมา พอพ่อรู้ว่าแม่ลูกล้มลงไป ก็โทรหาเบอร์ฉุกเฉินเพื่อแจ้งความเป็นอย่างแรก แต่คิดไม่ถึงว่า……”

สุภัทรพูดต่อไปไม่ไหว ก้มหน้าลง เหมือนเสียใจมาก

วารุณีตัวสั่น“พอแล้ว แม่ฉันไม่ต้องการให้คุณแสร้งทำเป็นเสียใจแทนเธอ คุณไม่คู่ควร!”

“วารุณี……”

“พอแล้ว คุณอย่าพูดอีกเลย”วารุณีตัดบทของสุภัทร สูดหายใจลึกๆ หลังจากกลั้นน้ำตากลับไปสักพัก จึงพูดต่อ:“ในเมื่อพวกคุณไม่ยอมพูดความจริง ไม่เป็นไร ฉันจะสืบให้ได้เอง ถ้าฉันสืบได้ว่าการตายของแม่ฉันเกี่ยวข้องกับพวกคุณ ฉันเอาพวกคุณเข้าคุกแน่!”

พูดคำนี้จบ เธอก็มองสุภัทรกับขยานีแวบหนึ่งด้วยสายตาเยือกเย็น แล้วหันออกไป

เพราะเธอรู้ อยู่นี่ต่อไปก็ถามอะไรไม่ได้

ด้านนอกประตู นัทธีเห็นวารุณีออกมา ตัวที่พิงกำแพงอยู่นั้นก็ยืนตรง“เป็นไงบ้าง?”

วารุณีส่ายหน้า“ถามอะไรไม่ได้เลย พวกเขาปิดปากเงียบ”

“ปกติมาก ถ้าเป็นพวกเขาทำจริง เพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบทางกฎหมายแล้ว พวกเขาไม่พูดอะไรเลยสิถึงเป็นการตอบสนองที่ปกติที่สุด”นัทธีมองประตูห้องสืบสวน พูดเสียงหม่น

วารุณีละสายตาลง ปกปิดอารมณ์ในตา ไม่พูดจา

ผ่านไปสักพัก เธอเงยหน้าขึ้น เดินไปที่ห้องโถงของโรงพัก

นัทธีตามอยู่ด้านหลังเธอ

มาที่ห้องโถง วารุณีหาตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้เจอ“ขอโทษนะคะ ฉันขอดูแฟ้มคดีได้ไหม?”

ในแฟ้มคดีมีผลการสืบสวนของพวกเขาละเอียด เธออยากดูว่าจะดูอะไรได้ไหม

แต่ทางโรงพักกลับดูลำบากใจ เพราะสิ่งของอย่างแฟ้มคดี ให้คนทั่วไปตรวจดูมั่วๆไม่ได้

นัทธีเห็นแบบนี้ ก็เม้มริมฝีปากบางๆ หยิบโทรศัพท์มาโทรหาเบอร์หนึ่ง

แป๊บเดียวก็รับสาย นัทธีพูดทักทายปลายสายด้วยน้ำเสียงเคารพเล็กน้อย“นายท่านบุญชัย”

นายท่านบุญชัย?

วารุณีมองเขาอย่างแปลกใจ ถามเขาว่านายท่านบุญชัยคือใคร

นัทธีส่งสายตาให้เธอ สื่อว่าเดี๋ยวบอกเธอ และพูดจุดประสงค์ที่ตัวเองโทรไปกับนายท่านบุญชัย เพื่อตรวจดูแฟ้มคดี

“ที่แท้ก็เรื่องนี้ ได้ ผมจะให้คนติดต่อกับโรงพักทันที”นายท่านบุญชัยหัวเราะฮ่าฮ่า

“ขอบคุณมากครับ”นัทธีพยักหน้าขอบคุณเบาๆ

นายท่านบุญชัยลูบเคราที่ขาวสะอาดของตัวเอง“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก เมื่อไหร่พานวิยามาเยี่ยมตาแก่อย่างผมก็พอแล้ว”

“ผมพาไปแน่นอนครับ”นัทธีตอบกลับอย่างสุภาพ

จากนั้น ก็โทรศัพท์เสร็จ

นัทธีเอาโทรศัพท์ลงมาจากข้างหู แล้วจึงตอบคำถามจากสายตาของวารุณี“นายท่านบุญชัยเป็นอันดับหนึ่งของจังหวัดจันทร์ ได้เขาคุยให้แล้ว คุณจะขอดูแฟ้มคดีก็ไม่มีปัญหา”

“ที่แท้ก็แบบนี้เอง”วารุณีพยักหน้า“ขอบคุณนะนัทธี”

“ผมคือสามีคุณ”นัทธีมองเธอ สายตานั้นจริงจัง“ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณผม”

“ฉันรู้แล้ว”ในใจวารุณีรู้สึกอบอุ่น พยายามฉีกยิ้มแรกตั้งแต่เมื่อวานจนวันนี้ออกไป

ตอนนี้เอง ตำรวจถือแฟ้มคดีเดินมา“เบื้องบนเพิ่งโทรมา เห็นด้วยที่จะให้พวกคุณตรวจดูแฟ้มคดี แต่ตรวจดูได้แค่ในนี้เท่านั้น”

“โอเค”วารุณีพยักหน้า รับแฟ้มคดีไป แล้วเริ่มตรวจดู

นัทธีนั่งอยู่ข้างเธอ ดูกับเธอ

ดูเสร็จ วารุณีก็ปิดแฟ้มคดีเสียงดัง ฟันนั้นกัดริมฝีปากแน่น“ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”

เนื้อหาในแฟ้มคดี เหมือนกับที่เธอได้ยินในห้องดับจิต แทบจะไม่มีอะไรต่างกัน

หมายความว่า สุดท้ายแล้วคดีนี้ ได้แต่ใช้การตายว่าเป็นอุบัติเหตุที่แม่เธอลื่นล้มเองมาปิดคดีจริงๆ!

มองความไม่พอใจของวารุณีออก ตำรวจจึงถอดหมวกตำรวจมาไว้ด้านข้าง“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณวารุณีดี แต่คดีนี้ ดูจากตอนนี้แล้ว ไม่เกี่ยวกับสุภัทรกับขยานีสองคนนี้จริงๆ ดังนั้นคุณต้องทำใจให้พร้อม”

ทำใจให้พร้อมอะไรกัน ในใจของวารุณีนั้นรู้ดี

นั่นก็คือในช่วงวลาต่อไปนี้ ถ้ายังหาเบาะแสอื่นไม่ได้ เช่นหลักฐานที่สุภัทรกับขยานีทำร้ายแม่เธอ คดีนี้ก็จะจบลง สุภัทรกับขยานีสองคนนี้ ก็จะพ้นโทษ

นี่จะได้อย่างไรกัน!

วารุณีกำมือ เล็บจิกไปในฝ่ามือลึกๆ

นัทธีเห็น คิ้วก็ขมวดอย่างไม่เห็นด้วย จากนั้นยื่นมือจับมือเธอที่กำไว้ และคลายกำมือของเธอออก

มองรอยเล็บในฝ่ามือเธอที่แดงจนม่วง นัทธีถอนหายใจเบาๆ ใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆ“ไม่เจ็บเหรอ?”